简体中文 繁體中文 English 한국어 日本語 Español Bahasa Indonesia Tiếng Việt Português Монгол العربية हिन्दी Русский ئۇيغۇر تىلى

IPO แห่งศตวรรษ OpenAI จ่อแตะมูลค่า 1 ล้านล้านดอลลาร์

เผยแพร่เมื่อ: 2025-10-30

OpenAI บริษัทผู้อยู่เบื้องหลัง ChatGPT และเป็นผู้บุกเบิกการพัฒนา “ปัญญาประดิษฐ์ทั่วไป” (AGI) กำลังเป็นข่าวใหญ่จากแผนการเข้าตลาดหุ้น (IPO) ครั้งประวัติศาสตร์ ที่อาจทำให้บริษัทมีมูลค่าสูงถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์


ในแง่ของบริบท OpenAI ได้เริ่มวางรากฐานสำหรับการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งที่ปรึกษาทางการเงินคาดว่ามูลค่าบริษัทอาจสูงถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์ โดยมีแผนยื่นเอกสารในช่วงครึ่งหลังของปี 2026 และอาจเข้าจดทะเบียนจริงในปี 2027 พร้อมตั้งเป้าระดมทุนอย่างน้อย 60,000 ล้านดอลลาร์ (ตัวเลขและช่วงเวลาอาจมีการเปลี่ยนแปลง เนื่องจากยังอยู่ในขั้นต้น)


เรื่องราวการเติบโตของบริษัท รวมถึงรายได้ที่คาดว่าจะทะลุ 20,000 ล้านดอลลาร์ภายในสิ้นปี 2025 และการซื้อขายหุ้นรองล่าสุดที่สะท้อนมูลค่าตลาดเอกชนราว 500,000 ล้านดอลลาร์ ล้วนแสดงให้เห็นถึงความตื่นเต้นของนักลงทุน


นักลงทุนควรคาดหวังถึงแรงกระเพื่อมครั้งใหญ่ในตลาด การถกเถียงเกี่ยวกับช่วงเวลาล็อกหุ้นและปริมาณหุ้นหมุนเวียน รวมถึงความอ่อนไหวสูงต่อประสิทธิภาพของโมเดล ความร่วมมือกับ Microsoft และการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายในอนาคต


ทำไม IPO ของ OpenAI จึงกลายเป็นประเด็นร้อนในตลาดตอนนี้?

OpenAI มุ่งสู่ IPO มูลค่า 1 ล้านล้านดอลลาร์

การเตรียมเข้าตลาดหุ้นของ OpenAI กำลังสร้างกระแสครั้งใหญ่ เพราะนี่อาจเป็นการเปลี่ยนบริษัทเทคโนโลยีเอกชนที่ทรงอิทธิพลที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ให้กลายเป็นบริษัทมหาชนที่สามารถซื้อขายได้ในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งจะกลายเป็น “มาตรฐานใหม่” ของการสร้างรายได้จาก AI พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้ผู้ถือหุ้นและพนักงานช่วงแรกสามารถขายหุ้นเพื่อรับสภาพคล่อง และอาจพลิกโครงสร้างการลงทุนทั่วทั้งอุตสาหกรรมคลาวด์ ชิป และศูนย์ข้อมูล


จากรายงานหลายแหล่ง การพูดคุยเกี่ยวกับ IPO ของ OpenAI เกิดขึ้นหลังจากการปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ ที่ทำให้สัดส่วนการถือหุ้นชัดเจนขึ้น (รวมถึง Microsoft ที่ถือหุ้นประมาณ 27%) และจากการซื้อขายหุ้นในตลาดเอกชนหลายรอบที่ผลักดันมูลค่าบริษัทขึ้นไปแตะ 500,000 ล้านดอลลาร์ ในเดือนตุลาคม 2025


ปัจจัยเหล่านี้ รวมถึงการเติบโตของรายได้ที่รวดเร็ว และความต้องการเงินทุนจำนวนมากเพื่อขยายโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI ล้วนทำให้การเข้าตลาดหุ้นของ OpenAI กลายเป็น “ทางเลือกที่เป็นไปได้จริง” มากกว่าฝันในระยะยาว


