เผยแพร่เมื่อ: 2025-11-14
ราคา BTC ร่วงหลุดระดับ 100,000 ดอลลาร์ในสัปดาห์นี้ แตะจุดต่ำสุดระหว่างวันแถว 98,000–99,000 ดอลลาร์ ซึ่งถือว่าต่ำที่สุดในรอบ 6 เดือน


แรงขายจำนวนมากจากผู้ถือระยะยาว การลิควิดสัญญาฟิวเจอร์สในวงกว้าง และความต้องการจากสถาบันที่ชะลอตัวลง ถือเป็นปัจจัยหลักที่กดดันราคาในรอบนี้
แนวโน้มระยะสั้นในตอนนี้ขึ้นอยู่กับว่า กระแสเงินทุนจะกลับเข้าสู่ผลิตภัณฑ์สปอต และการสะสมบนเชน (on-chain accumulation) จะเริ่มฟื้นตัวหรือไม่
ตลาดเปิดสัปดาห์ด้วยโมเมนตัมเชิงบวกหลังจากทำจุดสูงสุดในเดือนตุลาคม
การบังคับขายสินทรัพย์อย่างต่อเนื่องและภาวะตลาดที่อ่อนแอลงส่งผลให้ราคาหุ้นลดลงอย่างรวดเร็วภายในวัน ผู้ถือระยะยาวรายใหญ่เพิ่มการขายทำกำไร ส่งผลให้ปริมาณเหรียญที่ถูกนำออกมาขายจริงเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
BTC มีช่วงเวลาที่หลุดต่ำกว่า 100,000 ดอลลาร์หลายครั้ง และเคยลงไปใกล้ระดับ 99,000 ดอลลาร์ ในวันที่ทำจุดต่ำสุดรอบ 6 เดือน หลังจากนั้นราคาฟื้นมาเคลื่อนไหวในโซนหลักแสนต้น ๆ ขณะที่ความผันผวนยังอยู่ในระดับสูง
ข้อมูล on-chain ล่าสุดแสดงให้เห็นว่ามีเหรียญจำนวนมากถูกย้ายจากกระเป๋าที่ไม่เคยเคลื่อนไหวมานานเข้าสู่กระดานเทรด การเคลื่อนไหวแบบนี้ทำให้เหรียญที่เดิมถูกเก็บไว้เฉย ๆ กลายเป็นสภาพคล่องในตลาดทันที ส่งผลให้แรงขายเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ตลาดฟิวเจอร์สและ Perpetuals เผชิญกับภาวะการชำระบัญชีแบบเข้มข้นก่อนที่ราคาจะร่วงลงอย่างรวดเร็ว เลเวอเรจที่สูงทำให้ราคาหุ้นปรับตัวลดลงและเกิดแรงขายจากมาร์จิ้นคอลมากขึ้น ซึ่งเพิ่มความผันผวนและกดราคาระยะสั้นลง
ช่วงไม่นานมานี้ กระแสเงินใน Spot Bitcoin ETF เปลี่ยนจากไหลเข้าอย่างต่อเนื่อง กลายเป็นสลับระหว่างเงินไหลออกและไหลเข้าเพียงเล็กน้อย การเปลี่ยนแปลงแบบนี้ทำให้ฐานผู้ซื้อไม่เสถียร และเมื่อผู้ขายที่ใช้เลเวอเรจครองออเดอร์บุ๊ก ราคาจึงถูกกดดันง่ายขึ้น
สภาพคล่องที่ตึงตัวในตลาดการเงินทั่วโลก ความกังวลจากข้อมูลเศรษฐกิจ และความเสี่ยงของสินทรัพย์ต่าง ๆ ทำให้นักลงทุนลดการถือครองสินทรัพย์เก็งกำไร สถานการณ์นี้ทำให้ BTC มีความเชื่อมโยงกับสินทรัพย์เสี่ยงอื่น ๆ มากขึ้น และราคาจึงได้รับแรงกดดันตามตลาดกว้าง

โครงสร้างทางเทคนิคในตอนนี้ชี้ให้เห็น 3 โซนสำคัญที่ต้องจับตา
โซนแนวรับระยะสั้น: 98,000 – 100,000 ดอลลาร์ บริเวณนี้คือจุดที่ราคาทำจุดต่ำสุดระหว่างวันเมื่อเร็ว ๆ นี้ และยังเป็นแนวรับใกล้เคียงที่ตลาดกำลังทดสอบอยู่
โซนลึกขึ้นสำหรับการปรับฐาน: ช่วง 80,000 กลาง ๆ – 90,000 ต้น ๆ หากราคาหลุดแนวรับแรก อาจเข้าสู่การปรับฐานที่ลึกขึ้นมาสู่โซนนี้
โซนแนวรับระยะยาว: 70,000 – 80,000 ดอลลาร์ เป็นโซนสะสม (consolidation) เดิมในรอบก่อนหน้า การลงมาทดสอบบริเวณนี้จะบ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างของตลาดอย่างมีนัยสำคัญ
