Convergence ในการเทรดคืออะไร?
简体中文 繁體中文 English 한국어 日本語 Español Bahasa Indonesia Tiếng Việt Português Монгол العربية हिन्दी Русский ئۇيغۇر تىلى

Convergence ในการเทรดคืออะไร?

ผู้เขียน: Charon N.

เผยแพร่เมื่อ: 2025-12-11   
อัปเดตเมื่อ: 2025-12-12

Convergence หมายถึง การที่ราคาหรือค่าของสองสิ่งเคลื่อนเข้าหากันเมื่อเวลาผ่านไป ในโลกการเทรด คำนี้มักใช้เพื่ออธิบายสถานการณ์ที่ราคาในตลาดจริงของสินทรัพย์ และราคาในสัญญาฟิวเจอร์ส (futures price) ค่อย ๆ ขยับเข้าใกล้กันเมื่อสัญญาฟิวเจอร์สใกล้หมดอายุ


ช่องว่างระหว่างราคาทั้งสองจะค่อย ๆ แคบลงเรื่อย ๆ จนกระทั่งหายไปเมื่อสัญญาหมดอายุ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญเพราะเทรดเดอร์จำนวนมากสร้างกลยุทธ์โดยอิงจาก “ความเร็ว” หรือ “ความช้า” ของการปิดช่องว่างนี้ สิ่งนี้ช่วยกำหนดจังหวะการเข้าออก และการควบคุมความเสี่ยงในการเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพ


คำนิยาม

ในโลกการเทรด Convergence คือปรากฏการณ์ที่ราคาฟิวเจอร์ส (Futures Price) และราคาในตลาดปัจจุบันหรือราคาสปอต (Spot Price) ของสินทรัพย์ตัวเดียวกัน ค่อย ๆ ถูกดึงเข้าหากันตามธรรมชาติ โดย Spot Price หมายถึงราคาสำหรับการส่งมอบทันที ส่วน Futures Price คือราคาสำหรับการส่งมอบในอนาคต


เมื่อเวลาของสัญญาฟิวเจอร์สลดลงเรื่อย ๆ ราคาฟิวเจอร์สมักจะขยับเข้าใกล้ราคาสปอตมากขึ้น เพราะต้นทุนต่าง ๆ เช่น ค่าเก็บรักษา ดอกเบี้ย หรือการเปลี่ยนแปลงของอุปทาน มีเวลาน้อยลงที่จะทำให้ราคาทั้งสองแตกต่างกัน


เทรดเดอร์สามารถเห็นการเกิด Convergence ได้จากกราฟราคา ปฏิทินวันหมดอายุของฟิวเจอร์ส และราคา Spread ของสัญญาต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเทรดเดอร์สายสเปรด สายอาร์บิทราจ หรือเฮดจ์ ความเปลี่ยนแปลงของช่องว่างระหว่างราคาฟิวเจอร์สกับสปอตเป็นปัจจัยสำคัญต่อกำไรของพวกเขา 


และเมื่อช่องว่างไม่เคลื่อนตามที่ควรจะเป็น นั่นอาจเป็นสัญญาณของความตึงตัวในตลาดหรือการเปลี่ยนแปลงของคาดการณ์ในอนาคต


ปัจจัยที่ทำให้ Convergence เปลี่ยนไปในแต่ละวัน

ทำไมช่องว่างระหว่างราคา (Price Gap) จึงกว้างขึ้นหรือแคบลง

มีหลายแรงที่ทำให้ราคาฟิวเจอร์สและสปอตเคลื่อนเข้าหากันเร็วหรือช้าแตกต่างกัน:


เมื่ออัตราดอกเบี้ยเปลี่ยนแปลง ราคาฟิวเจอร์สมักสะท้อนต้นทุนดอกเบี้ยอยู่เล็กน้อย เมื่อดอกเบี้ยสูงขึ้น ราคาฟิวเจอร์สมักจะอยู่เหนือราคาสปอตนานขึ้น และเมื่อดอกเบี้ยลดลงช่องว่างมักจะปิดเร็วขึ้น


