เผยแพร่เมื่อ: 2025-11-11
USD/JPY เคลื่อนไหวในช่วงกลางระดับ 150 และยังได้รับอิทธิพลจากความแตกต่างด้านนโยบายการเงินระหว่างสหรัฐฯ กับญี่ปุ่น การเปลี่ยนแปลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร และกระแสเงินทุนที่ขับเคลื่อนด้วยภาวะความเสี่ยงและการเก็งกำไร

ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) ยังคงดำเนินนโยบายปรับเข้าสู่ภาวะปกติแบบ “ขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจ” (data dependent approach) ขณะที่เจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นเพิ่มการส่งสัญญาณเตือนทางวาจาเกี่ยวกับความผันผวนของค่าเงินที่รวดเร็วเกินไป ความเสี่ยงหลักในระยะสั้นของคู่เงินนี้ ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงความคาดหวังต่อนโยบายของเฟด (Fed) สัญญาณนโยบายเพิ่มเติมจาก BoJ และความเป็นไปได้ของการแทรกแซงค่าเงินโดยภาครัฐ
ณ วันที่ 11 พฤศจิกายน 2025 ค่าเงิน USD/JPY ซื้อขายอยู่ราว 154.1 โดยทำจุดสูงสุดในเดือนใกล้ 154.49 และจุดต่ำสุดประมาณ 152.97 ในช่วงครึ่งแรกของเดือนพฤศจิกายน ทั้งความผันผวนโดยนัย (implied volatility) และความผันผวนที่เกิดขึ้นจริง (realised volatility) ปรับเพิ่มขึ้นตั้งแต่เดือนตุลาคมต่อเนื่องถึงต้นพฤศจิกายน เนื่องจากตลาดตอบสนองต่อการคาดการณ์ว่าญี่ปุ่นอาจเริ่มปรับนโยบายการเงิน และความคาดหวังที่เปลี่ยนแปลงต่อตลาดพันธบัตรสหรัฐฯ เทรดเดอร์จึงควรคาดการณ์ช่วงการแกว่งตัวในแต่ละวันให้กว้างขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่มีการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญหรือแถลงการณ์จากเจ้าหน้าที่ระดับสูง
อัตราดอกเบี้ยเงินกองทุนเฟด (Federal Funds Rate) ของสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในระดับสูงกว่าดอกเบี้ยระยะสั้นของญี่ปุ่นอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์ยังคงได้เปรียบด้านอัตราผลตอบแทน (yield advantage) ความคาดหวังของตลาดเกี่ยวกับเส้นทางการปรับนโยบายของเฟดเปลี่ยนแปลงไปตามแต่ละรายงานเศรษฐกิจ ซึ่งส่งผลต่อค่าเงินดอลลาร์ทั้งผ่านช่องทางของผลตอบแทนและภาวะความเสี่ยง
หากเฟดส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยเร็วกว่าหรือมากกว่าที่ตลาดคาดไว้ในปัจจุบัน อาจทำให้ความได้เปรียบด้านอัตราผลตอบแทนของดอลลาร์ลดลง ซึ่งจะกดดันสถานะ “ซื้อดอลลาร์/ขายเยน” ในทางกลับกัน หากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่ง และสนับสนุนเส้นทางดอกเบี้ยที่สูงต่อเนื่อง ก็จะเป็นปัจจัยหนุนให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าต่อไป

ธนาคารกลางญี่ปุ่นได้เริ่มปรับนโยบายการเงินกลับสู่ภาวะปกติจากระดับที่ผ่อนคลายมากเป็นพิเศษตั้งแต่ต้นปี 2025 และยังคงย้ำว่าการตัดสินใจใด ๆ จะขึ้นอยู่กับ “ข้อมูลเศรษฐกิจ” (data dependent approach) ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา BoJ ได้เผยแพร่รายงานแนวโน้มนโยบายการเงิน พร้อมแถลงการณ์ที่เปิดโอกาสให้มีการปรับนโยบายต่อไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป หาก เงินเฟ้อและการเติบโตของค่าจ้างมีพัฒนาการที่ต่อเนื่อง
