简体中文 繁體中文 English 한국어 日本語 Español Bahasa Indonesia Tiếng Việt Português Монгол العربية हिन्दी Русский ئۇيغۇر تىلى

USDCNY ร่วงแตะระดับ 7.08 จุดต่ำสุดรอบใหม่ ตลาดกำลังจับตาทิศทางต่อไปจะเป็นอย่างไร?

ผู้เขียน: Ethan Vale

เผยแพร่เมื่อ: 2025-11-26   
อัปเดตเมื่อ: 2025-11-27

USD/CNY: คู่สกุลเงินที่กำลังก้าวเข้าสู่ “ระยะปรับมูลค่าเชิงโครงสร้าง”

ความเคลื่อนไหวของ USD/CNY ไม่ได้ขึ้นกับเพียงปัจจัยระยะสั้นอีกต่อไปแล้ว ปลายเดือนพฤศจิกายน 2025 คู่เงินออนชอร์ซื้อขายใกล้ระดับ 7.08 ซึ่งถือเป็นช่วงที่เงินหยวนแข็งค่าต่อเนื่องและมีเสถียรภาพที่สุดครั้งหนึ่งนับตั้งแต่ต้นปี 2023

อัตรา USD/CNY วันนี้

ในเวลาเดียวกัน CFETS RMB Index ปรับขึ้นแตะระดับ 98.22 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน แสดงให้เห็นว่าแรงแข็งค่าของเงินหยวนเกิดขึ้นแบบ กว้างขวาง ไม่ได้เป็นเพียงผลจากการอ่อนค่าของดอลลาร์เท่านั้น


การเคลื่อนไหวทั้งสองด้านนี้สะท้อนว่าคู่เงินกำลังเข้าสู่วัฏจักรการปรับมูลค่าเชิงโครงสร้าง (structural repricing) ซึ่งขับเคลื่อนด้วยทั้งสภาวะมหภาคและ “การออกแบบนโยบายภายในประเทศ” ของจีนอย่างตั้งใจ


การเปลี่ยนทิศของเฟด และผลกระทบโดยตรงต่อ USD/CNY

ความเคลื่อนไหวของดัชนีดอลลาร์สหรัฐในสัปดาห์นี้

การที่เฟดเปลี่ยนจากนโยบายการเงินแบบเข้มงวด มาสู่การปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป คือปัจจัยสำคัญที่ผลักดัน USD/CNY ลงมา


เมื่ออัตราดอกเบี้ยสหรัฐลดลง และช่องว่างผลตอบแทน (yield differential) แคบลง ความได้เปรียบด้านผลตอบแทนของดอลลาร์ก็ลดลง


สิ่งนี้ทำให้ความต้องการถือครองสินทรัพย์ดอลลาร์ลดลง และเม็ดเงินเริ่มไหลกลับไปยังสกุลเงินที่ถูกมองว่า “ยังมีมูลค่าต่ำ” หรือได้รับแรงสนับสนุนจากนโยบาย รวมถึงเงินหยวนด้วย


ในปี 2025 ผลกระทบนี้ยิ่งชัดเจนขึ้น เพราะจีนกำลังดำเนินนโยบาย “ผลักดันหยวนให้แข็งค่าอย่างมีเสถียรภาพ” พร้อมกันไปด้วย


การชี้นำอย่างแนบเนียนแต่ทรงพลังของ PBOC ต่อทิศทางเงินหยวน

ธนาคารกลางจีน (PBOC) มีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางของ USD/CNY ผ่านมาตรการเชิงกลยุทธ์หลายประการ ได้แก่:

  • การกำหนดค่ากลาง (midpoint) ให้ออกมาแข็งกว่าที่ตลาดคาดอย่างต่อเนื่อง

  • การเข้าซื้อ–ขายของธนาคารรัฐเพื่อปรับความผันผวนรายวัน

  • การส่งสัญญาณชัดเจนว่าจีนต้องการให้หยวนแข็งค่าอย่างเป็นระเบียบ ไม่ใช่ผันผวนรุนแรง

  • การใช้กรอบการซื้อขาย ±2% รอบค่ากลางเป็น “จุดยึดเสถียรภาพ”


ทั้งหมดนี้ไม่ใช่การแทรกแซงเชิงรุก แต่เป็นกลยุทธ์ผลักดันให้เงินหยวนแข็งค่าอย่างควบคุมได้ เป็นการส่งสัญญาณความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจจีน และตอกย้ำภาพลักษณ์ของ RMB ในฐานะสกุลเงินที่มีเสถียรภาพและเชื่อถือได้


ทำไมจีนต้องการให้เงินหยวนแข็งค่าขึ้นในวัฏจักรนี้?