เมื่อต้นทุนการจัดเก็บหรือการเก็บรักษาเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะสินทรัพย์ที่ต้องเก็บรักษา เช่น น้ำมัน โลหะ หรือสินค้าเกษตร ต้นทุนเก็บรักษาสูงขึ้น ทำให้ราคาฟิวเจอร์สอาจอยู่สูงกว่าสปอตนานขึ้น และหากต้นทุนลดลง ราคาทั้งสองมักขยับเข้าหากันเร็วขึ้น


เมื่อความคาดหวังของตลาดเปลี่ยนแปลง ความเชื่อของเทรดเดอร์เกี่ยวกับอุปสงค์ในอนาคตมีผลโดยตรง หากตลาดคาดหวังดีมานด์สูงในอนาคต ราคาฟิวเจอร์สอาจอยู่เหนือสปอตจนกว่าจะมีข้อมูลใหม่ออกมา หากความคาดหวังอ่อนตัว ราคาฟิวเจอร์สอาจปรับลดเร็วเข้าหาสปอต ความเร็วของ Convergence จึงเป็นภาพสะท้อนความเชื่อของตลาดเกี่ยวกับอนาคตในทุก ๆ วัน


ผลของ Convergence ต่อการเทรดของคุณ

Convergence มีผลโดยตรงต่อคุณภาพของจุดเข้า–ออกออเดอร์ Convergence มีผลโดยตรงต่อคุณภาพของจุดเข้า–ออกออเดอร์ แต่เมื่อทั้งสองราคาอยู่ใกล้กันและเคลื่อนเข้าหากันอย่างสม่ำเสมอ การเข้าเทรดจะ “รู้สึกสะอาดกว่า” เพราะโครงสร้างของตลาดมีความเสถียร


Convergence ยังมีผลต่อจังหวะการปิดออเดอร์ เมื่อสัญญาฟิวเจอร์สใกล้หมดอายุ และราคาทั้งสองแทบมาบรรจบกันแล้ว พื้นที่สำหรับกำไรเพิ่มเติมจะลดลง เทรดเดอร์จึงอาจเลือกปิดสถานะเร็วขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงความผันผวนหรือการแกว่งแรงในช่วงวันท้าย ๆ ของสัญญา


ต้นทุนและความเสี่ยงก็เชื่อมโยงกับ Convergence เช่นกัน เมื่อช่องว่างระหว่างราคาเคลื่อนตัวอย่างเป็นปกติ สเปรดก็จะนิ่งและคาดเดาง่าย แต่เมื่อช่องว่างเคลื่อนไหวผิดปกติ อาจเกิดสลิปเพจหรือสเปรดกว้างขึ้น เพราะตลาดไม่แน่ใจเกี่ยวกับ “มูลค่าที่แท้จริง” ของสินทรัพย์


สถานการณ์ที่ดี:

  • ราคาฟิวเจอร์สและราคาสปอตเคลื่อนเข้าใกล้กันอย่างสม่ำเสมอและเป็นไปตามรูปแบบปกติ

  • ช่องว่างแคบ และเคลื่อนไหวสอดคล้องกับพฤติกรรมทั่วไปของสินทรัพย์นั้น ๆ


สถานการณ์ที่แย่:

  • ช่องว่างระหว่างราคากว้างขึ้นอย่างไม่คาดคิด

  • Convergence กลับทิศ หรือกลายเป็นความเคลื่อนไหวไม่เสถียรเมื่อสัญญาใกล้หมดอายุ

  • การเคลื่อนไหวของราคาดู “กระตุก” และไม่สอดคล้องกับรูปแบบทางประวัติศาสตร์


ตัวอย่างด่วน

ลองนึกภาพว่าราคาสปอตของทองคำอยู่ที่ 2,000 ดอลลาร์ สัญญาฟิวเจอร์สแบบ 1 เดือนเทรดอยู่ที่ 2,010 ดอลลาร์ เพราะมีต้นทุนดอกเบี้ยและค่าเก็บรักษาเล็กน้อย เทรดเดอร์คาดว่าจะเกิด Convergence ตามปกติ คือราคาฟิวเจอร์สจะค่อย ๆ ขยับลงมาใกล้ 2,000 ดอลลาร์ เมื่อเวลาผ่านไป