ตัวเลข GDP ภายในประเทศและข้อมูลค่าจ้างแรงงาน จะเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดที่ชี้นำการตัดสินใจของ BoJ นักลงทุนควรให้ความสำคัญกับถ้อยแถลงและบันทึกการประชุมของ BoJ เพราะมีอิทธิพลสูงต่อทิศทางของค่าเงินเยน
เจ้าหน้าที่รัฐบาลญี่ปุ่นได้ เพิ่มความเข้มข้นของการเตือนทางวาจา หลังค่าเงินเยนอ่อนค่าลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 8 เดือนเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน 2025 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้ออกมาแถลงอย่างเป็นทางการว่า รัฐบาลกำลังติดตามความเคลื่อนไหวในตลาดอัตราแลกเปลี่ยนอย่างใกล้ชิด และเตือนถึงความเสี่ยงของการเคลื่อนไหวแบบ “ด้านเดียวและรวดเร็วเกินไป”
แม้คำเตือนทางวาจาจะไม่เท่ากับการแทรกแซงจริง แต่ก็สะท้อนถึงความเป็นไปได้ที่รัฐบาลอาจ เพิ่มการเฝ้าระวังตลาด และหากเกิดความผันผวนอย่างไร้ระเบียบการแทรกแซงโดยตรงอาจกลายเป็นทางเลือกได้ โดยทั่วไป ตลาดมองว่าความเป็นไปได้ในการแทรกแซงยังคงต่ำ แต่หากเกิดขึ้นจะเป็นเหตุการณ์ที่มีผลกระทบสูงต่อค่าเงิน
ทั้งอัตราเงินเฟ้อทั่วไปและเงินเฟ้อพื้นฐานของญี่ปุ่นในปี 2025 ขยับเข้าใกล้เป้าหมายนโยบายของ BoJ มากขึ้น โดยได้รับแรงหนุนจากราคาพลังงานและบริการที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการปรับขึ้นค่าจ้างในหลายภาคอุตสาหกรรมสำคัญ
อย่างไรก็ตาม ตัวชี้วัดการเติบโตทางเศรษฐกิจยังผสมผสานกัน โดยข้อมูลกิจกรรมในไตรมาสที่สามสะท้อนสัญญาณชะลอตัวในบางภาคส่วน ความยั่งยืนของการเติบโตด้านค่าจ้างจะเป็นปัจจัยชี้ขาดว่าเงินเฟ้อจะสามารถรักษาระดับได้ด้วยตัวเองหรือไม่ และจะกำหนดทิศทางว่า BoJ จะเร่งการปรับนโยบายเข้าสู่ภาวะปกติหรือไม่ หากการเติบโตของค่าจ้างยังคงแข็งแกร่งในระยะยาว ค่าเงินเยนมีแนวโน้มที่จะ ได้รับแรงสนับสนุนเชิงโครงสร้าง มากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ (US Treasury Yields) ยังคงอยู่ในระดับสูงกว่าพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่น (JGBs) อย่างมีนัยสำคัญ แม้ว่าอัตราผลตอบแทนของ JGB จะปรับเพิ่มขึ้นตามการเคลื่อนไหวของ BoJ ที่มุ่งสู่การปรับนโยบายเข้าสู่ภาวะปกติ แต่ช่องว่างระหว่างผลตอบแทนสหรัฐฯ และญี่ปุ่นยังคงกว้างพอที่จะสนับสนุนกระแสเงินทุนจากกลุ่มนักลงทุนที่มองหาผลตอบแทนสูง (carry-oriented flows) เข้าสู่สินทรัพย์ดอลลาร์
ตัวแปรสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นของสหรัฐฯ ส่วนต่างผลตอบแทนระยะ 10 ปีระหว่างสหรัฐฯ กับญี่ปุ่น และผลการประมูลพันธบัตร JGB เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงในปัจจัยเหล่านี้มักนำไปสู่การปรับตำแหน่งในตลาดอัตราแลกเปลี่ยน (FX positioning) อย่างรวดเร็ว
การเก็งกำไร
รายงานสาธารณะระบุว่า นักเก็งกำไรยังคงถือสถานะขายสุทธิในค่าเงินเยน ต่อเนื่องในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งการที่ตลาดมีสถานะขายเยนจำนวนมาก (crowded short yen positions) อาจทำให้เกิดการเคลื่อนไหวที่รุนแรง หากตลาดเข้าสู่ภาวะ “หลีกเลี่ยงความเสี่ยง” (risk-off) หรือมีข่าวเกี่ยวกับการแทรกแซงค่าเงิน