CNY - หยวนจีน

การที่เงินหยวนแข็งค่ามากขึ้น สอดคล้องกับ “เป้าหมายเชิงโครงสร้าง” หลายประการของจีน

1. การฟื้นฟูความน่าเชื่อถือในเวทีโลก

จีนกำลังใช้กลยุทธ์คล้ายช่วงวิกฤตการเงินเอเชียปี 1998 เมื่อจีนปฏิเสธที่จะลดค่าเงินตามประเทศเพื่อนบ้าน


การรักษาเสถียรภาพของเงินหยวนในครั้งนี้ จะช่วยตอกย้ำภาพลักษณ์ของ RMB ในฐานะ “สกุลเงินหลักที่เชื่อถือได้”

2. การสนับสนุนแผนผลักดันเงินหยวนสู่เวทีระหว่างประเทศ

เงินหยวนที่แข็งแกร่งและคาดการณ์ได้ง่าย ช่วยเพิ่มการใช้งานในด้านต่าง ๆ เช่น:

  • การชำระเงินข้ามพรมแดน

  • การออกใบแจ้งหนี้ของบริษัท

  • ความร่วมมือด้านสินเชื่อในภูมิภาค

  • การจัดสรรเงินสำรองของธนาคารกลางต่างประเทศ

3. การเสริมความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ

เสถียรภาพของเงินหยวนช่วยกระตุ้นเงินทุนไหลเข้าตลาดพันธบัตรออนชอร์ของจีน ซึ่งยังคงดึงดูดได้ดี แม้ผลตอบแทนจะมีช่องว่างแคบลงก็ตาม

4. การรับมือกับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกอย่างสร้างสรรค์

ในช่วงที่ตลาดทั่วโลกมีความผันผวน จีนเลือกส่งสัญญาณความมั่นคงผ่านเงินหยวน ทำให้แตกต่างจากตลาดเกิดใหม่อื่น ๆ


โดยสรุป เงินหยวนที่แข็งแกร่งไม่ใช่แค่สัญญาณทางเศรษฐกิจ แต่เป็น “กลยุทธ์เชิงภาพลักษณ์” ของจีน


USD/CNY และกระแสสภาพคล่องเงินหยวนทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว


หนึ่งในปัจจัยเชิงโครงสร้างที่สำคัญและมักถูกมองข้าม คือ ปริมาณการซื้อขายเงินหยวนที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก


ตามรายงานสำรวจการซื้อขาย FX ของ BIS ล่าสุด ปริมาณการซื้อขาย RMB เพิ่มขึ้นเกือบ 60% ตั้งแต่ปี 2022 และตอนนี้คิดเป็นมากกว่า 8% ของปริมาณธุรกรรม FX รายวันทั่วโลก


ผลของสภาพคล่องที่สูงขึ้นคือ:

  • ตลาดที่ลึกยิ่งขึ้น

  • สเปรดแคบลง

  • ต้นทุนการป้องกันความเสี่ยงต่ำลง

  • มีสถาบันการเงินเข้าร่วมมากขึ้น

  • ความมั่นใจของบริษัทข้ามชาติเพิ่มขึ้น


เมื่อ USD/CNY กลายเป็นหนึ่งในคู่เงินที่มีการซื้อขายมากที่สุดในโลก “โครงสร้างตลาด” เองก็ยิ่งช่วยเสริมเสถียรภาพของเงินหยวนไปด้วย


ระบบ FX ที่พัฒนาอย่างต่อเนื่องนี้ ทำให้การแข็งค่าของเงินหยวนในรอบนี้ มีความยั่งยืนมากกว่ารอบก่อน ๆ


2018 vs. 2025: เรื่องราวของสองระบอบค่าเงินที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง

USD/CNY ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา

ความแตกต่างระหว่างสองช่วงเวลานี้สะท้อนให้เห็นว่าภูมิทัศน์ของตลาดเงินจีนเปลี่ยนแปลงไปมากเพียงใด

2018:

  • แรงสั่นสะเทือนจากสงครามการค้า

  • เงินทุนไหลออกจากจีน

  • USD/CNY ปรับขึ้นแรงตามการอ่อนค่าของเงินหยวน

  • เงินหยวนสูญเสียมูลค่าราว 5%

2025:

