เผยแพร่เมื่อ: 2025-12-11
อัปเดตเมื่อ: 2025-12-12
ดอกเบี้ยค้างรับ (Accrued interest) คือจำนวนดอกเบี้ยที่สะสมขึ้นทุกวันบนพันธบัตร เงินกู้ หรือสินทรัพย์ที่ให้ดอกเบี้ยอื่น ๆ แม้ว่าจะยังไม่มีการจ่ายดอกเบี้ยเกิดขึ้นก็ตาม มันแสดงถึงดอกเบี้ยที่ผู้ให้กู้ได้รับหรือผู้กู้เป็นหนี้ในช่วงเวลาระหว่างรอบการชำระดอกเบี้ยตามกำหนด
ดอกเบี้ยค้างรับมีความสำคัญสำหรับนักเทรดเพราะมันเปลี่ยนมูลค่ารวมของพันธบัตรหรือสถานะการลงทุน เมื่อคุณซื้อหรือขายพันธบัตร ราคาที่เห็นจะมีส่วนหนึ่งที่สะท้อน "ดอกเบี้ยที่ได้สะสมไว้แต่ยังไม่ได้จ่าย" รวมอยู่ด้วย
ในการเทรด ดอกเบี้ยค้างรับ (Accrued interest) คือดอกเบี้ยที่สะสมมาตั้งแต่วันที่จ่ายคูปองครั้งล่าสุดของพันธบัตร หรือสะสมตั้งแต่รอบการชำระครั้งก่อนของเงินกู้หรือผลิตภัณฑ์มาร์จิ้นอื่น ๆ เมื่อเทรดเดอร์ซื้อพันธบัตรกลางรอบการจ่ายคูปอง ผู้ซื้อจำเป็นต้องจ่ายดอกเบี้ยที่ผู้ขายได้สะสมไว้จนถึงตอนนั้นให้กับผู้ขายด้วย

วิธีนี้ทำให้ระบบมีความยุติธรรม เพราะผู้ซื้อจะเป็นคนที่ได้รับคูปองเต็มจำนวนในรอบการจ่ายครั้งถัดไป
ดอกเบี้ยค้างรับจะปรากฏใน trade ticket, bond quote และ clearing statement เทรดเดอร์พันธบัตร ตราสารหนี้ (fixed-income desks) และผู้ที่เทรดผลิตภัณฑ์ที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยล้วนต้องติดตามตัวเลขนี้อย่างใกล้ชิด เพราะมันส่งผลต่อจำนวนเงินสดที่ต้องใช้ในการชำระราคา (settlement) และยังอาจเปลี่ยนต้นทุนที่แท้จริงของการเปิดหรือปิดสถานะอีกด้วย
ในตลาดส่วนใหญ่ใช้สูตรดอกเบี้ยแบบง่าย:
ดอกเบี้ยค้างรับ = (มูลค่าตราไว้ × อัตราคูปอง × จำนวนวันที่ผ่านตั้งแต่รอบจ่ายล่าสุด) / จำนวนวันทั้งหมดในรอบคูปอง
วิธีการนับจำนวนวัน (Day Count Method) เช่น 30/360, Actual/365, Actual/Actual จะขึ้นอยู่กับประเภทพันธบัตรและประเทศที่ออกตราสารนั้น
จำนวนวันที่ผ่านตั้งแต่การจ่ายครั้งล่าสุด ยิ่งผ่านไปหลายวัน ดอกเบี้ยค้างรับยิ่งเพิ่มขึ้น หลังจากมีการจ่ายคูปอง ดอกเบี้ยค้างรับจะถูกรีเซ็ตกลับเป็นศูนย์
อัตราดอกเบี้ยหน้าคูปอง อัตราคูปองยิ่งสูง ดอกเบี้ยก็จะสะสมเร็วขึ้น
วิธีนับวัน ตลาดแต่ละแห่งใช้กฎการนับวันต่างกัน ซึ่งทำให้ผลการคำนวณต่างกันเล็กน้อย
วันที่ชำระราคา ยิ่งใกล้ถึงวันจ่ายคูปอง ดอกเบี้ยค้างรับในราคาพันธบัตรยิ่งมากขึ้น
การเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยในตลาด อัตราดอกเบี้ยตลาดไม่ได้กระทบการคำนวณดอกเบี้ยค้างรับโดยตรง แต่ส่งผลต่อ clean price ของพันธบัตร ขณะที่ดอกเบี้ยค้างรับยังคงเพิ่มขึ้นทุกวันตามอัตราคูปอง

ดอกเบี้ยค้างรับจะเปลี่ยนจำนวนเงินสดที่เคลื่อนจริงเมื่อคุณซื้อหรือขายพันธบัตร ราคาพันธบัตรที่แสดงบนหน้าจอมักเป็น ราคาแบบ Clean Price ซึ่งไม่รวมดอกเบี้ยค้างรับ แต่จำนวนเงินที่คุณต้องชำระจริงตอน Settlement คือ Dirty Price ซึ่งรวมดอกเบี้ยค้างรับอยู่ด้วย
สิ่งนี้ทำให้นักเทรดมือใหม่หลายคนประหลาดใจ เพราะเห็นราคาอย่างหนึ่ง แต่ยอดชำระจริงสูงกว่า
เมื่อคุณขายพันธบัตรก่อนถึงวันจ่ายคูปอง ดอกเบี้ยค้างรับจะเพิ่มจำนวนเงินที่คุณได้รับจากการขาย เพราะคุณได้รับดอกเบี้ยตามจำนวนวันที่ถือครอง ซึ่งช่วยชดเชยมูลค่าตลาดที่อาจเปลี่ยนแปลงได้
ดอกเบี้ยค้างรับมีผลต่อขนาดสถานะ (Position Size) หากคุณมีเงินทุนจำกัด คุณต้องรู้ว่าดอกเบี้ยค้างรับทำให้ต้นทุนจริงเพิ่มขึ้นเท่าไหร่ มิฉะนั้นอาจเปิดสถานะใหญ่เกินกว่าที่ตั้งใจไว้โดยไม่รู้ตัว
คุณรู้วันจ่ายคูปองและจำนวนดอกเบี้ยที่สะสมแล้ว
คุณเข้าใจความต่างระหว่าง Clean Price และ Dirty Price
แพลตฟอร์มที่ใช้แสดงวิธีนับวัน (Day Count Method) ชัดเจน
ซื้อขายโดยไม่ตรวจสอบดอกเบี้ยค้างรับ
เข้าใจผิดเกี่ยวกับจำนวนเงินสำหรับ Settlement
สับสนระหว่างการเปลี่ยนแปลงของราคาในตลาดกับการเพิ่มขึ้นของดอกเบี้ยค้างรับ
สมมติว่าพันธบัตรมีมูลค่าตราไว้ 1,000 และมีอัตราคูปอง 6% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยปีละ 2 ครั้ง ดังนั้นแต่ละรอบจะจ่ายคูปอง 30 หากผ่านไปแล้ว 45 วันจากรอบจ่ายล่าสุด และในรอบคูปองนั้นมีทั้งหมด 180 วัน ดอกเบี้ยค้างรับจะเท่ากับ:

หากคุณซื้อพันธบัตรวันนี้ คุณจะต้องจ่าย clean price + 15 โดยเงิน 15 นี้เป็นดอกเบี้ยที่ผู้ขายได้สะสมไว้จากการถือพันธบัตรเป็นเวลา 45 วัน จึงต้องจ่ายคืนให้ผู้ขาย
เมื่อถึงรอบจ่ายคูปองครั้งถัดไป คุณจะได้รับคูปองเต็มจำนวน 30 แม้ว่าคุณจะถือพันธบัตรเพียงบางส่วนของช่วงเวลาก็ตาม เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย
ดูอัตราคูปองของพันธบัตรและวันที่จ่ายคูปองครั้งถัดไป