หน้าต่างสภาพคล่อง
สภาพคล่องมักลดลงในช่วงวันหยุดของญี่ปุ่น หรือช่วงที่มีการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดความผันผวนเฉียบพลันในระหว่างวัน (intraday spikes) และส่วนต่างราคาซื้อขาย (spreads) ที่กว้างขึ้น
ความไวในการไหลของคำสั่งซื้อ
การเคลื่อนไหวของราคาที่มีทิศทางชัดเจนและแรง มักมาพร้อมกับความลึกของตลาดที่ลดลง (reduced market depth) ส่งผลให้ความเสี่ยงในการดำเนินคำสั่งซื้อขาย (execution risk) เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
แนวรับระยะสั้น
บริเวณ 150.0–151.5 ทำหน้าที่เป็นแนวรับระยะสั้น สอดคล้องกับจุดต่ำสุดของช่วงการสะสมราคา (consolidation lows) และเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะสั้น
แนวต้านระยะสั้น
บริเวณ 154.5–155.0 เป็นแนวต้านสำคัญตามจุดสูงสุดรายเดือน (monthly peaks) หากราคาทะลุเหนือระดับ 155.0 ได้อย่างมั่นคง จะถือเป็นสัญญาณทางเทคนิคที่แข็งแกร่ง และอาจดึงดูดแรงซื้อจากกลุ่มเทรดเดอร์โมเมนตัม
กรอบกลางเทอม
หากโมเมนตัมยังต่อเนื่อง ระดับ 158–160 จะเป็นเป้าหมายระยะกลางที่มีความเป็นไปได้ ตามแนวขยายทางเทคนิค (extension levels) และแนวต้านโครงสร้างเดิม ในทางกลับกัน หากราคาหลุดต่ำกว่าโซน 150 ต้น ๆ มีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดการปรับฐานลงสู่ระดับกลาง 140
อินดิเคเตอร์โมเมนตัม
สัญญาณแนวโน้มรายสัปดาห์ยังคงชี้ไปในทิศทางขาขึ้น ขณะที่ออสซิลเลเตอร์รายวันบ่งชี้ถึงการพักฐาน (consolidation)
ดังนั้นเทรดเดอร์ควรคาดการณ์ว่าราคาอาจเคลื่อนไหวในกรอบระหว่างวัน (range-bound) สลับกับการเกิด “breakout” เป็นระยะ ควรอัปเดตกราฟเทคนิคภายในวันก่อนทำการซื้อขาย เนื่องจากระดับแนวรับ–แนวต้านอาจเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วตามสภาวะตลาด
| สถานการณ์ | คำอธิบาย | ปัจจัยกระตุ้นหลัก | เป้าหมายระยะสั้น |
|---|---|---|---|
| ค่าเงินเยนอ่อนค่าต่อเนื่อง | ดอลลาร์ยังคงแข็งค่าขึ้น ขณะที่ BoJ ดำเนินนโยบายอย่างระมัดระวัง และอัตราผลตอบแทนสหรัฐฯ ยังคงสูง | BoJ ส่งสัญญาณอดทน, ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ แข็งแกร่ง, ความเป็นไปได้ในการแทรกแซงต่ำ | 155–160 |
| เคลื่อนไหวในกรอบ | ค่าเงินเคลื่อนไหวในช่วงจำกัด ขณะตลาดรอทิศทางที่ชัดเจนจากธนาคารกลางทั้งสอง | ข้อมูลเศรษฐกิจที่ขัดแย้งกัน, สถานะเก็งกำไรสมดุล | 150–155 |
| เยนฟื้นตัวหรือแทรกแซงตลาด | เยนแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วจากแรงตลาดหรือการสนับสนุนโดยภาครัฐ | ข้อมูลเศรษฐกิจญี่ปุ่นแข็งแกร่ง, BoJ ส่งสัญญาณเข้มงวด, การแทรกแซงจริงหรือทางวาจา | 145–150 |

ส่วนนี้นำเสนอแนวคิดการเทรดที่เหมาะกับระยะเวลาการลงทุนต่าง ๆ พร้อมเช็กลิสต์ความเสี่ยงที่ควรตรวจสอบก่อนเข้าตลาด
กลยุทธ์โมเมนตัม
