Year-End Rally ปี 2025: สัญญาณอะไรจะชี้ทิศทางตลาดก่อนปิดปี?
简体中文 繁體中文 English 한국어 日本語 Español Bahasa Indonesia Tiếng Việt Português Монгол العربية हिन्दी Русский ئۇيغۇر تىلى

Year-End Rally ปี 2025: สัญญาณอะไรจะชี้ทิศทางตลาดก่อนปิดปี?

ผู้เขียน: Rylan Chase

เผยแพร่เมื่อ: 2025-12-22

“Year-end rally” ไม่ใช่เรื่องเล่าหรือความเชื่อที่ไม่มีมูล แต่ก็ไม่ใช่คำสัญญาที่จะต้องเกิดขึ้นเช่นกัน มันคือช่วงเวลาสั้น ๆ ปลายปีที่สภาพคล่องในตลาดเริ่มบางลง การจัดพอร์ตและการวางสถานะ (positioning) มีความชี้ขาดมากขึ้น และพฤติกรรมนักลงทุนมักเปลี่ยนไปในลักษณะเชิงฤดูกาลมากกว่าปกติ

ผลการดำเนินงานของดัชนี S&P 500 ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปี 2025

จังหวะเวลาในปีนี้มีความสำคัญ เพราะตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้ปรับตัวขึ้นมาแรงแล้ว โดยดัชนี S&P 500 ปรับขึ้นมากกว่า 15% ในปี 2025 และกำลังมุ่งหน้าสู่การปิดบวกเป็นปีที่สามติดต่อกันด้วยผลตอบแทนอย่างน้อย 10% การปรับขึ้นลักษณะนี้อาจช่วยหนุนให้ตลาดมีแรงดันขึ้นต่อในช่วงสุดท้ายของปี แต่ขณะเดียวกันก็ทำให้ตลาดเปราะบางต่อความผิดหวังหรือข่าวลบที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันเช่นกัน


ในเชิงฤดูกาล ภาพรวมยังดูเอื้ออำนวยในเชิงสถิติ เนื่องจากเดือนธันวาคมถือเป็นหนึ่งในเดือนที่ให้ผลตอบแทนค่อนข้างดีสำหรับตลาดหุ้นสหรัฐฯ มาโดยตลอด อย่างไรก็ตาม ในช่วงหลายทศวรรษหลัง ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริงกลับมีความผันผวนและไม่สม่ำเสมอเท่ากับค่าเฉลี่ยระยะยาว


ดังนั้น คำถามที่แท้จริงไม่ใช่ว่า year-end rally “ควรจะ” เกิดขึ้นหรือไม่ แต่คือ องค์ประกอบสำคัญต่าง ๆ กำลังเรียงตัวเข้าที่หรือไม่ หรือในทางกลับกัน เดือนธันวาคมจะกลายเป็นช่วง risk-off ที่นักเทรดเลือกขายเมื่อราคาดีดขึ้น และเร่งปกป้องกำไรเพื่อนำพอร์ตเข้าสู่เดือนมกราคม รายงานล่าสุดชี้ว่า ตลาดยังคงรอคอยการปรับขึ้นแบบ Santa Claus rally แต่ความเชื่อมั่นต่อการเกิดขึ้นของปรากฏการณ์นี้ยังไม่ได้เป็นเอกฉันท์ในหมู่นักลงทุน


"Year-End Rally" ในสายตาคนทั่วไป หมายถึงอะไร?

Year-End Rally

โดยทั่วไปแล้ว สิ่งที่นักเทรดส่วนใหญ่พูดถึงจริง ๆ คือช่วง Santa Claus Rally ซึ่งมักนิยามว่าเป็น 5 วันทำการสุดท้ายของเดือนธันวาคม และ 2 วันทำการแรกของเดือนมกราคม


จากสถิติย้อนหลังยาวนาน ช่วงเวลาดังกล่าวมักให้ผลตอบแทนเป็นบวก โดยข้อมูลอ้างอิงระบุว่า ดัชนี S&P 500 ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยราว 1.3% และปรับขึ้น เกือบ 80% ของจำนวนครั้ง นับตั้งแต่ปี 1950 เป็นต้นมา


ทำไม Year-End Rally ถึงเกิดขึ้นได้ แม้จะไม่มีข่าวใหญ่?

