เผยแพร่เมื่อ: 2025-11-14
ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นตัวชี้วัดสำคัญของเงินเฟ้อฝั่งผู้ผลิต เดิมมีกำหนดประกาศในวันนี้ วันที่ 14 พฤศจิกายน 2025 เวลา 08:30 น. ตามเวลา ET ตามข้อมูลจากสำนักสถิติแรงงานสหรัฐฯ (BLS) โดยปกติแล้ว รายงานนี้จะถูกเผยแพร่อย่างสม่ำเสมอทุกเดือน แต่เดือนนี้ไม่เหมือนเดิม
หลังจากรัฐบาลสหรัฐฯ ปิดทำการเป็นเวลาหลายสัปดาห์ BLS และหน่วยงานสถิติอื่น ๆ กำลังเร่งฟื้นระบบการทำงาน เคลียร์งานค้าง และจัดตารางการเผยแพร่ข้อมูลใหม่ให้กลับมาเป็นปกติ
สถานการณ์นี้ทำให้นักลงทุน นักเศรษฐศาสตร์ และเทรดเดอร์ไม่แน่ใจว่า รายงาน PPI เดือนตุลาคมจะออกตรงเวลา ออกพร้อมข้อมูลไม่ครบถ้วน หรือถูกเลื่อนเหมือนกับรายงาน CPI เมื่อต้นสัปดาห์
บทความนี้จะอธิบายว่าเหตุใดการประกาศ PPI จึงยังไม่แน่ชัดในครั้งนี้ รวมถึงมุมมองของตลาด ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นหากมีการเลื่อนประกาศต่อไป การประเมินเงินเฟ้อของนักวิเคราะห์ การตัดสินใจของเฟด และตัวชี้วัดสำคัญที่นักลงทุนควรติดตามในวันนี้

แม้รัฐบาลจะกลับมาเปิดทำการแล้ว แต่หลายหน่วยงานเตือนว่า ข้อมูลเศรษฐกิจของเดือนตุลาคมบางส่วนอาจล่าช้า ไม่สมบูรณ์ หรือถูกระงับการเผยแพร่ชั่วคราว
ตลาดคาดการณ์ว่า PPI จะเพิ่มขึ้นประมาณ 0.2% เมื่อเทียบรายเดือน สะท้อนแรงกดดันเงินเฟ้อฝั่งผู้ผลิตที่ยังค่อย ๆ ชะลอลง
หากรายงานถูกเลื่อน เทรดเดอร์อาจปรับพอร์ตท่ามกลางสัญญาณเงินเฟ้อที่หายไป ทำให้ความผันผวนในตลาดเพิ่มสูงขึ้น

การปิดทำการของรัฐบาลสหรัฐฯ ในเดือนตุลาคม 2025 ไม่ได้ส่งผลเพียงต่อเจ้าหน้าที่รัฐ แต่ยังทำให้กระบวนการสำคัญของหน่วยงานสถิติต่าง ๆ หยุดชะงัก โดยเฉพาะ BLS, BEA และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งต้องชะลอหรือหยุดงานด้านต่าง ๆ เช่น:
การเก็บข้อมูลราคา
การตรวจสอบและยืนยันข้อมูล
กระบวนการปรับฤดูกาล
การแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงาน
เวิร์กโฟลว์การจัดทำรายงาน
เมื่อรัฐบาลกลับมาเปิดทำการ นักวิเคราะห์ก็ชี้ทันทีว่า การดำเนินงานจะไม่สามารถกลับสู่ภาวะปกติได้ในทันที
สำนัก RBC Economics เตือนว่า “การเผยแพร่ข้อมูลตลอดช่วงที่เหลือของปี 2025 อาจไม่เป็นไปตามปฏิทินที่ประกาศไว้” และรายงานบางฉบับอาจถูกเผยแพร่นอกลำดับหรือถูกปรับแก้ในภายหลัง [1]
จนถึงเช้าวันนี้ ตารางเผยแพร่ข้อมูลของ BLS ยังระบุเวลาเดิมคือ 08:30 น. ET สำหรับรายงาน PPI เดือนตุลาคม
แต่กลุ่มตรวจสอบอิสระ Friends of BLS ได้ออกคำเตือนที่ชัดเจนกว่าเดิมว่า:
“คาดว่าจะเกิดความล่าช้าอย่างมีนัยสำคัญ บางรายงานอาจถูกยกเลิก… และคุณภาพข้อมูลอาจได้รับผลกระทบ” [2]
สรุปคือ รายงานยังอยู่ในกำหนด แต่ไม่สามารถการันตีได้ว่าจะเผยแพร่ตามเวลา

นักเศรษฐศาสตร์คาดว่า PPI จะเพิ่มขึ้นเพียง +0.2% เมื่อเทียบรายเดือนในเดือนตุลาคม สอดคล้องกับแนวโน้มเงินเฟ้อที่กำลังชะลอตัวต่อเนื่อง