โดยสรุปแล้ว OpenAI ต้องการทรัพยากรทางการเงินจำนวนมาก เพื่อเสริมศักยภาพในการประมวลผล ขยายศูนย์ข้อมูล และดึงดูดบุคลากรชั้นนำ ซึ่งซีอีโอของบริษัทมองว่านี่คือกุญแจสำคัญในการแข่งขันในระดับ “โครงสร้างพื้นฐานขนาด AGI” การเข้าตลาดหุ้นจะเปิดทางให้บริษัทเข้าถึงตลาดทุนขนาดใหญ่โดยตรง แต่ก็ต้องแลกมากับความโปร่งใสที่สูงขึ้น และการถูกจับตาจากนักลงทุนในทุกไตรมาส


ข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับ IPO ของ OpenAI (ตุลาคม 2025)

ตัวชี้วัด ตัวเลขล่าสุด
มูลค่าตลาดเอกชน 500,000 ล้านดอลลาร์
การประเมินมูลค่าเป้าหมาย IPO 1,000,000 ล้านดอลลาร์
รายได้ที่คาดการณ์สิ้นปี 2025 20,000 ล้านดอลลาร์
สัดส่วนการถือหุ้นของ Microsoft ประมาณ 27%
จำนวนเงินที่วางแผนระดมทุน มากกว่า 60,000 ล้านดอลลาร์


1. มูลค่าประเมินและช่วงเวลาเข้าตลาด:

จากรายงานของ Reuters และสำนักข่าวอื่น ๆ ที่ปรึกษาทางการเงินกำลังเตรียมการสำหรับการเข้าตลาดหุ้น (IPO) ของ OpenAI ที่อาจมีมูลค่าสูงสุดถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์ โดยคาดว่าอาจยื่นเอกสารในช่วงครึ่งหลังของปี 2026 และเข้าจดทะเบียนจริงในปี 2027 (แผนดังกล่าวยังอยู่ในขั้นต้นและอาจมีการเปลี่ยนแปลง)


นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างการพิจารณาระดมทุนอย่างน้อย 60,000 ล้านดอลลาร์ ในการเสนอขายหุ้นครั้งนี้


2. การประเมินมูลค่าในตลาดเอกชนล่าสุด:

เมื่อต้นเดือนตุลาคม 2025 มีการขายหุ้นรอง (secondary equity sale) เพื่อเปิดโอกาสให้พนักงานของ OpenAI ขายหุ้นของตน โดยธุรกรรมนี้บ่งชี้ว่ามูลค่าตลาดเอกชนของบริษัทอยู่ที่ประมาณ 500,000 ล้านดอลลาร์


พนักงานขายหุ้นรวมมูลค่าประมาณ 6.6 พันล้านดอลลาร์ ให้กับนักลงทุนรายใหญ่ ได้แก่ SoftBank, Thrive, Dragoneer, และ T. Rowe Price


3. อัตรารายได้ต่อปี:

จากรายงานหลายแหล่งคาดว่า OpenAI จะมีรายได้ประจำปี (annualised revenue run-rate) ใกล้เคียง 20,000 ล้านดอลลาร์ ภายในสิ้นปี 2025 ซึ่งสะท้อนถึงการเติบโตอย่างรวดเร็วของบริการ องค์กร (Enterprise) และ API อย่างไรก็ตาม บริษัทก็ยังคงมีผลขาดทุนจำนวนมาก เนื่องจากอยู่ในช่วงขยายตัวอย่างรวดเร็ว


4. สัดส่วนการถือหุ้นของพันธมิตรเชิงกลยุทธ์:

หลังการปรับโครงสร้างองค์กร Microsoft ยังคงถือหุ้นใน OpenAI ประมาณ 27% ซึ่งถือเป็นสัดส่วนใหญ่ในองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยกำไร


สถานการณ์นี้แม้จะสร้างความมั่นคงทางธุรกิจ แต่ก็เปิดประเด็นให้สาธารณชนตั้งคำถามถึงธรรมาภิบาล (governance) และ ความขัดแย้งทางผลประโยชน์ (conflict of interest) สำหรับนักลงทุนในอนาคต


