简体中文 繁體中文 English 한국어 日本語 Español Bahasa Indonesia Tiếng Việt Português Монгол العربية हिन्दी Русский ئۇيغۇر تىلى

ตลาดหุ้นปรับฐานรับมือยังไง? พร้อมแนะนำกลยุทธ์

เผยแพร่เมื่อ: 2025-11-12

ตลาดหุ้นปรับฐานเป็นช่วงปกติและเกิดซ้ำตามวัฏจักรของตลาด หมายถึงการปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญจากระดับสูงสุดล่าสุด ซึ่งแม้อาจทำให้นักลงทุนรู้สึกไม่สบายใจ แต่โดยปกติแล้วการปรับฐานเหล่านี้ช่วยปรับสมดุลมูลค่าหุ้นและกำจัดความมั่นใจเกินจริง


การเข้าใจการปรับฐานช่วยให้นักลงทุนคงความสงบและตัดสินใจอย่างรอบคอบ แทนที่จะตอบสนองด้วยอารมณ์ต่อความผันผวนของราคาหุ้นในระยะสั้น


ตลาดหุ้นปรับฐาน คืออะไร?

What Is a Stock Market Correction

ตลาดหุ้นปรับฐานเกิดขึ้นเมื่อระดับราคาของดัชนีหรือภาพรวมตลาดลดลงประมาณ 10% หรือมากกว่าจากจุดสูงสุดล่าสุด ขีดจำกัดนี้ไม่ได้เป็นกฎทางกฎหมาย แต่ถือเป็นมาตรฐานที่นักวิเคราะห์ตลาดและบริษัทการเงินชั้นนำยอมรับกันโดยทั่วไป


การปรับฐานควรแยกความแตกต่างจาก Pullback ซึ่งหมายถึงการปรับตัวลดลงเล็กน้อย และจาก Bear Market ซึ่งเป็นการลดลงที่ลึกกว่าประมาณ 20% หรือมากกว่า


ความถี่ในประวัติศาสตร์และรูปแบบทั่วไปของการปรับฐานในตลาดหุ้น


การปรับฐานเกิดขึ้นเป็นประจำในช่วงเวลายาวนาน งานวิจัยประวัติศาสตร์พบว่า แม้ว่าการปรับตัวลดลงเล็ก ๆ จะเกิดขึ้นบ่อย แต่การปรับฐานเต็มรูปแบบที่ลดลง 10% ขึ้นไปเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก แต่ก็ถือว่าพบได้บ่อยในช่วงหลายทศวรรษ


ตัวอย่างเช่น การศึกษาพฤติกรรมตลาดในระยะยาวพบว่าการปรับฐานเกิดขึ้นหลายครั้งตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 20 และมีเพียงส่วนหนึ่งของการปรับฐานเหล่านั้นเท่านั้นที่ต่อมาลึกลงจนกลายเป็นตลาดหมี



ภาพรวมประวัติศาสตร์: การปรับฐานเทียบกับตลาดหมี
ตัวชี้วัด เกณฑ์ทั่วไป ความถี่ทางประวัติศาสตร์ (โดยประมาณ) ผลลัพธ์โดยทั่วไป
การปรับฐาน ลดลง 10% จากจุดสูงสุด

เกิดขึ้นเป็นประจำ ประมาณทุก 1–2 ปี สำหรับการลดลงที่สำคัญ

มักฟื้นตัวภายในไม่กี่สัปดาห์ถึงเดือน หลายครั้งไม่กลายเป็นตลาดหมี
ตลาดหมี ลดลง 20% จากจุดสูงสุด เกิดขึ้นน้อยกว่าการปรับฐานมาก มักยาวนานกว่าและสัมพันธ์กับความเครียดทางเศรษฐกิจที่ลึกกว่า


สาเหตุที่ทำให้ตลาดหุ้นปรับฐาน


การปรับฐานเกิดจากปัจจัยผสมระหว่างปัจจัยพื้นฐานและความรู้สึกของตลาด เหตุการณ์ทางเศรษฐกิจที่น่าประหลาดใจ เช่น ตัวเลข GDP ที่ต่ำกว่าคาด อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น หรือกำไรบริษัทที่น่าผิดหวัง สามารถกระตุ้นให้มีการประเมินมูลค่าใหม่