Year-end rally มักเกิดจากกลไกของตลาดที่ดูเรียบง่าย แต่ทรงพลัง ได้แก่


  1. นักลงทุนจำนวนมากขายสินทรัพย์เพื่อเหตุผลด้านภาษีไปแล้วในช่วงต้นเดือนธันวาคม ส่งผลให้แรงขายลดลงในช่วงปลายเดือน

  2. ผู้จัดการกองทุนบางส่วนเข้าซื้อหุ้นที่ทำผลงานดีในช่วงที่ผ่านมา เพื่อให้พอร์ตปลายปีดูแข็งแกร่ง ซึ่งกลยุทธ์นี้เรียกว่า window dressing

  3. ปริมาณการซื้อขายมักลดลงในช่วงวันหยุด ทำให้สภาพคล่องบางลง และการเคลื่อนไหวของราคาถูกขยายให้แรงขึ้นได้ทั้งขาขึ้นและขาลง

  4. กระแสจากตลาดออปชันอาจมีอิทธิพลต่อทิศทางราคา เนื่องจากดีลเลอร์ต้องปรับการเฮดจ์เมื่อใกล้วันหมดอายุของสัญญา


แรงขับเคลื่อนเหล่านี้ไม่ได้สร้างมูลค่าใหม่ให้ตลาดโดยตรง แต่สามารถช่วยให้ราคาปรับตัวขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปได้ ตราบใดที่ปัจจัยมหภาคยังไม่เป็นลบอย่างชัดเจน


อะไรทำให้ Year-End Rally ล้มเหลวได้?

โดยทั่วไป year-end rally มักไม่เกิดหรือหยุดลงด้วยเหตุผลหลัก 2 ประการ


  1. ภาพรวมของตลาดหรือเรื่องเล่า (narrative) เปลี่ยนไปในทางที่ยากลำบากมากขึ้น ทำให้นักลงทุนหันมาเน้นการป้องกันความเสี่ยง

  2. ธีมการลงทุนที่มีสถานะหนาแน่นเกินไป (crowded positioning) เริ่มแตก ส่งผลให้เกิดแรงขายแบบบังคับ


ในช่วงปลายปี 2025 ธีมที่ถูกมองว่า “แออัด” มากที่สุด ได้แก่ หุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ (mega-cap tech) และ ธีม AI ซึ่งทั้งสองปัจจัยถือเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของตลาดหุ้นตลอดปีนี้


Year-End Rally ปีนี้มีโอกาสเกิดขึ้นหรือไม่?

คำตอบคือ มีโอกาสมากกว่าไม่มีในปี 2025 Year-end rally ในปีนี้ยังคงมีแนวโน้มเกิดขึ้นในระดับปานกลาง แต่คาดว่าจะไม่ราบรื่น และอ่อนไหวต่อข่าว (headline-sensitive) มากกว่าการปรับขึ้นแบบต่อเนื่องเป็นเส้นตรง


แนวทางที่ตรงไปตรงมาที่สุดในการตัดสินว่า year-end rally กำลังเกิดขึ้นจริงหรือไม่ คือการติดตามว่า ภาวะ “risk-on” มีความสอดคล้องกันหรือไม่ในหลายตลาด ได้แก่ หุ้น เครดิต พันธบัตร ค่าเงินดอลลาร์ และความผันผวน