บทบาทของสัดส่วนการถือหุ้น Microsoft ต่อ IPO ของ OpenAI


การถือหุ้นประมาณ 27% ของ Microsoft และความร่วมมือทางธุรกิจที่แน่นแฟ้น ถือเป็นหัวใจของ “แนวคิดการลงทุน (investment thesis)” และ “รายการความเสี่ยง (risk checklist)” ความสัมพันธ์นี้มีข้อดีหลายประการ เช่น การเข้าถึงบริการคลาวด์ (Azure) อย่างมีสิทธิพิเศษ การผสานฟีเจอร์ในผลิตภัณฑ์สำนักงาน (เช่น Copilot) การมีพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ที่มีเงินทุนมหาศาล


อย่างไรก็ตาม ก็มีคำถามสำคัญที่นักลงทุนต้องพิจารณา:


  1. การแบ่งรายได้และเศรษฐศาสตร์ API: สิทธิพิเศษของ Microsoft จะจำกัดศักยภาพของ OpenAI ในการสร้างรายได้จากผู้ให้บริการคลาวด์รายอื่นหรือไม่? ข้อตกลงแบ่งรายได้มีความเป็นธรรมและโปร่งใสเพียงใด?

  2. ความขัดแย้งทางผลประโยชน์: ผู้ถือหุ้นรายใหญ่เพียงรายเดียวอาจส่งผลต่อการกำกับดูแลกิจการ และจำกัดอิสระของบริษัทหากเกิดความเห็นต่างด้านกลยุทธ์

  3. มุมมองของหน่วยงานกำกับดูแล: การเชื่อมโยงใกล้ชิดกับบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อาจนำไปสู่การตรวจสอบที่เข้มงวดมากขึ้น (เช่น การพิจารณาด้าน การผูกขาด (antitrust) หรือ ความมั่นคงแห่งชาติ) โดยเฉพาะหากโมเดลของ OpenAI กลายเป็นส่วนสำคัญของโครงสร้างพื้นฐานระดับประเทศ


นักลงทุนจึงควรคาดหวังว่าเอกสาร S-1 และเอกสาร Proxy ภายหลังจะให้รายละเอียดอย่างชัดเจนเกี่ยวกับเงื่อนไขของการถือหุ้น Microsoft และความร่วมมือทางพาณิชย์ที่ยังคงดำเนินอยู่


คณิตศาสตร์ประเมินค่า OpenAI: วิธีการรับมูลค่าตลาด 1 ล้านล้านดอลลาร์

ความเป็นเจ้าของของ Microsoft ใน OpenAI การประเมินมูลค่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ สำหรับ IPO ของ OpenAI บ่งชี้ถึงความคาดหวังระดับสูงมาก ทั้งในด้านการเติบโตแบบก้าวกระโดด หรืออัตรากำไรที่โดดเด่นเป็นพิเศษ


หากอิงจากรายได้ที่คาดการณ์ไว้ 20,000 ล้านดอลลาร์ การมีมูลค่าตลาดที่ 1 ล้านล้านดอลลาร์ หมายถึง อัตราส่วนมูลค่าตลาดต่อรายได้ (Revenue Multiple) สูงถึง 50 เท่า ซึ่งแม้แต่บริษัทเทคโนโลยีที่เติบโตเร็วและมีมูลค่าสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ ก็แทบไม่เคยรักษาอัตราส่วนระดับนี้ได้ในระยะยาว


เพื่อให้มูลค่านี้ “มีเหตุผลตามปัจจัยพื้นฐาน” ไม่ใช่แค่กระแสความนิยม OpenAI จำเป็นต้องมี กลยุทธ์สร้างรายได้ระดับหลายแสนล้านดอลลาร์ต่อปีภายในไม่กี่ปี หรือสามารถรักษาอัตรากำไรและกระแสเงินสดสุทธิที่สูงกว่าบริษัทเทคโนโลยีรายอื่นอย่างมีนัยสำคัญ