พิจารณา “เปิดสถานะซื้อ” แบบแบ่งชั้น (staged long position) หากราคาปิดเหนือระดับ 155 อย่างชัดเจน โดยตั้งจุดหยุดขาดทุน (stop loss) ใต้บริเวณฐานของช่วงสะสมราคา (consolidation low) อย่างไรก็ตาม ควรจำกัดขนาดการถือครอง เนื่องจากสภาพคล่องอาจลดลงในช่วงที่ตลาดเคลื่อนไหวแรง
กลยุทธ์กลับค่าเฉลี่ย
พิจารณา “ขายทำกำไรระยะสั้น” หากราคาขึ้นใกล้ระดับ 158–160 และไม่มีการยืนยันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรหรือบรรยากาศความเสี่ยงในตลาด หากกังวลต่อความเสี่ยงด้านขาลง ควรใช้ตราสารอนุพันธ์ (options) เพื่อบริหารความเสี่ยงแทนการเปิดสถานะตรง
กลยุทธ์เก็งผลต่างอัตราผลตอบแทน
สำหรับนักลงทุนระยะยาว สามารถพิจารณาถือสถานะ carry trade แบบป้องกันความเสี่ยง (hedged carry stance) ผ่านตราสารสังเคราะห์ เพื่อเก็บเกี่ยวผลต่างผลตอบแทนระหว่างดอลลาร์และเยน โดยจำกัดความเสี่ยงจากการแข็งค่าของเยน ควรปรับราคาเฮดจ์ (reprice hedges) เป็นระยะตามแนวโน้มคาดการณ์ของธนาคารกลาง
กลยุทธ์ความผันผวน
สามารถ “ซื้อสตราเดิล (straddle options)” ก่อนการประกาศสำคัญ เช่น การประชุมธนาคารกลางหรือรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตร (Non-Farm Payrolls) หากระดับ implied volatility ยังไม่สูง และมีโอกาสเกิดความประหลาดใจในตลาด
การกำหนดขนาดสถานะ
จำกัดความเสี่ยงของการเทรดแต่ละครั้งให้อยู่เพียงสัดส่วนเล็กของเงินลงทุนทั้งหมด และค่อย ๆ ปรับเพิ่มหรือลดตามสภาพคล่องในตลาด
การตั้งจุดหยุดขาดทุน
ตั้งจุด Stop ที่เผื่อระยะให้ครอบคลุมช่วงสเปรดที่กว้างขึ้นในช่วงสภาพคล่องต่ำ เพื่อป้องกันการถูกตัดขาดทุนก่อนเวลา
การติดตามความสัมพันธ์
ตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่าง USD/JPY กับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ และดัชนี Nikkei เพื่อหลีกเลี่ยงการกระจุกตัวของความเสี่ยงในสินทรัพย์กลุ่มเดียวกัน
การติดตามถ้อยแถลงเจ้าหน้าที่
จัดทำรายการติดตามเหตุการณ์ของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) กระทรวงการคลัง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อคาดการณ์ความเสี่ยงจากการแทรกแซงทางวาจา (verbal intervention) หรือสัญญาณเปลี่ยนนโยบายแบบฉับพลัน
พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี
ความเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 10 ปีส่งผลโดยตรงต่อทั้งผลตอบแทนจาก Carry Trade และทิศทางกระแสเงินทุน (directional flows) ของคู่เงิน USD/JPY
ดัชนีค่าเงินดอลลาร์
การเคลื่อนไหวของดัชนีดอลลาร์มักเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกับ USD/JPY หากเกิดการแยกทิศทาง (divergence) อาจบ่งชี้ถึงกระแสเงินเฉพาะในฝั่งเยน เช่น การเก็งกำไรหรือการแทรกแซง
ดัชนี Nikkei และตลาดหุ้นญี่ปุ่น
กระแส “Risk-On” ที่ส่งเงินลงทุนเข้าสู่ตลาดหุ้นญี่ปุ่น มักมาพร้อมกับการอ่อนค่าของเยน โดยเฉพาะเมื่อ นักลงทุนต่างชาติเทขายพันธบัตรต่างประเทศเพื่อเข้าซื้อหุ้นญี่ปุ่น หรือเมื่อเม็ดเงินในประเทศไหลกลับเข้าสู่ตลาดหุ้น
ราคาสินค้าโภคภัณฑ์และบรรยากาศความเสี่ยง