  • เฟดผ่อนคลายนโยบายแทนการเข้มงวด

  • จีนชี้นำให้เงินหยวนแข็งค่าอย่างมีเสถียรภาพ

  • RMB แข็งค่าราว 3% นับตั้งแต่ต้นปี (YTD)

  • ความต้องการสินทรัพย์ที่กำหนดราคาเป็น RMB เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั่วโลก


ความแตกต่างเชิงโครงสร้างที่เห็นนี้ ไม่ได้มาจากปัจจัยมหภาคเพียงอย่างเดียว แต่สะท้อนถึง “ทิศทางนโยบาย” ที่สอดคล้องกับเป้าหมายการผลักดันเงินหยวนสู่เวทีนานาชาติของจีนด้วย


คาดการณ์จากนักวิเคราะห์: USD/CNY จะไปทางไหนต่อ?

ธนาคารรายใหญ่ส่วนมากคาดว่าเงินหยวนจะยังคงแข็งค่าต่อไป

การคาดการณ์ของ Goldman Sachs

  • 3 เดือน: ~6.95

  • 6 เดือน: ~6.90

  • 12 เดือน: ~6.85


เหตุผลที่ทำให้ทิศทางเงินหยวนยังเป็นบวก ได้แก่:

  • อัตราผลตอบแทนสหรัฐที่ลดลง

  • ค่ากลาง (midpoint) ที่จีนกำหนดอย่างมั่นคง

  • เงื่อนไขสินเชื่อภายในประเทศที่ดีขึ้น

  • การใช้เงินหยวนในธุรกรรมการค้าระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง


อย่างไรก็ตาม ธนาคารย้ำว่าแนวโน้มแข็งค่าจะเกิดขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่ใช่การทะยานอย่างรุนแรง


ใครได้ประโยชน์ และใครต้องปรับตัว เมื่อ USD/CNY อ่อนลง?

USDCNY ร่วงลง

1. ผู้ส่งออก

เงินหยวนที่แข็งค่าขึ้นทำให้ส่วนต่างกำไรของผู้ส่งออกแคบลง โดยเฉพาะผู้ผลิตที่มาร์จิ้นต่ำ อาจต้องย้ายฐานการผลิตหรือเจรจาปรับสัญญาใหม่

2. ผู้นำเข้า

ผู้นำเข้าได้ประโยชน์ทันทีจากต้นทุนสินค้านำเข้าที่ลดลง ไม่ว่าจะเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ เครื่องจักร หรือเทคโนโลยี

3. บริษัทข้ามชาติที่ดำเนินงานในประเทศจีน

อัตรา USD/CNY ที่คาดการณ์ได้ง่ายขึ้นช่วยลดต้นทุนการป้องกันความเสี่ยง (hedging) และลดความไม่แน่นอนด้านอัตราแลกเปลี่ยน ส่งผลดีต่อการวางแผนระยะยาว

4. นักลงทุนและผู้จัดการสินทรัพย์

วัฏจักรแข็งค่าที่มีความน่าเชื่อถือช่วยสนับสนุน:

  • เงินทุนไหลเข้าตลาดพันธบัตรรัฐบาลจีน

  • การเข้าร่วมตลาดหุ้นออนชอร์อย่างมั่นคงขึ้น

  • การเพิ่มสัดส่วนการถือครองสินทรัพย์สกุล RMB ของผู้ดูแลเงินสำรอง (reserve managers)

5. ผู้บริโภค

เงินหยวนแข็งค่าช่วยลด “เงินเฟ้อนำเข้า” ทำให้ต้นทุนท่องเที่ยวต่างประเทศ สินค้าหรู และบริการจากต่างประเทศอาจลดลง


ความเสี่ยงที่อาจพลิกทิศของ USD/CNY

แม้โมเมนตัมจะยังแข็งแกร่ง แต่ยังมีปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องจับตา

1. เศรษฐกิจสหรัฐกลับมาแข็งแรงเกินคาด

หากเงินเฟ้อสหรัฐเร่งขึ้นอีกครั้ง เฟดอาจชะลอการลดดอกเบี้ย ซึ่งจะหนุนค่าเงินดอลลาร์ให้แข็งขึ้น

2. ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์

ความไม่แน่นอนในเอเชียหรือเหตุการณ์ระดับโลก อาจทำให้เงินทุนไหลกลับสู่สินทรัพย์ปลอดภัยอย่างดอลลาร์