นักวิเคราะห์ที่ประเมิน “ผลลัพธ์ระดับล้านล้านดอลลาร์” มักตั้งอยู่บนสมมติฐานว่า OpenAI จะสามารถ ครองตลาดขนาดใหญ่หลายประเภท ได้พร้อมกัน เช่น ซอฟต์แวร์องค์กร ระบบค้นหา AI สำหรับการทำงาน ตัวแทนอัจฉริยะเฉพาะทาง เครื่องมือสำหรับนักพัฒนา โฆษณาดิจิทัล และอื่น ๆ


ดังนั้น การประเมินมูลค่าจะขึ้นอยู่ไม่เพียงแค่ยอดขายในปัจจุบัน แต่ยังรวมถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนในความสามารถของ OpenAI ที่จะขยายการใช้งานผลิตภัณฑ์ทั้งในภาคองค์กรและผู้บริโภค แปลงการใช้งานให้กลายเป็นรายได้ประจำที่มั่นคง และปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน เมื่อค่าใช้จ่ายในการประมวลผลของโมเดลลดลง


ผลกระทบที่ IPO ของ OpenAI อาจมีต่อภาพรวมตลาด


การเข้าตลาดหุ้นของ OpenAI โดยเฉพาะหากสามารถระดมทุนได้หลายหมื่นล้านดอลลาร์ จะส่งผลสะเทือนวงกว้างในตลาดการเงินทั่วโลก


1. การไหลเวียนของเงินทุนสู่โครงสร้างพื้นฐาน AI:

ผู้ผลิตชิปอย่าง Nvidia, ผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่ (Microsoft, Google, AWS), บริษัทศูนย์ข้อมูล (Data Centre REITs) และผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานอื่น ๆ อาจได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นจากนักลงทุน และเกิดความร่วมมือทางธุรกิจใหม่ ๆ


ผลการดำเนินงานของ Nvidia ในปี 2024–2025 สะท้อนเทรนด์นี้แล้ว และนักวิเคราะห์คาดว่าจะมีการลงทุนด้านทุน (CapEx) เพิ่มขึ้นโดยตรงตามมา


2. ตลาดเงินร่วมลงทุนและตลาดรองเอกชน:

การเปิดให้พนักงานขายหุ้นและการระดมทุนรอบใหญ่ อาจทำให้มูลค่าพอร์ตการลงทุนของกองทุนเอกชนต้องถูก “ปรับราคาใหม่” และเปลี่ยนพลวัตของตลาดรองสำหรับสตาร์ทอัพสาย AI ตัวอย่างล่าสุดคือการขายหุ้นพนักงานมูลค่า 6.6 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสะท้อนแนวโน้มสภาพคล่องในตลาดเอกชนได้อย่างชัดเจน


3. กองทุน ETF และดัชนีตลาดหุ้น:

IPO ขนาดยักษ์เช่นนี้อาจส่งผลให้เกิดการปรับน้ำหนักของ ดัชนีหุ้นขนาดใหญ่ (Large-Cap Indices) และ กองทุน ETF ซึ่งจะส่งแรงกระเพื่อมไปยังทั้งกองทุนแบบ Passive และ Active ทั่วโลก


ดังนั้น IPO จะไม่เพียงเป็นเหตุการณ์สำหรับผู้ถือหุ้นของ OpenAI เท่านั้น แต่ยังเป็นตัวเร่งให้เกิดระบบนิเวศ AI และคลาวด์ที่กว้างขึ้นอีกด้วย


สถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตสำหรับ IPO ของ OpenAI

สถานการณ์ ภาพรวม ผลลัพธ์
กรณีฐาน เข้าตลาดหุ้นในปี 2027 ด้วยมูลค่าประเมินระหว่าง 600–800 พันล้านดอลลาร์ มีสัดส่วนหุ้นหมุนเวียนปานกลาง (moderate float) แนวโน้มการเติบโตแข็งแกร่ง แต่ราคาหุ้นอาจผันผวนตามต้นทุนและประเด็นธรรมาภิบาล มูลค่าระดับบิ๊กเทคที่มั่นคง แต่ราคามีการแกว่งตัวตามกระแสข่าว
กรณีบวก ผลประกอบการปี 2026 แข็งแกร่ง พร้อมดีลองค์กรขนาดใหญ่ ดันมูลค่าขึ้นใกล้ 1 ล้านล้านดอลลาร์ และถูกบรรจุในดัชนีหุ้นหลัก นักลงทุนมองว่า OpenAI คือ “แพลตฟอร์มหลักของ AI หุ้นพุ่งต่อเนื่อง เกิดการเติบโตในวงกว้างของหุ้นกลุ่ม AI
กรณีลบ ความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจมหภาคหรือกฎระเบียบทำให้การนำ AI ไปใช้ช้าลง ขณะที่ต้นทุนลงทุนสูง (CapEx) และแรงกดดันจากการเพิ่มทุนส่งผลให้ IPO ล่าช้าหรือมีราคาต่ำ การเข้าตลาดที่อ่อนแอ มูลค่าลดลง นักลงทุนขาดความเชื่อมั่น


ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นหลังการเข้าตลาด


1) การดำเนินงานและต้นทุนบานปลาย :

อุตสาหกรรม AI ต้องใช้เงินทุนจำนวนมากในด้านชิป พลังงาน และอสังหาริมทรัพย์ หากต้นทุนเพิ่มเร็วเกินรายได้ หรือราคาขายต้องปรับลดเพื่อแข่งขัน อัตรากำไรของบริษัทอาจต่ำต่อเนื่องยาวนาน


2) การแข่งขันรุนแรง:

คู่แข่งอย่าง Google, Amazon, Meta, Anthropic และบริษัทเทคอื่น ๆ กำลังเร่งพัฒนาและผนวก AI เข้ากับบริการคลาวด์ของตน ทำให้ความได้เปรียบของ OpenAI ไม่ได้ “มั่นคงถาวร” อีกต่อไป


3) ความเสี่ยงด้านกฎระเบียบ:

ข้อกำหนดใหม่เกี่ยวกับความโปร่งใสของโมเดล การใช้ข้อมูล หรือการควบคุมการส่งออกเทคโนโลยี อาจทำให้กระบวนการสร้างรายได้ช้าลง หรือทำให้บริษัทต้องปรับโครงสร้างระบบที่มีค่าใช้จ่ายสูง


4) ความตึงเครียดด้านธรรมาภิบาล:

โครงสร้างองค์กรแบบ “ไม่แสวงหากำไรควบคู่กับเชิงพาณิชย์” (nonprofit-for-profit hybrid) และการมีผู้ถือหุ้นรายใหญ่เพียงรายเดียวอย่าง Microsoft อาจสร้างความซับซ้อนด้านธรรมาภิบาล และขัดแย้งกับผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นรายย่อยในตลาด


5) ความเสี่ยงจากการประเมินมูลค่าและอารมณ์ตลาด:

เมื่อหุ้นถูกประเมินมูลค่าที่ระดับสูงมาก ราคาหุ้นจะอ่อนไหวต่อความเชื่อมั่นของตลาดอย่างมาก เพียงแค่ผลประกอบการผิดคาดหนึ่งไตรมาส หรือความล้มเหลวของโมเดลเพียงครั้งเดียว ก็อาจทำให้เกิดความผันผวนรุนแรง


ความเสี่ยงเหล่านี้ไม่ใช่แค่สมมติฐานทางทฤษฎี เพราะหลายปัจจัยได้เริ่มปรากฏให้เห็นแล้ว ทั้งจากความคิดเห็นสาธารณะ และความสนใจของหน่วยงานกำกับดูแลทั่วโลก


สิ่งที่นักลงทุนควรติดตามก่อนตัดสินใจลงทุนใน IPO ของ OpenAI

วันที่ IPO ของ OpenAI

  • การแยกย่อยรายได้ตามผลิตภัณฑ์ ภูมิศาสตร์ และสัดส่วนลูกค้าหลัก

  • ปัจจัยขับเคลื่อนกำไรขั้นต้นและโครงสร้างรายได้ต่อหน่วยของกระบวนการประมวลผลโมเดล

  • ตรวจสอบภาระผูกพันด้านการลงทุน เช่น การจัดซื้อ เครื่องเซิร์ฟเวอร์ ชิปประมวลผล และศูนย์ข้อมูล