ตัวอย่าง Convergence

ถ้าหลังจากผ่านไป 2 สัปดาห์ ราคาสปอตยังอยู่ที่ 2,000 ดอลลาร์ แต่ราคาฟิวเจอร์สลดลงมาเป็น 2,004 ดอลลาร์ แปลว่า Convergence กำลังทำงานตามปกติ เทรดเดอร์ที่ขายฟิวเจอร์ส ที่ 2,010 ดอลลาร์ และซื้อสปอต ที่ 2,000 ดอลลาร์ จะได้กำไร 6 ดอลลาร์ จากช่องว่างราคาที่แคบลง


แต่ถ้ามีข้อมูลความต้องการใหม่เข้ามา ทำให้ราคาฟิวเจอร์สพุ่งขึ้นเป็น 2,020 ดอลลาร์แทน ช่องว่างกลับกว้างขึ้น ทำให้กลยุทธ์ Convergence ขาดทุน เพราะสเปรดเคลื่อนไหวผิดทิศ ทั้งที่ราคาสปอตไม่ได้ขยับเลยก็ตาม ตัวอย่างนี้แสดงให้เห็นว่าทิศทางของ Convergence มีผลต่อผลลัพธ์มาก แม้ราคาสปอตจะคงที่


วิธีตรวจสอบ Convergence ก่อนเข้าเทรด

ก่อนจะเข้าเทรด ควรเช็กสิ่งเหล่านี้:


  • สเปรดปัจจุบันระหว่างราคาสปอตและราคาฟิวเจอร์ส

  • ระดับสเปรดในอดีตเฉพาะช่วงเวลาเดียวกันในรอบอายุสัญญา

  • อัตราดอกเบี้ย ต้นทุนเก็บรักษา หรือข่าวที่อาจทำให้ความคาดหวังของตลาดเปลี่ยนไป

  • วันหมดอายุของสัญญา ซึ่งส่งผลต่อความเร็วในการบรรจบกันของข้อมูล

  • Depth ของตลาด เพื่อดูว่าราคา Spread เคลื่อนตัวปกติหรือไม่


ควรตรวจสอบปัจจัยเหล่านี้ทุกครั้งก่อนเทรดในรอบสัญญาเดียวกัน เพราะสภาวะตลาดสามารถเปลี่ยนแปลงได้เร็ว อย่างน้อยต้องเช็กหนึ่งครั้งต่อหนึ่งเซสชัน


ข้อผิดพลาดที่พบบ่อย

  • การไม่คำนึงถึงเวลาหมดอายุ ความเร็วของ Convergence จะเปลี่ยนไปเมื่อสัญญาใกล้หมดอายุ ซึ่งส่งผลต่อผลลัพธ์ของเทรดโดยตรง

  • คิดว่า Convergence จะเป็นเส้นทางที่เรียบเสมอเสมอไป เหตุการณ์ช็อกในตลาดสามารถทำให้รูปแบบปกติเปลี่ยนไปแบบฉับพลัน

  • ไม่ติดตามการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ย แม้การปรับขึ้นลงเล็กน้อยก็สามารถส่งผลต่อราคาฟิวเจอร์สได้

  • เทรดโดยอิงจากรูปแบบในอดีตเพียงอย่างเดียว ประวัติศาสตร์ช่วยให้เห็นภาพ แต่ไม่ได้รับประกันว่าราคาจะเคลื่อนไหวเหมือนเดิมในอนาคต