ส่วนของตลาด ตัวชี้วัดเชิงปฏิบัติ ค่าล่าสุด (ปิดล่าสุด) สิ่งที่มักบ่งชี้ช่วงปลายปี
หุ้นสหรัฐฯ ขนาดใหญ่ SPY $680.59 ความแข็งแกร่งช่วยหนุนมุมมองการเกิด rally
ผู้นำฝั่งเทคโนโลยีสหรัฐ QQQ $617.05 ภาวะผู้นำยืนยันความต้องการรับความเสี่ยง
การมีส่วนร่วมของหุ้นเล็ก IWM $250.79 ความกว้างของตลาดดีขึ้นเมื่อหุ้นเล็กร่วมขึ้น
การมีส่วนร่วมแบบกว้าง RSP $192.88 น้ำหนักเท่ากันที่แข็งแรงสะท้อน rally ที่สุขภาพดี
สภาวะดอลลาร์สหรัฐ UUP $28.07 ดอลลาร์แข็งเร็วเกินไปอาจทำให้เงื่อนไขตึงตัว
ความอยากรับความเสี่ยงด้านเครดิต HYG $80.36 เครดิตอ่อนแอเตือนว่า “risk-on” เปราะบาง
อัตราผลตอบแทนระยะยาว TLT $87.55 ผลตอบแทนระยะยาวที่ลดลงช่วยมูลค่า แต่ต้องดูบริบท
แรงกดดันจากความผันผวน VIXY $27.05 ความผันผวนที่เพิ่มขึ้นมักทำลาย rally เชิงฤดูกาล


ประเด็นสำคัญของตารางนี้ไม่ใช่ตัวเลขใดตัวเลขหนึ่ง แต่คือคำถามว่าองค์ประกอบทั้งหมดเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกันหรือไม่ เพราะการปรับขึ้นที่แท้จริงมักมีลักษณะกว้าง (broad) และสงบ (calm) มากกว่าการพุ่งขึ้นแบบกระจัดกระจายและผันผวนสูง


4 สัญญาณที่ยืนยันการเกิด Year-End Rally

4 สัญญาณที่ยืนยันการเกิด Year-End Rally

1) ความผันผวนยังอยู่ในระดับต่ำ

หากความผันผวนยังคงปรับลดลง การย่อตัวของตลาดมักถูกเข้าซื้ออย่างรวดเร็ว เนื่องจากความต้องการป้องกันความเสี่ยง (hedging) ลดลง และกระแสการลงทุนเชิงระบบ (systematic investments) ยังคงเอื้ออำนวย

  • สัญญาณเชิงบวก: ตัวชี้วัดความผันผวนในลักษณะเดียวกับ VIX ปรับตัวลง ขณะที่ตลาดหุ้นยังสามารถรักษาระดับกำไรได้

  • สัญญาณเชิงลบ: ความผันผวนพุ่งขึ้นในวันที่ตลาดปรับขึ้น ซึ่งมักสะท้อนถึงภาวะการกระจายหุ้น (distribution)


2) ความกว้างของตลาดไม่ยุบตัว

Year-end rally จะมีความแข็งแกร่งมากขึ้น หากไม่ได้ขับเคลื่อนโดยหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่เพียงกลุ่มเดียว

  • สัญญาณเชิงบวก: ดัชนีถ่วงน้ำหนักเท่ากัน (RSP) เคลื่อนไหวสอดคล้องกับ SPY

  • สัญญาณเชิงลบ: SPY ปรับขึ้น แต่ RSP อ่อนแรงอย่างชัดเจน บ่งชี้ถึงผู้นำตลาดที่แคบและฐานรองรับที่เปราะบาง


3) ตลาดเครดิตไม่ส่ง “สัญญาณเตือน” ก่อน

ตลาดตราสารหนี้มักเป็นพื้นที่แรกที่ความตึงเครียดเริ่มปรากฏ

  • สัญญาณเชิงบวก: พันธบัตรผลตอบแทนสูง (High Yield) ทรงตัว และส่วนต่างผลตอบแทน (spreads) ไม่ขยายตัว

  • สัญญาณเชิงลบ: High Yield ปรับลงต่อเนื่องหลายวัน ขณะที่ตลาดหุ้นยังคงเพิกเฉยราวกับไม่มีอะไรผิดปกติ


4) ดอลลาร์สหรัฐไม่แข็งค่าพุ่งแรงในโหมด Risk-off

การแข็งค่าฉับพลันของดอลลาร์ในช่วงปลายเดือนธันวาคม มักมาพร้อมกับการลดความเสี่ยง การตึงตัวของภาวะการเงิน หรือแรงบีบจากการจัดสถานะ (positioning squeeze)