องค์ประกอบโครงสร้างตลาด เช่น มูลค่าหุ้นที่สูงเกินไป การใช้มาร์จิ้นสูง หรือสภาพคล่องลดลง สามารถทำให้การลดลงของราคาขยายตัวได้ จิตวิทยาของนักลงทุน เช่น การเปลี่ยนจากความกลัวพลาดโอกาส (FOMO) ไปสู่การทำกำไร ก็เป็นส่วนหนึ่งของปัจจัยเหล่านี้


ปัจจัยภายนอก เช่น เหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์หรือนโยบายที่คาดไม่ถึง ก็สามารถทำให้เกิดการปรับฐานอย่างรวดเร็วได้ การปรับฐานแต่ละครั้งมีสาเหตุเฉพาะของมัน แต่รูปแบบทั่วไปคือการประเมินมูลค่าใหม่และการเปลี่ยนแปลงของความรู้สึกของตลาด


ลำดับเหตุการณ์ของการปรับฐาน

How a Stock Market Correction Typically Unfolds

การปรับฐานมักเกิดขึ้นหลังจากที่ตลาดขึ้นไปถึงจุดสูงสุด และเริ่มต้นด้วยการลดลงอย่างต่อเนื่องทีละวัน หรือบางครั้งอาจเกิดการลดลงอย่างรวดเร็วจากข่าวเฉพาะ


ระดับทางเทคนิค เช่น แนวรับเดิม หรือค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ มักมีบทบาทในการกำหนดทิศทางของการลดลง การซื้อขายแบบอัลกอริทึมและคำสั่ง stop-loss สามารถเร่งการปรับฐาน ทำให้ราคาลดลงเร็วกว่าที่ปัจจัยพื้นฐานเพียงอย่างเดียวจะอธิบายได้


การปรับฐานส่วนใหญ่จะถึงจุดต่ำสุด (trough) แล้วฟื้นตัวเมื่อมีนักลงทุนเข้ามาซื้อ และมูลค่าหุ้นเริ่มน่าสนใจมากขึ้น การปรับฐานจะมีความเสี่ยงที่จะพัฒนาเป็นตลาดหมี (bear market) ก็ต่อเมื่อเกิดวงจรฟีดแบ็กเชิงลบที่ลึกขึ้นและต่อเนื่อง


ผลกระทบเชิงปฏิบัติต่อนักลงทุน


การปรับฐานสามารถทำให้พอร์ตการลงทุนมีความผันผวนสูงในระยะสั้น


  • สำหรับนักลงทุนที่มีขอบเขตเวลาในระยะยาว การแก้ไขไม่จำเป็นต้องเป็นหายนะเสมอไป แต่สามารถเปิดโอกาสในการซื้อเพื่อซื้อสินทรัพย์ที่มีคุณภาพในราคาที่ประเมินต่ำกว่าได้

  • สำหรับผู้ฝากเงินในระยะสั้นหรือผู้ที่มีหนี้สินทันที การแก้ไขจะเน้นย้ำถึงความสำคัญของสภาพคล่องและการจัดสรรสินทรัพย์ที่เหมาะสม


ความเสี่ยงด้านพฤติกรรมประกอบด้วยการขายแบบตื่นตระหนกและการละทิ้งแผนการที่พิจารณาอย่างรอบคอบ การรักษาวินัย การตรวจสอบการจัดสรรสินทรัพย์ และการสร้างสำรองเงินสดฉุกเฉิน ถือเป็นมาตรการที่ปฏิบัติได้จริงเพื่อบรรเทาความเสียหาย