การเคลื่อนไหวของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ หรือเหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitical Events) สามารถเปลี่ยนโหมดของตลาดจาก Risk-On → Risk-Off ได้อย่างรวดเร็ว ส่งผลให้กระแสเงินในตลาดฟอเร็กซ์ (FX flows) พลิกทิศทันที
แถลงการณ์และบันทึกนโยบายของธนาคารกลางญี่ปุ่น
เป็นแหล่งข้อมูลที่สะท้อนเจตนาของ BoJ โดยตรง และมีอิทธิพลต่อทั้งตลาดพันธบัตรญี่ปุ่น (JGBs) และค่าเงินเยน
ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ
โดยเฉพาะ CPI รายเดือน และรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตร (Non-Farm Payrolls) ซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนหลักต่อความคาดหวังนโยบายของเฟดและทิศทางค่าเงินดอลลาร์
ข้อมูลดัชนี CPI และค่าจ้างของญี่ปุ่น
ผลการเจรจาค่าจ้าง (Wage Rounds) และตัวเลข CPI ระดับประเทศ เป็นปัจจัยสำคัญที่ BoJ ใช้ประกอบการตัดสินใจนโยบาย
ถ้อยแถลงจากเจ้าหน้าที่ระดับสูง
คำพูดจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หรือเจ้าหน้าที่กระทรวงการคลัง (MOF) อาจส่งผลต่อความคาดหวังต่อการแทรกแซงค่าเงิน ขณะเดียวกัน ถ้อยแถลงจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสามารถเปลี่ยนการคาดการณ์ราคาตลาดได้ในทันที เทรดเดอร์ควรจัดทำ “ปฏิทินเหตุการณ์ (Event Calendar)” และทำเครื่องหมายช่วงเวลาที่คาดว่าจะมีความผันผวนสูงไว้ล่วงหน้า เพื่อบริหารความเสี่ยงและวางแผนการเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
| เดือน / วันที่สิ้นสุด | ระดับ USD/JPY | การเปลี่ยนแปลงรายเดือน (%) |
|---|---|---|
| พฤษภาคม 2025 | 141.35 | +1.4 |
| มิถุนายน 2025 | 144.65 | +2.4 |
| กรกฎาคม 2025 | 147.06 | +1.7 |
| สิงหาคม 2025 | 147.39 | +0.2 |
| กันยายน 2025 | 147.92 | +0.4 |
| ตุลาคม 2025 | 151.15 | +2.2 |
| 11 พฤศจิกายน 2025 (ระหว่างเดือน) | 154.12 | แข็งค่าขึ้นจากเดือนตุลาคม |
ข้อมูลในตารางข้างต้นสะท้อนให้เห็นถึงการแข็งค่าต่อเนื่องของ USD/JPY ตั้งแต่กลางปี 2025 โดยเฉพาะในช่วงเดือนตุลาคมถึงต้นพฤศจิกายนที่มีการเร่งตัวของแนวโน้มอย่างชัดเจน ผู้เทรดควรอัปเดตข้อมูลชุดนี้จากโบรกเกอร์หรือผู้ให้บริการซื้อขายแบบเรียลไทม์ เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจในตลาดจริง
ค่าเงิน USD/JPY ในปัจจุบันยังคงอยู่ใน จุดโฟกัสสำคัญของนักลงทุนทั่วโลก ปัจจัยหลักที่สร้างความผันผวน ได้แก่ ความไม่แน่นอนของแนวนโยบายเฟด แนวทางการตัดสินใจแบบขึ้นอยู่กับข้อมูลของ BoJ สถานะการเก็งกำไรจำนวนมากในตลาด และถ้อยแถลงแทรกแซงทางวาจาที่เข้มข้นขึ้นจากทางการญี่ปุ่น ปัจจัยเหล่านี้ทำให้ตลาดอยู่ในภาวะที่ทั้งแนวโน้มขาขึ้นต่อเนื่องและการกลับตัวอย่างรุนแรง (sharp reversals) มีโอกาสเกิดขึ้นได้พร้อมกัน นักลงทุนจึงควรบริหารความเสี่ยงอย่างรอบคอบในทุกการเคลื่อนไหวของคู่เงินนี้
ข้อสงวนสิทธิ์: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนา (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ได้เป็นคำแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