ความเสี่ยงหลัก: สภาพคล่องบางอาจขยายความรุนแรงของการเคลื่อนไหว

การซื้อขายในช่วงปลายเดือนธันวาคมมักมีสภาพคล่องต่ำ ทำให้ทั้งการปรับขึ้นและการปรับลงของตลาดดูรุนแรงกว่าความเป็นจริง


นอกจากนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐจะมีการปิดตลาดเร็วเป็นกรณีพิเศษในวันที่ 24 ธันวาคม ซึ่งอาจขยาย “ช่องว่างของราคา” (air pockets) หากมีข่าวไม่คาดฝันเกิดขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว


ผลลัพธ์ที่เป็นไปได้มากที่สุดสำหรับช่วงปลายปี 2025

วิธีคิดเกี่ยวกับช่วงปลายปีอย่างมีเหตุผล คือการแยกพฤติกรรมราคาของตลาดออกเป็น 3 เส้นทางหลัก


เส้นทางสู่ปลายปี สิ่งที่มีแนวโน้มจะเห็น ความหมายต่อนักเทรด
ปรับขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป การมีส่วนร่วมของตลาดในวงกว้าง ความผันผวนต่ำ และตลาดเครดิตมีเสถียรภาพ เป็น year-end rally ตามฤดูกาลทั่วไป ไม่จำเป็นต้องไล่ราคามาก
ปรับขึ้นแบบผันผวนและแคบ ดัชนียังทรงตัวได้ แต่ความกว้างของตลาดอ่อนแอ และผู้นำตลาดกระจุกตัว ยังพอเทรดได้ แต่มีความเปราะบางสูง โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่เดือนมกราคม
Rally ล้มเหลว ความผันผวนเพิ่มขึ้น เครดิตอ่อนตัว และดอลลาร์แข็งค่ากดดันตลาด โหมดลดความเสี่ยง (de-risking) ครอบงำ และ “ฤดูกาล” หมดบทบาทเป็นแรงหนุน


วางตำแหน่งการลงทุนอย่างไรโดยไม่ต้องไล่ราคา

หากคุณเป็นนักเทรดระยะสั้น

  1. โฟกัสที่ระดับราคาและการตอบสนองของตลาด มากกว่าการคาดเดา

  2. หลีกเลี่ยงการไล่ซื้อในช่วงที่ราคาเปิดกระโดด (gap-up) ในวันที่สภาพคล่องบาง

  3. ให้ความสำคัญกับความกว้างของตลาดและหุ้นผู้นำ เพราะเป็นตัวบ่งชี้ว่า rally นั้นแข็งแรงจริงหรือไม่


หากคุณเป็นนักลงทุนระยะยาว

  1. อย่าปล่อยให้ช่วงฤดูกาลเพียง 7 วันมากำหนดงบประมาณความเสี่ยงของคุณ

  2. ใช้ช่วงตลาดอ่อนตัวเพื่อปรับสมดุลพอร์ตเข้าสู่สินทรัพย์คุณภาพ ไม่ใช่เพื่อไล่ซื้อหุ้นเบตาสูงหลังจากราคาปรับขึ้นแรงไปแล้ว

  3. จำไว้ว่า ความแข็งแกร่งตามฤดูกาลคือ “แนวโน้ม” ไม่ใช่ “สิทธิ์ที่ตลาดต้องมอบให้”


คำถามที่พบบ่อย

1. ช่วงเวลา Santa Claus Rally คือเมื่อใด?

คือ 5 วันทำการสุดท้ายของเดือนธันวาคม และ 2 วันทำการแรกของเดือนมกราคม


2. ปีที่ตลาดแข็งแกร่ง ช่วยเพิ่มโอกาสเกิด Year-End Rally หรือไม่?