  • รายละเอียดข้อตกลงกับบุคคลที่เกี่ยวข้อง (Microsoft, SoftBank, อื่นๆ)

  • ความเป็นเจ้าของ อำนาจในการลงคะแนนเสียง และโครงสร้างหุ้นหลายประเภท

  • พิจารณาจำนวนหุ้นที่ยังไม่ได้ใช้สิทธิ เพื่อคาดการณ์การลดสัดส่วนการถือหุ้น (Dilution) ในอนาคต

  • ประเด็นทางกฎหมายและการกำกับดูแล

  • เงื่อนไขการล็อกหุ้นสำหรับบุคคลภายในและแผนการขายหุ้นในอนาคต


เช็กลิสต์นี้ช่วยให้นักลงทุนสามารถ “มองทะลุกระแสความตื่นเต้น” และโฟกัสไปที่ปัจจัยที่สร้างมูลค่าในระยะยาว ของ OpenAI ได้อย่างรอบคอบ


คำถามที่พบบ่อย


Q1: OpenAI จะเข้าตลาดหุ้นเมื่อไหร่?

มีเป้าหมายจะยื่นเอกสารเข้าตลาดหุ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2026 และคาดว่าจะเริ่มซื้อขายได้จริงในปี 2027


Q2: มูลค่าที่ OpenAI ตั้งเป้าไว้ในการเข้าตลาดคือเท่าไหร่?

มีรายงานว่าที่ปรึกษาทางการเงินของบริษัทกำลังเตรียมความพร้อมสำหรับมูลค่าประเมินประมาณ 1 ล้านล้านดอลลาร์


Q3: OpenAI มีแผนระดมทุนเท่าไรในการ IPO?

บริษัทมีแผนที่จะระดมทุนอย่างน้อย 60,000 ล้านดอลลาร์ จากการเสนอขายหุ้นครั้งนี้


Q4: สัดส่วนการถือหุ้นของ Microsoft จะส่งผลต่อ IPO หรือไม่?

มีผลอย่างแน่นอน ปัจจุบัน Microsoft ถือหุ้นประมาณ 27% ใน OpenAI ซึ่งทำให้เกิดคำถามสำคัญเกี่ยวกับข้อตกลงสิทธิพิเศษทางธุรกิจ โครงสร้างการกำกับดูแล (Governance) และการแบ่งรายได้หรือการประสานผลประโยชน์ทางพาณิชย์หลังการเข้าตลาด


บทสรุป


IPO ของ OpenAI ที่อาจมีมูลค่าสูงถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์ นับเป็นเหตุการณ์พลิกประวัติศาสตร์ของวงการลงทุนเทคโนโลยี สะท้อนให้เห็นถึงคุณค่ามหาศาลของปัญญาประดิษฐ์เชิงสร้างสรรค์ (Generative AI) และวิสัยทัศน์ของบริษัทในการสร้างผลิตภัณฑ์ AGI (Artificial General Intelligence) ที่เปลี่ยนโลกได้จริง


หากการเข้าตลาดหุ้นนี้ประสบความสำเร็จ มันอาจพลิกนิยามการประเมินมูลค่า “ปัญญา” ให้กลายเป็นสินทรัพย์ที่จับต้องได้ ไม่ใช่แค่โค้ดโปรแกรม


นักลงทุนควรติดตามความคืบหน้าตลอดปี 2026 ทั้งในด้านกฎระเบียบ การเปิดเผยข้อมูลทางการเงิน และสภาวะตลาด เพื่อเตรียมตัวก่อนเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ครั้งนี้


ข้อสงวนสิทธิ์: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนา (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ได้เป็นคำแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ

บทความแนะนำ
เส้นทางวิวัฒนาการของตลาดหลักทรัพย์
บริษัท Medline เตรียม IPO สุดยิ่งใหญ่แห่งปี 2025
อินเดียพาบริษัท Wework กลับสู่ตลาด IPO ปี 2025 ได้หรือไม่?
เจาะลึกตลาดตราสารทุน (Equity Market) เข้าใจกลไกที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
Mastering the Market Cycle ปฏิวัติวงการเทรด