เทรดเดอร์ควรติดตามค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่รายสัปดาห์ (weekly moving averages) และ RSI เพื่อดูสัญญาณการหมดแรงหรือการเริ่มฟื้นโมเมนตัม หากราคากลับขึ้นเหนือแนวต้านระยะสั้นได้อย่างมั่นคง พร้อมกับกระแสเงิน ETF ฟื้นตัวและภาวะ funding ลดความตึงตัว โอกาสการรีบาวด์อย่างยั่งยืนจะเพิ่มขึ้น
ข้อมูล on-chain ในตอนนี้สะท้อนภาพที่ผสมผสานกัน กระแสเงินไหลเข้าเว็บเทรด (exchange inflows) พุ่งขึ้นในช่วงที่ราคาปรับลง บ่งชี้แรงขายระยะสั้นเพิ่มขึ้น
ขณะเดียวกัน ข้อมูลจาก Spot ETF และกระเป๋าเงินขนาดใหญ่บางรายเริ่มมีการซื้อสะสมเป็นช่วง ๆ แสดงว่าความต้องการซื้อพื้นฐานยังมีอยู่ การไหลออกของเหรียญจากผู้ถือระยะยาวเข้าสู่เว็บเทรดเป็นสัญญาณเตือนสำคัญ หากแนวโน้มนี้กลับทิศจะเป็นสัญญาณบวกต่อราคา
| ตัวชี้วัด | ค่าล่าสุด | การตีความ |
|---|---|---|
| Long Term Holder Sales (30 วัน) | อยู่ในระดับสูงกว่าหลายเดือนก่อน | สะท้อนแรงขายที่เพิ่มขึ้นจากกลุ่มที่โดยปกติถือทนมาก |
| Exchange Net Flows | เป็นบวกในช่วงราคาปรับลง | มีเหรียญเข้าสู่ตลาดมากขึ้น เพิ่มอุปทานระยะสั้น |
| Spot ETF Net Flows (สัปดาห์ล่าสุด) | การไหลเข้าเล็กน้อยหลังจากสัปดาห์ไหลออก | อุปสงค์จากสถาบันยังไม่ต่อเนื่อง ชะลอเป็นช่วง ๆ |

ข้อมูลจากหลายกระดานเทรดพบว่า นักลงทุนรายย่อยมีพฤติกรรม “ซื้อเมื่อราคาย่อตัว” (dip buying) หลังจากเกิดแรงเทขายระหว่างวัน ส่วนฝั่งมืออาชีพและสถาบันยังคงระมัดระวัง โดยบางรายลดการถือครองสินทรัพย์เสี่ยง ขณะที่บางรายรอความชัดเจนจากปัจจัยมหภาคก่อนกลับเข้าซื้อ
ตลาดออปชันยังสะท้อนความต้องการ “ป้องกันความเสี่ยงด้านขาลง” ที่สูงขึ้น ซึ่งทำให้ต้นทุนการป้องกันราคาเพิ่มขึ้น และอาจทำให้การเคลื่อนไหวของราคารุนแรงขึ้นในช่วงตลาดมีความตึงเครียด
| สถานการณ์ | คำอธิบาย | สิ่งที่ต้องจับตา |
|---|---|---|
| Bear (ขาลง) | แรงขายจากผู้ถือระยะยาวยังต่อเนื่อง และมีการล้างเลเวอเรจหลายรอบ ทำให้ราคาปรับฐานลึกขึ้น | ปริมาณเหรียญบนกระดานเทรดเพิ่มขึ้น, กระแสเงิน ETF ติดลบ, ความเสี่ยงจากปัจจัยมหภาคมากผิดปกติ |
| Base (ทรงตัว) | ราคาเคลื่อนไหวในกรอบปัจจุบัน ผันผวนเป็นช่วง ๆ ก่อนค่อย ๆ ตั้งหลักเมื่อกระแสเงินสถาบันเริ่มฟื้น | กระแสเงินเข้า–ออกเว็บเทรดสมดุล, การสะสมบนเชนเริ่มนิ่ง, สภาพคล่องมหภาคดีขึ้น |
| Bull (ขาขึ้น) | กระแสเงินไหลเข้าผลิตภัณฑ์สปอตเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และความเสี่ยงในตลาดลดลง ส่งผลให้ราคาฟื้นสู่ระดับสูงก่อนหน้า | กระแสเงิน ETF ไหลเข้าต่อเนื่องทุกวัน และจำนวนลิควิดลดลง |