ในมิติรายปี ผู้เชี่ยวชาญคาดว่าเงินเฟ้อฝั่งผู้ผลิตจะอยู่ในช่วง 2.4%–2.6% ซึ่งต่ำกว่าระดับสูงที่เห็นในช่วงปี 2023–2024 อย่างชัดเจน
ภาพรวมคือแรงกดดันเงินเฟ้อกำลังผ่อนคลาย แม้จะไม่สม่ำเสมอ
มี 2 หมวดหลักที่ตลาดให้ความสนใจเป็นพิเศษ:
1. สินค้าและบริการ
เงินเฟ้อในกลุ่มสินค้าไวต่อภาษีนำเข้า ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ และปัญหาคอขวดด้านซัพพลายเชน
เงินเฟ้อในฝั่งบริการ โดยเฉพาะการขนส่ง โลจิสติกส์ และบริการการค้า มีความ “เหนียวตัว” มากกว่า
หากเกิดความแตกต่างอย่างมีนัยระหว่างสองหมวดนี้ ก็อาจเป็นสัญญาณว่าเงินเฟ้อจะชะลอต่อไปในปี 2026 ด้วยความเร็วที่ไม่เท่ากัน
2. ความบิดเบือนของข้อมูลจากผลกระทบชัตดาวน์
เพราะการเก็บข้อมูลเดือนตุลาคมถูกรบกวน นักวิเคราะห์เตือนว่าอาจพบ:
ตัวอย่างราคาบางส่วนขาดหาย
ช่องว่างของรายงานที่ทำให้ข้อมูลผิดเพี้ยนชั่วคราว
การปรับฤดูกาลอาจคลาดเคลื่อน
หากความบิดเบือนมีมาก ตลาดอาจตีความรายงานด้วยความระมัดระวัง แม้ว่าจะถูกประกาศตรงเวลาก็ตาม
| สถานการณ์ | ปฏิกิริยาที่คาดของตลาด |
|---|---|
| PPI ประกาศตรงเวลา ใกล้ +0.2% | ลดความกังวลเงินเฟ้อ หุ้นฟิวเจอร์สอาจฟื้นเล็กน้อย อัตราผลตอบแทนพันธบัตรทรงตัว |
| PPI ออกตรงเวลา แต่สูงกว่า (>0.2%) | กระตุ้นความกังวลเงินเฟ้อ หุ้นเทคฯ และกลุ่มเติบโตอาจอ่อนตัว ผลตอบแทนพันธบัตรสูงขึ้น ลดโอกาสมุมมองการลดดอกเบี้ย |
| PPI ถูกเลื่อนหรือข้อมูลไม่สมบูรณ์ | ตลาดเข้าสู่โหมดระมัดระวัง ค่าเงินดอลลาร์แข็งขึ้น พันธบัตรสหรัฐฯ และทองคำแข็งแกร่ง ความผันผวนพุ่งสูง |
สิ่งที่ทำให้สถานการณ์ครั้งนี้ “ไม่เหมือนเดิม” คือ ความเสี่ยงด้านข้อมูลเอง ไม่ใช่ตัวเลขที่เป็นตัวกำหนดทิศทางการวางตำแหน่งของตลาด
| เดือน | การเปลี่ยนแปลงรายเดือน (MoM) | การเปลี่ยนแปลงรายปี (YoY) |
|---|---|---|
| มกราคม 2025 | +0.7% | +3.8% |
| กุมภาพันธ์ 2025 | +0.1% | +3.4% |
| มีนาคม 2025 | -0.2% | +3.2% |
| เมษายน 2025 | -0.5% | +2.4% |
| พฤษภาคม 2025 | +0.4% | +2.7% |
| มิถุนายน 2025 | +0.1% | +2.4% |
| กรกฎาคม 2025 | +0.7% | +3.1% |
| สิงหาคม 2025 | -0.1% | +2.6% |
แม้เฟดจะให้น้ำหนักกับดัชนี PCE มากกว่า แต่ PPI ก็ยังเป็นตัวชี้นำสำคัญของ:
แรงกดดันเงินเฟ้อด้านอุปทาน
ต้นทุนปัจจัยการผลิตของธุรกิจ
โอกาสการส่งผ่านต้นทุนไปยังผู้บริโภค
เฟดอาจจะ:
ชะลอเส้นทางการลดดอกเบี้ยในช่วงต้นปี 2026
เตือนเรื่องความดื้อของเงินเฟ้ออย่างชัดเจนขึ้น
ทบทวนสมดุลระหว่างการเติบโตและเงินเฟ้อในการประชุมเดือนธันวาคม
ตลาดอาจมองว่า:
เงินเฟ้อผ่อนคลาย ช่วยสนับสนุนมุมมองการลดดอกเบี้ย
อุปสงค์อ่อนลง สะท้อนความเสี่ยงด้านการเติบโต
ความไม่ชัดเจนเพิ่มขึ้น ทำให้ความผันผวนของอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นเพิ่มขึ้น
