ฟอเร็กซ์

การเทรดฟอเร็กซ์ คือการเก็งกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศ โดยการแปลงสกุลเงินหนึ่งไปเป็นอีกสกุลเงินหนึ่ง การเปลี่ยนแปลงของค่าเงินมีผลกระทบจากปัจจัยต่างๆ เช่น การเมือง สงคราม ภัยพิบัติ โรคระบาด เศรษฐกิจโลก นโยบายการเงิน อัตราดอกเบี้ย และเงินเฟ้อ ซึ่งส่งผลต่ออุปสงค์และอุปทานของสกุลเงินและทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน ปริมาณการซื้อขายในตลาด Forex ต่อวันสูงถึง 7.5 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งหมายความว่าไม่มีสถาบันหรือบุคคลใดสามารถควบคุมตลาดฟอเร็กซ์ได้ อีกทั้งยังสามารถทำการเทรดได้ทุกที่ทุกเวลา

ตลาด Forex ประกอบด้วยคู่สกุลเงินหลักทั้ง 7 ชนิด เช่น EURUSD, GBPUSD, USDJPY, USDCAD, USDCHF, AUDUSD และ NZDUSD เมื่อดำเนินการเทรด Forex คู่สกุลเงินเหล่านี้จะถูกวางในตลาดระหว่างธนาคารและสถาบันที่ไม่ใช่ธนาคาร โดยทั่วไปเราจะพบความแตกต่างระหว่างราคาซื้อและราคาขายของคู่สกุลเงิน ซึ่งเรียกว่า "สเปรด" โดยขึ้นอยู่กับสภาพคล่องของธนาคารและสถาบันที่ไม่ใช่ธนาคารที่ให้บริการ โดยปกติแล้ว ยิ่งตลาดมีสภาพคล่องมากเท่าไร การดำเนินการคำสั่งก็จะง่ายขึ้น และการเสนอราคาจะยิ่งดีขึ้น EBC มีคู่สกุลเงินให้นักเทรดเลือกถึง 36 คู่ โดยมีสเปรดที่ต่ำ เมื่อเข้าร่วมการเทรดฟอเร็กซ์ผ่านระบบสภาพคล่องระดับสถาบันของ EBC คุณจะสามารถเชื่อมต่อโดยตรงกับตลาดธนาคารที่ประกอบด้วยสถาบันชั้นนำกว่า 25 แห่ง พร้อมรับความลึกของคำสั่งในระดับสถาบันและต้นทุนการซื้อขายที่มีความสามารถในการแข่งขันสูง

ช่วงเวลาการเทรด Forex ต่างจากการซื้อขายหุ้นและสินค้าโภคภัณฑ์ที่เกิดขึ้นในตลาดกลาง การซื้อขายคู่สกุลเงินจะเกิดขึ้นในเครือข่ายของธนาคาร นักลงทุน และโบรกเกอร์ทั่วโลก ดังนั้นจึงไม่ถูกจำกัดอยู่ในช่วงการซื้อขายเฉพาะ ทำให้นักเทรดสามารถทำการเทรดได้ตลอด 24 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์

ในตลาด Forex เลเวอเรจ คือตัวกำหนดการใช้เงินทุนของคุณ โดยทั่วไปแล้ว เลเวอเรจที่สูงขึ้น หมายถึงประสิทธิภาพทางการเงินที่สูงขึ้น ตัวอย่างเช่น มูลค่าของสัญญา EURUSD มาตรฐานคือ 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ หากไม่มีเลเวอเรจ คุณจะต้องจ่ายเงินเต็มจำนวน ดังนั้นเงินทุนที่ลงทุนจะเป็น 100,000 ดอลลาร์ แต่ถ้ามีเลเวอเรจ 500 เท่า คุณสามารถใช้เงินเพียง 200 ดอลลาร์ ซึ่งเทียบเท่ากับการเพิ่มการใช้เงินทุน 500 เท่า ถ้าใช้เลเวอเรจ 100 เท่า คุณจะต้องใช้เงิน 1,000 ดอลลาร์ และถ้าใช้เลเวอเรจ 200 เท่า คุณจะใช้เงิน 500 ดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม เลเวอเรจที่สูงขึ้นยังหมายความว่าการขาดทุนอาจขยายเพิ่มขึ้นตามไปด้วย เราขอแนะนำให้มีการเปิดเผย 30-50% ในระหว่างการซื้อขาย ตัวอย่างเช่น หากเงินในบัญชีของคุณคือ 1,000 ดอลลาร์ ให้มั่นใจว่าเงินทุนจะอยู่ระหว่าง 300 ถึง 500 ดอลลาร์ และเงินทุนที่เหลือจะทำหน้าที่เป็นบัฟเฟอร์ความเสี่ยงเพื่อตอบสนองต่อความผันผวนของตลาด หากคุณเป็นผู้เริ่มต้น เราขอแนะนำให้มีการเปิดเผย 10-30% โดยพิจารณาจากการรักษาสมดุลระหว่างความเสี่ยงและผลตอบแทน รวมถึงข้อกำหนดของกรอบการกำกับดูแล MiFID II EBC จึงเเนะนำใช้เลเวอเรจสูงสุด 500 เท่า