สิ่งที่นักลงทุนสามารถทำได้ในช่วงการปรับฐานตลาดหุ้น

What Investors Can Do During a Stock Market Correction

นักลงทุนควรพิจารณาการตอบสนองอย่างรอบคอบ แทนการพยายามจับจังหวะตลาดทันที


  1. ขั้นแรก ตรวจสอบและยืนยันว่าการจัดสรรสินทรัพย์ยังสอดคล้องกับเป้าหมายทางการเงินและความสามารถในการรับความเสี่ยงหรือไม่

  2. ประการที่สอง พิจารณาการลงทุนแบบโอกาสผ่านการเฉลี่ยต้นทุนเป็นดอลลาร์ หากมีเงินทุนเพิ่มเติม

  3. ประการที่สาม ปรับสมดุลพอร์ตโฟลิโอใหม่เพื่อรักษาระดับความเสี่ยงตามที่ตั้งใจไว้

  4. ประการที่สี่ รักษาสภาพคล่องเพื่อหลีกเลี่ยงการขายแบบบังคับ

  5. สุดท้าย หลีกเลี่ยงการตัดสินใจโดยใช้อารมณ์ และแสวงหาความชัดเจนจากการวิจัยที่เชื่อถือได้ มากกว่าพาดหัวข่าว


ขั้นตอนเหล่านี้ไม่รับประกันผลตอบแทนที่เหนือกว่าตลาด แต่ช่วยรักษาเป้าหมายระยะยาว และลดความเสี่ยงจากการเคลื่อนไหวตอบสนองที่อาจมีค่าใช้จ่ายสูง



เช็คลิสต์การปฏิบัติระหว่างช่วงตลาดปรับฐาน
การดำเนินการ เหตุผล
ยืนยันการจัดสรรสินทรัพย์อีกครั้ง เพื่อให้พอร์ตการลงทุนยังสอดคล้องกับเป้าหมายและระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
หลีกเลี่ยงการขายแบบตื่นตระหนก รูปแบบทางประวัติศาสตร์แสดงให้เห็นว่าการแก้ไขจำนวนมากฟื้นตัว การขายล็อคด้วยการขาดทุน
ใช้การเฉลี่ยต้นทุนดอลลาร์ สเปรดราคาซื้อและลดความเสี่ยงด้านเวลา
รักษาเงินสดฉุกเฉิน ป้องกันการชำระบัญชีแบบบังคับเมื่อราคาตกต่ำ
ปรับสมดุลใหม่หากจำเป็น รักษาโปรไฟล์ความเสี่ยงของพอร์ตโฟลิโอให้คงอยู่


ความเข้าใจผิดและความเข้าใจผิดที่พบบ่อย


มีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการแก้ไขอย่างต่อเนื่องอยู่หลายประการ


  1. ประการแรก การแก้ไขไม่ได้หมายความโดยอัตโนมัติว่าจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย

  2. ประการที่สอง ไม่ใช่ว่าทุกภาคส่วนจะตกเท่ากัน ภาคส่วนป้องกันมักจะทำผลงานได้ดีกว่าในช่วงที่ราคาตก

  3. ประการที่สาม การแก้ไขไม่ใช่สัญญาณของความล้มเหลวของตลาด แต่โดยปกติแล้วจะเป็นส่วนหนึ่งของการค้นพบราคาตามปกติ


การรับรู้ถึงตำนานเหล่านี้จะช่วยให้นักลงทุนตีความการแก้ไขได้อย่างใจเย็นและมีเหตุผลมากขึ้น


ภาพรวมที่ใหญ่ขึ้น: การปรับฐานในบริบทของวัฏจักรตลาด


ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา ตลาดมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น แม้จะมีการปรับฐานเป็นระยะๆ และตลาดหมีที่ทรุดตัวลงอย่างรุนแรง การปรับฐานถือเป็นการหยุดการไต่ระดับ สำหรับนักลงทุนระยะยาว ความจริงก็คือความผันผวนในระยะสั้นเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และการลงทุนอย่างมีวินัยมักจะมีความสำคัญมากกว่าความพยายามในการกำหนดจังหวะการพลิกผันของตลาดอย่างแม่นยำ การฟื้นตัวในอดีตจากการปรับฐานครั้งใหญ่และการพังทลาย แสดงให้เห็นถึงความสามารถของตลาดในการฟื้นตัวตามกาลเวลาและการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ


คำถามที่พบบ่อย


คำถามที่ 1: ตลาดหุ้นปรับฐาน (Stock Market Correction) คืออะไร?