3. ความกังวลต่อการเติบโตในประเทศจีน

หากข้อมูลเศรษฐกิจจีนอ่อนแรง โดยเฉพาะภาคอสังหาริมทรัพย์หรือการจ้างงาน อาจจำกัดศักยภาพการแข็งค่าของเงินหยวน

4. ภาวะสภาพคล่องตึงตัว

การปรับขึ้นของผลตอบแทนพันธบัตรทั่วโลกอย่างรวดเร็ว อาจดึงเงินทุนกลับเข้าสู่สินทรัพย์ดอลลาร์


แม้ปัจจัยเหล่านี้ยังไม่ใช่ “สมมติฐานหลัก” ของตลาด แต่ก็ควรติดตามอย่างใกล้ชิด


USD/CNY กำลังส่งสัญญาณการเปลี่ยนสมดุลอำนาจค่าเงินโลกหรือไม่?

สัญญาณต่าง ๆ บ่งชี้ว่านี่คือเรื่องราวระยะยาว USD/CNY ไม่ได้สะท้อนเพียงความผันผวนระยะสั้นอีกต่อไป แต่สะท้อนถึง:

  1. กลยุทธ์ผลักดันเงินหยวนสู่เวทีระหว่างประเทศของจีน

  2. สภาพคล่อง RMB ที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก

  3. การสื่อสารเชิงนโยบายที่สอดประสานกัน

  4. สภาพแวดล้อมโลกที่เอื้อให้เกิดการกระจายความเสี่ยงด้านสกุลเงิน

หากโมเมนตัมยังคงต่อเนื่อง เงินหยวนอาจเพิ่มบทบาทใน:

  1. การชำระเงินการค้าระหว่างประเทศ

  2. การถือครองเงินสำรองของธนาคารกลาง

  3. ระบบการเงินภูมิภาค

  4. กระแสเงินลงทุนในตลาดทุน

ไม่ได้หมายความว่าเงินหยวนจะขึ้นมาเทียบเท่าดอลลาร์ในเร็ว ๆ นี้ แต่เป็นสัญญาณของการปรับสมดุลเชิงโครงสร้างอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยมี USD/CNY เป็นดัชนีชี้นำของการเปลี่ยนผ่านครั้งนี้


บทสรุป: อ่านค่า USD/CNY ในมุมมองเชิงกลยุทธ์

USD/CNY ไม่ได้เป็นเพียงตัวสะท้อนความรู้สึกของตลาดในระยะสั้นอีกต่อไป แต่ได้กลายเป็น “สัญญาณเชิงโครงสร้าง” ของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในระบบอัตราแลกเปลี่ยนโลก


ด้วยแรงสนับสนุนจากการชี้นำเชิงนโยบายของจีน การเพิ่มขึ้นของสภาพคล่องเงินหยวนทั่วโลก และทิศทางการผ่อนคลายนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ การแข็งค่าของเงินหยวนที่เกิดขึ้นอย่างมั่นคงกำลังส่งสัญญาณถึง “ยุคใหม่ของความน่าเชื่อถือและการก้าวสู่เวทีระหว่างประเทศของ RMB”


สำหรับนักลงทุน ผู้ส่งออก และบริษัทข้ามชาติ สิ่งนี้หมายถึงความจำเป็นในการทบทวนกลยุทธ์การป้องกันความเสี่ยง วางแผนรับมือกับแนวโน้มแข็งค่าของเงินหยวนอย่างต่อเนื่อง และมอง USD/CNY เป็นตัวชี้วัดสำคัญของการปรับสมดุลด้านการเงินระดับโลกในระยะยาว


เมื่อวัฏจักรนี้ดำเนินต่อไป เสถียรภาพของเงินหยวนและนโยบายที่หนุนหลังจะมีบทบาทสำคัญยิ่งขึ้น ในการกำหนดทิศทางกระแสเงินทุนโลกและรูปแบบการชำระเงินทางการค้าในอนาคต


คำถามที่พบบ่อย

1. ทำไม USD/CNY ถึงปรับตัวลดลงในปี 2025?

USD/CNY อ่อนลงจากหลายปัจจัยร่วมกัน ได้แก่ การลดดอกเบี้ยของเฟด การกำหนดค่ากลาง (midpoint) ที่แข็งขึ้นของจีน และความต้องการสินทรัพย์สกุล RMB ที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก ปัจจัยเหล่านี้ทำให้ช่องว่างผลตอบแทนแคบลง กระตุ้นเงินทุนไหลเข้า และเสริมความเชื่อมั่นในเสถียรภาพของเงินหยวน

2. นโยบายของเฟดมีผลต่อ USD/CNY อย่างไร?