ปีที่ตลาดปรับขึ้นแรงสามารถช่วยหนุน year-end rally ได้ เพราะนักลงทุนมีความเชื่อมั่นสูงขึ้น และกรอบความเสี่ยง (risk budget) กว้างขึ้น อย่างไรก็ตาม ปีที่แข็งแกร่งมากก็อาจเป็นดาบสองคม เพราะระดับมูลค่าสูงขึ้น และแรงจูงใจในการขายทำกำไรเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่สภาพคล่องบาง


3. ทำไมหุ้นมักปรับขึ้นในช่วงปลายปี?

เนื่องจากแรงขายลดลงหลังการขายเพื่อลดภาษี (tax-loss harvesting), การปรับพอร์ตปลายปีของสถาบัน (window dressing), กระแสเงินลงทุนที่นำกลับมาลงทุนใหม่ และบรรยากาศความเชื่อมั่นที่ดีขึ้น


4. ความเสี่ยงใหญ่ที่สุดต่อ Year-End Rally ในปี 2025 คืออะไร?

ความเสี่ยงสำคัญที่สุดคือ การปรับฐานด้านมูลค่า (valuation adjustment) ของหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ ซึ่งอาจถูกกระตุ้นจากความกังวลเกี่ยวกับการลงทุนด้าน AI (AI capital expenditures) และรุนแรงขึ้นจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ปรับสูงขึ้น


5. Year-End Rally รับประกันว่าตลาดจะดีต่อเนื่องในเดือนมกราคมหรือไม่?

ไม่รับประกัน ฤดูกาลเป็นเพียงรูปแบบระยะสั้น ขณะที่ไตรมาสแรกมักถูกกำหนดทิศทางโดยแนวโน้มกำไรของบริษัท อัตราดอกเบี้ย และการปรับสถานะการลงทุนใหม่ ซึ่งสามารถกลบอิทธิพลของรูปแบบในเดือนธันวาคมได้


บทสรุป

โดยสรุป Year-end rally ในปี 2025 ยังมีความเป็นไปได้ แต่ไม่ใช่ “ตั๋วผ่านฟรี” ปัจจัยฤดูกาลยังคงเอื้ออำนวย และช่วง Santa window มีสถิติความสำเร็จในอดีตที่ค่อนข้างสูง อย่างไรก็ตาม ตลาดรอบนี้มีจุดเปราะบางที่ชัดเจน คือ เมื่อความเชื่อมั่นต่อ AI สั่นคลอน และอัตราผลตอบแทนปรับสูงขึ้น ดัชนีที่นำโดยหุ้นเทคโนโลยีสามารถปรับลงได้อย่างรวดเร็ว


มุมมองที่เป็นประโยชน์ที่สุดคือการมองช่วงวันซื้อขายสุดท้ายของปีเป็นช่วงยืนยันสัญญาณ (confirmation phase) หากความกว้างของตลาดดีขึ้นและความผันผวนยังถูกควบคุมไว้ โมเมนตัมตามฤดูกาลอาจต่อเนื่องไปถึงต้นเดือนมกราคม แต่หากตลาดเครดิตอ่อนแอและความผันผวนเพิ่มขึ้น “เรื่องเล่าเรื่อง rally” ก็สามารถพังลงได้อย่างรวดเร็วในช่วงวันหยุดที่สภาพคล่องบาง


ข้อสงวนสิทธิ์: เนื้อหานี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนาให้เป็น (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรนำไปใช้เป็นหลักในการตัดสินใจ ความเห็นใดๆ ที่ปรากฏในเนื้อหานี้ไม่ได้เป็นการแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่าการลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือกลยุทธ์การลงทุนใดๆ เหมาะสมสำหรับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ

บทความแนะนำ
วิธีลงทุนทองคำ: ขั้นตอนง่าย ๆ สำหรับมือใหม่
Silver ETF ให้ผลตอบแทนสูงสุด 100%: นักลงทุนควรลงทุนอย่างไร?
กองทุน ICLN ETF: การลงทุนพลังงานสะอาด
การแยกหุ้น Walmart: เป็นโอกาสหรือวิกฤตจริง?
คาดการณ์ GBP/INR ปี 2026: มุมมองตลาดและเป้าหมายการเทรด