ในตลาด Forex ค่า pip หมายถึงการเคลื่อนไหวของหน่วยราคาที่เล็กที่สุดในอัตราแลกเปลี่ยนฟอเร็กซ์ โดยทั่วไปเราจะพูดว่า "มันเคลื่อนไหวไปกี่ pip" ซึ่งจะตรงกับค่า pip สำหรับคู่สกุลเงินส่วนใหญ่ ค่า pip จะสัมพันธ์กับตำแหน่งทศนิยมที่สี่ ซึ่งก็คือ 0.0001 ยกตัวอย่างเช่น หาก EURUSD เพิ่มขึ้นจาก 1.0558 เป็น 1.0559 เราจะพูดว่า EURUSD เคลื่อนไหวหนึ่ง pip และโดยปกติแล้วสำหรับการซื้อขายหนึ่งล็อตมาตรฐานของคู่สกุลเงินเหล่านี้ การเคลื่อนไหวหนึ่ง pip จะทำให้ได้กำไร $10 สำหรับคู่สกุลเงินอื่น ๆ ค่า pip จะสัมพันธ์กับตำแหน่งทศนิยมที่สอง เช่น หาก USDJPY เพิ่มขึ้นจาก 149.01 เป็น 149.02 เราจะพูดว่า USDJPY เคลื่อนไหวหนึ่ง pip

การเทรด Forex คือการซื้อสกุลเงินหนึ่ง และขายอีกสกุลเงินหนึ่งในคู่สกุลเงินนั้น ตัวอย่างเช่น EUR/USD แสดงถึงการซื้อเงินยูโรและขายเงินดอลลาร์ ในขณะที่ USD/JPY แสดงถึงการซื้อเงินดอลลาร์และขายเงินเยนญี่ปุ่น โดยทั่วไปแล้วเราจะซื้อสกุลเงินในคู่สกุลเงินที่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น และขายสกุลเงินที่มีแนวโน้มอ่อนค่าลง ตัวอย่างเช่น หากคุณมีมุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับเงินยูโรและมุมมองเชิงลบต่อเงินดอลลาร์ คุณสามารถซื้อ EUR/USD แต่หากคุณมีมุมมองเชิงบวกต่อเงินดอลลาร์และมุมมองเชิงลบต่อเงินยูโร คุณสามารถขาย EUR/USD การเคลื่อนไหวของคู่สกุลเงินขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น นโยบายการเงิน ข้อมูลเศรษฐกิจ และอัตราเงินเฟ้อ โดยทั่วไป เมื่อธนาคารกลางมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและลดปริมาณเงิน สกุลเงินที่เกี่ยวข้องมักจะแข็งค่าขึ้น หากข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศเป็นบวก ตลาดมักจะคาดหวังว่าอัตราเงินเฟ้อและการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยผลักดันให้สกุลเงินแข็งค่าขึ้น

เพื่อรับประกันความปลอดภัยของเงินทุน การเลือกโบรกเกอร์ที่มีชื่อเสียงและอยู่ภายใต้การกำกับดูแลที่เข้มงวดจึงเป็นสิ่งสำคัญก่อนที่จะตัดสินใจเข้าร่วมการเทรด

โบรกเกอร์เหล่านี้มักมีขั้นตอน KYC (รู้จักผู้ใช้) ที่เข้มงวด โดยต้องการให้ผู้ใช้จัดทำรายงานการตรวจสอบจากสถาบันมืออาชีพเพื่อยืนยันประสบการณ์การเทรดและความสามารถในการรับความเสี่ยง ข้อมูลที่เกี่ยวข้องจะถูกส่งรายงานไปยังหน่วยงานกำกับดูแล นอกจากนี้ ผู้เทรดยังสามารถตรวจสอบรายละเอียดใบอนุญาตและการรับรองของโบรกเกอร์ได้โดยตรงผ่านหน่วยงานกำกับดูแล

ตามกฎสินทรัพย์ของลูกค้า (CASS) ของ FCA (หน่วยงานกำกับดูแลการเงิน) บัญชีที่เปิดกับ EBC ภายใต้การกำกับดูแลของ FCA จะได้รับการคุ้มครองโดยโครงการชดเชยบริการทางการเงินของสหราชอาณาจักร (FSCS) โดยให้ความคุ้มครองสูงสุดถึง 85,000 ปอนด์ นอกจากนี้ เงินทุนยังถูกถือครองแยกต่างหากในบัญชี Barclays Bank ในสหราชอาณาจักรอีกด้วย