การปรับฐานหมายถึงการลดลงของดัชนีตลาดหรือราคาหุ้นโดยประมาณ 10% ขึ้นไปจากจุดสูงสุดล่าสุด ซึ่งเป็นเกณฑ์ที่นักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญตลาดมักใช้กันทั่วไป


คำถามที่ 2: การปรับฐานเกิดบ่อยแค่ไหน?

การปรับฐานเกิดขึ้นเป็นระยะ ๆ การลดลงเล็ก ๆ หรือ pullback เกิดขึ้นบ่อยมาก ส่วนการปรับฐานที่ลดลง 10% ขึ้นไปเกิดทุก ๆ ไม่กี่ปี ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาที่ใช้วัดและดัชนีที่ใช้ศึกษา งานวิจัยย้อนหลังแสดงให้เห็นว่ามีการปรับฐานหลายครั้งในประวัติศาสตร์


คำถามที่ 3: การปรับฐานหมายความว่าตลาดขาลง (Bear Market) กำลังมา?

ไม่จำเป็นเสมอไป การปรับฐานเพียงบางส่วนเท่านั้นที่จะลึกจนกลายเป็นตลาดขาลง การปรับฐานจะกลายเป็นตลาดขาลงก็ต่อเมื่อการขาดทุนขยายตัวถึงประมาณ 20% หรือมากกว่า และมักมาพร้อมกับความเสื่อมโทรมทางเศรษฐกิจที่กว้างขึ้น


คำถามที่ 4: การปรับฐานเป็นโอกาสที่ดีในการซื้อหุ้นหรือไม่?

สำหรับนักลงทุนระยะยาวที่มีวินัย การปรับฐานอาจเป็นโอกาสในการซื้อสินทรัพย์คุณภาพในราคาที่ต่ำกว่า แต่การซื้อควรทำด้วยแผนที่ชัดเจนและอยู่ในบริบทของเป้าหมายทางการเงินโดยรวม


บทสรุป


ตลาดหุ้นปรับฐาน คือส่วนหนึ่งของวัฏจักรการลงทุนที่เกิดขึ้นเป็นประจำ แม้จะไม่เป็นที่ต้องการก็ตาม การปรับฐานทดสอบทั้งความอดทนและการวางแผนของนักลงทุน การตอบสนองที่เหมาะสมที่สุดคือการยึดตามแผนที่วางไว้อย่างรอบคอบ รักษาวินัยด้านสภาพคล่องและการจัดสรรสินทรัพย์ และมองการปรับฐานเป็นกลไกปกติของตลาดในการปรับสมดุลและฟื้นฟูมูลค่า ไม่ใช่เหตุผลของความตื่นตระหนก


หลักฐานทางประวัติศาสตร์แสดงให้เห็นว่า สำหรับนักลงทุนที่มีความอดทน การปรับฐานมักเป็นเพียงการหยุดชั่วคราว ไม่ใช่อุปสรรคถาวรต่อการเติบโตของพอร์ตการลงทุน


ข้อสงวนสิทธิ์: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนา (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ได้เป็นคำแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ

บทความแนะนำ
รายงานผลประกอบการประจำสัปดาห์นี้: PLTR, AMD, SMCI และหุ้นเด่น
เปิดเทคนิคการเทรดหุ้นระยะสั้น รวมกลยุทธ์เด็ดที่ควรรู้
Dow Theory คือ สูตรลับจับจังหวะตลาดหุ้นที่ไม่เคยล้าสมัย
มือใหม่เตรียมตัวยังไงก่อนเปิดพอร์ตหุ้น
เจาะเหตุผลที่หุ้นอเมริกา น่าสนใจ พร้อมทุกเรื่องที่นักลงทุนควรเข้าใจ