  • การมองข้ามสภาพคล่อง ตลาดที่บางอาจทำให้เกิดสัญญาณ Spread ที่หลอกได้


คำศัพท์ที่เกี่ยวข้อง

  • Spot price: ราคาปัจจุบันของสินทรัพย์สำหรับการส่งมอบทันที

  • Futures price: ราคาที่ตกลงกันในวันนี้สำหรับการส่งมอบหรือชำระราคาที่อนาคต

  • Basis: ช่องว่างระหว่างราคาฟิวเจอร์สกับราคาสปอต

  • Contango: ภาวะตลาดที่ราคาฟิวเจอร์สสูงกว่าราคาสปอต

  • Backwardation: ภาวะตลาดที่ราคาฟิวเจอร์สต่ำกว่าราคาสปอต

  • Arbitrage: การทำกำไรจากความแตกต่างของราคาในตลาดที่เกี่ยวข้อง

  • Slippage: ส่วนต่างระหว่างราคาที่คาดหวังกับราคาที่ถูกจับคู่จริง เนื่องจากการเคลื่อนไหวของตลาด


คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

1. Convergence ในการเทรดคืออะไร?

Convergence คือกระบวนการที่ราคาฟิวเจอร์สค่อย ๆ เคลื่อนเข้าหาราคาสปอต เมื่อสัญญาใกล้หมดอายุ สิ่งนี้เกิดขึ้นเพราะต้นทุนในอนาคตและความไม่แน่นอนต่าง ๆ ลดลง ทำให้ราคาทั้งสองตั้งอยู่ใกล้ระดับเดียวกัน


2. ทำไมราคาฟิวเจอร์สและสปอตต้องมาบรรจบกันเมื่อหมดอายุสัญญา?

เพราะกติกาการชำระราคาและกลไกตลาดกำหนดให้ราคาฟิวเจอร์สสะท้อนราคาจริงของสินทรัพย์อ้างอิงในวันหมดอายุ หากราคาทั้งสองห่างกันมาก เทรดเดอร์จะเข้ามาซื้อสินทรัพย์ที่ถูกกว่าและขายสินทรัพย์ที่แพงกว่า จนช่องว่างปิดลงโดยอัตโนมัติ


3. Convergence ในแต่ละตลาดอาจแตกต่างกันหรือไม่?

แตกต่างกัน โดยตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ (เช่น น้ำมัน โลหะ ธัญพืช) ขึ้นอยู่กับต้นทุนเก็บรักษา ดอกเบี้ย และสภาพอุปทาน ส่วนฟิวเจอร์สทางการเงินมัก Converge ได้ราบรื่นกว่า เพราะไม่ต้องพึ่งพาการเก็บรักษาของจริง แต่ละตลาดมี “จังหวะ” ของตัวเอง


4. Convergence มักเป็นเส้นทางตรงเสมอหรือไม่?

ไม่เสมอไป ราคาสามารถแกว่งขึ้นลงตามข่าว ข้อมูลใหม่ สภาพคล่อง หรือแรงซื้อขายระยะสั้น แม้ทิศทางหลักจะมุ่งสู่ราคาสปอต แต่เส้นทางอาจไม่เรียบสม่ำเสมอ


5. ทำไม Convergence ถึงสำคัญสำหรับเทรดเดอร์?

เพราะมันกำหนดกำไร–ขาดทุนที่คาดหวัง และความเสี่ยง ของกลยุทธ์สเปรดและการเทรดฟิวเจอร์ส เมื่อเทรดเดอร์เข้าใจพฤติกรรมปกติของช่องว่างราคา ก็สามารถประเมินได้ว่าตลาดตอนนี้มีเสถียรภาพ  ถูกดึงออกจากรูปแบบปกติ หรืออาจมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น


สรุป

Convergence คือการที่ราคาฟิวเจอร์สและราคาสปอตค่อย ๆ เคลื่อนเข้าหากัน เมื่อสัญญาใกล้หมดอายุ ซึ่งช่วยให้เทรดเดอร์ประเมินจุดเข้า จุดออก และความเสี่ยงได้ดีขึ้น เพราะช่องว่างของราคามักเคลื่อนตัวตามรูปแบบที่คุ้นเคย


เมื่อใช้อย่างระมัดระวัง Convergence จะช่วยให้เทรดเดอร์มีความคาดหวังที่ชัดเจนขึ้น แต่ถ้าละเลย อาจซ่อนความเสี่ยงไว้ในสเปรดโดยที่ไม่รู้ตัว


ข้อสงวนสิทธิ์: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนา (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ได้เป็นคำแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