การเลื่อนหรือข้อมูลขาดหาย ไม่ใช่เพียงความไม่สะดวก แต่ทำให้การดำเนินนโยบายการเงินซับซ้อนขึ้นในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้
ตั้งแจ้งเตือนเวลา 08:30 น. ET หากรายงานไม่ปรากฏในระบบข่าว แสดงถึงสัญญาณการล่าช้า
ติดตามการเคลื่อนไหวของ:
S&P 500 Futures
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล
ดัชนีดอลลาร์สหรัฐ
ราคาทองคำ
สินทรัพย์เหล่านี้มักตอบสนองทั้งก่อนและหลังประกาศ หรือแม้กระทั่งตอนที่รายงาน “ไม่ออกมา”
หากช่องว่างระหว่างสองหมวดขยายตัว อาจบ่งชี้ว่ากลุ่มสินค้าได้รับผลกระทบจากภาษีหรือซัพพลายเชน กลุ่มบริการยังมีแรงกดดันด้านราคาในประเทศ
เจ้าหน้าที่ FOMC มีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์ในช่วงสองสัปดาห์ข้างหน้า ความผิดปกติของการอ่านค่า PPI อาจส่งผลต่อโทนการสื่อสารในทันที
หากรายงาน PPI ถูกเลื่อน รายงาน CPI อาจถูกเลื่อนตามเหมือนกรณีเมื่อต้นสัปดาห์นี้
โดยสรุปแล้ว การประกาศ PPI เดือนตุลาคม 2025 ครั้งนี้ไม่ใช่เพียงการอัปเดตเงินเฟ้อประจำเดือนทั่วไป แต่เป็นบททดสอบว่า ระบบการรายงานสถิติของสหรัฐฯ จะฟื้นกลับสู่ภาวะปกติหลังการชัตดาวน์ได้เร็วแค่ไหน
หากรายงานถูกเผยแพร่ตรงเวลาและออกมาตามคาดราว +0.2% จะช่วยสร้างความมั่นใจว่ากระบวนการจัดเก็บและเผยแพร่ข้อมูลกำลังกลับมามีเสถียรภาพ แต่หากมีความประหลาดใจ ไม่ว่าจะเป็นตัวเลขที่สูงกว่าคาด การไม่เผยแพร่รายงาน หรือข้อมูลไม่สมบูรณ์ ก็อาจนำไปสู่คำถามใหม่เกี่ยวกับความชัดเจนด้านเงินเฟ้อ ภาวะเศรษฐกิจ และทิศทางนโยบายการเงินของเฟด
จนกว่าระบบการรายงานข้อมูลจะกลับมาทำงานเต็มรูปแบบ นักลงทุนควรมีวินัย ไม่ตื่นตระหนกกับความผิดปกติแบบครั้งเดียว และรักษาการกระจายความเสี่ยงข้ามสินทรัพย์อย่างรอบคอบ
รายงาน PPI เดือนตุลาคม 2025 มีกำหนดประกาศวันที่ 14 พฤศจิกายน 2025 เวลา 08:30 น. ET
มีความเป็นไปได้ หาก PPI ล่าช้าเพราะปัญหาการเก็บข้อมูล BLS อาจต้องปรับตารางประกาศ CPI ด้วยเช่นกัน
ความล่าช้าและข้อมูลขาดหายสร้างความเสี่ยงด้านความน่าเชื่อถือ บางชุดข้อมูลของเดือนตุลาคมอาจมีช่องว่างถาวร และอาจส่งผลต่อเดือนถัดไป
สินทรัพย์ปลอดภัย (Treasuries, ทองคำ) อาจปรับตัวขึ้น ขณะที่ตลาดหุ้นและหุ้นเติบโตอาจเผชิญแรงกดดันจนกว่าความชัดเจนของข้อมูลจะดีขึ้น
ควรโฟกัสมุมมองระยะยาว กระจายการลงทุนในสินทรัพย์หลายประเภท และหลีกเลี่ยงการตัดสินใจเกินเหตุจากช่องว่างข้อมูลเพียงระยะสั้น
ข้อสงวนสิทธิ์: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนา (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ได้เป็นคำแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ
[1] https://www.rbc.com/en/economics/us-analysis/us-featured-analysis/การ ปิดรัฐบาลสหรัฐฯสิ้นสุดลงแต่เรายังคงต้องการข้อมูล/
[2] https://www.friendsofbls.org/updates/2025/11/12/2025-government-shutdown-faqs-on-bls-data