ราคา BTC ที่อ่อนตัวส่งผลต่อหุ้นกลุ่มคริปโต เช่น หุ้นผู้ขุดเหมือง (miners) และหุ้นกระดานเทรด เนื่องจากรายได้และปริมาณเทรดของบริษัทเหล่านี้เชื่อมโยงโดยตรงกับราคา BTC สำหรับนักลงทุนสินทรัพย์หลายประเภท (multi-asset) ความผันผวนของคริปโตที่เพิ่มขึ้นอาจส่งผลต่อการจัดสรรความเสี่ยงและการรีบแลนซ์พอร์ต
ในเชิงกลยุทธ์ เทรดเดอร์ควรลดเลเวอเรจ ใช้ออปชันป้องกันความเสี่ยง และติดตาม funding rate และนักลงทุนระยะยาวที่ใช้วิธี DCA อาจใช้ช่วงย่อตัวนี้ทยอยสะสมเพิ่ม (ตามระดับความเสี่ยงที่รับได้)
| รายการ | ค่า |
|---|---|
| ราคาต่ำสุดโดยประมาณภายในสัปดาห์นี้ | 98,300 ดอลลาร์ |
| ช่วงการซื้อขายโดยทั่วไปในสัปดาห์นี้ | 98,000 – 106,000 ดอลลาร์ |
| พฤติกรรมผู้ถือครองระยะยาว 30 วันล่าสุด | มีการขายสูงกว่าหลายเดือนก่อน |
| กิจกรรมล่าสุดของ ETF | มีเงินไหลเข้าเป็นช่วง ๆ หลังจากก่อนหน้านี้เป็นสุทธิไหลออก |
เกิดจากหลายปัจจัยร่วมกัน ทั้งการถูกบังคับลิควิดในตลาดอนุพันธ์ แรงขายจากผู้ถือระยะยาวที่เพิ่มขึ้น และความต้องการระยะสั้นจากสถาบันที่อ่อนตัว ทำให้แรงขายกดราคาหลุดระดับจิตวิทยา 100,000 ดอลลาร์
ขึ้นอยู่กับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้และระยะเวลาการลงทุนของแต่ละคน บางนักลงทุนมองว่าการย่อตัวครั้งนี้เป็นโอกาสในการสะสมเพิ่มแบบทยอยซื้อ ขณะที่บางรายรอความชัดเจนจากปัจจัยมหภาคและสัญญาณบนเชนก่อน
มีความเป็นไปได้ หากผู้ถือระยะยาวยังขายต่อ หรือเกิดเหตุการณ์ลิควิดครั้งใหญ่ซ้ำอีก สิ่งสำคัญที่ต้องจับตาคือ ปริมาณเหรียญบนกระดานเทรด (exchange reserves), funding rate และกระแสเงินไหลเข้า–ออกของ ETF
ติดตามกระแสเงินไหลเข้าสุทธิของ Spot ETF, การกลับทิศของกระแสเงินจากกระดานเทรด, จำนวนการลิควิดที่ลดลง และสัญญาณโมเมนตัมที่ดีขึ้นบนกราฟรายสัปดาห์
ควรลดเลเวอเรจ จัดขนาดออเดอร์อย่างระมัดระวัง และใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยง เช่น ออปชันหรือคำสั่งหยุดขาดทุน (stop order) พร้อมติดตาม funding rate และความลึกของออเดอร์บุ๊กอย่างใกล้ชิด
การปรับตัวลงของ BTC สู่ระดับเก้าหมื่นดอลลาร์ปลาย ๆ และทำจุดต่ำสุดในรอบหกเดือน สะท้อนแรงกดดันทั้งด้านเทคนิคและปัจจัยพื้นฐาน แรงขายจากผู้ถือระยะยาวทำให้เหรียญที่พักนิ่งกลับกลายเป็นอุปทานในตลาด
การชำระบัญชีที่เกิดจากเลเวอเรจสูงยิ่งเร่งให้ราคาปรับตัวลง ขณะที่กระแสเงินจากสถาบันยังคงไม่เสถียร ผู้เล่นในตลาดควรจับตากระแสเงิน ETF ปริมาณเหรียญบนกระดานเทรด และ funding rate เพื่อดูสัญญาณเปลี่ยนทิศของตลาด สำหรับผู้ที่ต้องการลงทุน ควรมีแผนที่สอดคล้องกับระยะเวลาและระดับความเสี่ยงที่รับได้ของตนเอง
ข้อสงวนสิทธิ์: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนา (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ได้เป็นคำแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