การผ่อนคลายของเฟดทำให้อัตราผลตอบแทนสหรัฐลดลง ลดความได้เปรียบด้าน carry trade ของดอลลาร์ และทำให้นักลงทุนหันมาถือสกุลเงินที่มีเสถียรภาพมากกว่า เช่น RMB นำไปสู่ช่องว่างผลตอบแทนที่แคบลง ทำให้สินทรัพย์สหรัฐน่าสนใจน้อยลง และกดดัน USD/CNY ให้ปรับลงต่อเนื่องตามวัฏจักร

3. ทำไมจีนจึงตั้งใจผลักดันให้เงินหยวนแข็งค่า?

จีนต้องการเสริมความเชื่อมั่นทางการเงิน ผลักดันการใช้งาน RMB ในเวทีระหว่างประเทศ ดึงดูดเงินทุนต่างชาติ และสร้างเสถียรภาพให้ตลาดในประเทศ เงินหยวนที่แข็งค่าช่วยลดเงินเฟ้อนำเข้า ยกระดับความน่าเชื่อถือ และเสริมบทบาทของจีนในฐานะสกุลเงินหลักของภูมิภาคในช่วงความไม่แน่นอนระดับโลก

4. ความเสี่ยงใดบ้างที่อาจทำให้แนวโน้มแข็งค่าของ RMB กลับทิศ?

ปัจจัยเสี่ยงหลัก ได้แก่ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ ข้อมูลเศรษฐกิจจีนที่อ่อนแอ และภาวะสภาพคล่องโลกที่ตึงตัวขึ้น ปัจจัยเหล่านี้อาจกระตุ้นความต้องการดอลลาร์อีกครั้ง เปลี่ยนทิศกระแสเงินทุน หรือทำให้ PBOC ตั้งค่ากลางระมัดระวังมากขึ้น ซึ่งจะชะลอโมเมนตัมการแข็งค่าของ RMB

5. การแข็งค่าของ USD/CNY จะเร่งการผลักดัน RMB สู่เวทีโลกหรือไม่?

ใช่ เงินหยวนที่มีเสถียรภาพและแนวโน้มแข็งค่า ช่วยสนับสนุนการใช้งานในธุรกรรมการค้า การกระจายเงินสำรอง และการเงินระดับภูมิภาค สภาพคล่องที่เพิ่มขึ้น ตลาดออฟชอร์ที่ลึกขึ้น และสัญญาณนโยบายที่ชัดเจน ล้วนสร้างเงื่อนไขเชิงโครงสร้างที่เอื้อต่อการเร่งตัวของการใช้เงินหยวนในระดับสากล

6. เงินหยวนที่แข็งค่ามีผลต่อผู้ส่งออกอย่างไร?

เงินหยวนแข็งค่าทำให้ “ความสามารถแข่งขันด้านราคา” ของการส่งออกลดลง โดยเฉพาะผู้ผลิตที่มีกำไรต่ำ ผู้ส่งออกอาจต้องปรับราคา ยกระดับคุณภาพสินค้า หรือใช้กลยุทธ์ป้องกันความเสี่ยงมากขึ้น เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน

7. บริษัทข้ามชาติในจีนจะได้รับผลกระทบอย่างไร?

บริษัทข้ามชาติได้ประโยชน์จากความผันผวนอัตราแลกเปลี่ยนที่ลดลง ต้นทุนการทำประกันความเสี่ยงต่ำลง และมีความชัดเจนด้านราคามากขึ้น USD/CNY ที่เสถียรช่วยให้วางแผนระยะยาวดีขึ้น กระแสเงินสดมั่นคงขึ้น และการตัดสินใจลงทุนมีพื้นฐานที่แน่นอนกว่าเดิม

8. นักวิเคราะห์คาดการณ์ USD/CNY ปี 2026 ไว้อย่างไร?

นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าเงินหยวนจะยังมีแนวโน้มแข็งค่าต่อ โดยประเมินว่า USD/CNY อาจลงสู่ระดับ 6.90 หรือต่ำกว่า หากเฟดเดินหน้าผ่อนคลายต่อ และเศรษฐกิจจีนมีเสถียรภาพมากขึ้น การแข็งค่าจะค่อยเป็นค่อยไป ได้แรงหนุนจากนโยบาย สภาพคล่อง RMB ที่สูงขึ้น และความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจจีนในระดับสากล


ข้อสงวนสิทธิ์: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนา (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ได้เป็นคำแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