ตรวจสอบช่อง “ดอกเบี้ยค้างรับ” บนแพลตฟอร์มเทรดหรือหน้า Settlement Preview
ยืนยันวิธีนับวัน (Day Count Method) ที่ใช้ในการคำนวณ
ตรวจสอบว่าราคาที่เห็นบนหน้าจอเป็น Clean Price หรือ Dirty Price
เปรียบเทียบจำนวนเงินที่ต้องชำระตอน Settlement กับเงินทุนที่คุณมี
ตรวจสอบดอกเบี้ยค้างรับอีกครั้งเมื่อคุณถือพันธบัตรนานหลายสัปดาห์
มองข้ามความต่างระหว่าง Clean Price และ Dirty Price ทำให้ประเมินต้นทุนผิดพลาด
การไม่ทราบวิธีการนับวัน ส่งผลให้เกิดข้อผิดพลาดเล็กแต่สำคัญในการคำนวณ
ซื้อก่อนวันจ่ายคูปองโดยไม่วางแผน ทำให้ต้องใช้เงินสดมากกว่าที่คาดไว้
ขายหลังวันจ่ายคูปองโดยไม่รู้ว่าดอกเบี้ยค้างรับรีเซ็ตเป็นศูนย์ ส่งผลให้ยอดเงินที่ได้รับเปลี่ยนไป
สับสนระหว่างอัตราคูปองกับอัตราผลตอบแทนตลาด (Market Yield) เพราะมีแค่อัตราคูปองเท่านั้นที่กำหนดจำนวนดอกเบี้ยค้างรับ
อัตราดอกเบี้ยหน้าคูปอง:อัตราดอกเบี้ยคงที่ของพันธบัตร ซึ่งกำหนดความเร็วในการสะสมดอกเบี้ยค้างรับ
Clean price: ราคาตลาดของพันธบัตรที่ไม่รวมดอกเบี้ยค้างรับ
Dirty price: ราคาชำระจริง (Settlement Price) ที่รวมดอกเบี้ยค้างรับแล้ว
ผลตอบแทนจากพันธบัตร: อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรตามราคาตลาด ซึ่งแตกต่างจากอัตราคูปอง
ดอกเบี้ยค้างรับคือดอกเบี้ยที่สะสมขึ้นทุกวันบนพันธบัตรหรือเงินกู้ก่อนถึงวันจ่ายดอกเบี้ยครั้งถัดไป ดอกเบี้ยนี้เป็นของผู้ที่ถือสินทรัพย์ในช่วงเวลานั้น สำหรับเทรดเดอร์ ดอกเบี้ยค้างรับสำคัญเพราะมันมีผลต่อยอดชำระจริง (Settlement Price) ซึ่งสามารถเปลี่ยนจำนวนเงินสดที่ต้องใช้ในการเทรดได้
การคำนวณคือ: มูลค่าตราไว้ × อัตราคูปอง × สัดส่วนของรอบคูปองที่ผ่านไปแล้ว โดยแต่ละตลาดใช้กฎการนับวันต่างกัน เช่น 30/360, Actual/Actual ซึ่งทำให้จำนวนวันในสูตรเปลี่ยนไป เทรดเดอร์จึงต้องตรวจสอบกับแพลตฟอร์มหรือสัญญาว่าใช้วิธีใด
ราคาที่เห็นบนหน้าจอเป็น Clean Price แต่การชำระเงินจริงเป็น Dirty Price ซึ่งรวมดอกเบี้ยค้างรับด้วย เมื่อซื้อ คุณต้องจ่ายคืนผู้ขายสำหรับดอกเบี้ยที่เขาถือสะสมไว้ เมื่อขาย คุณจะได้รับทั้งราคาตลาดและดอกเบี้ยที่คุณสะสมมาตั้งแต่การจ่ายครั้งล่าสุด
ดอกเบี้ยค้างรับคือดอกเบี้ยที่สะสมทุกวันระหว่างรอบการจ่ายดอกเบี้ย เทรดเดอร์ต้องติดตามตัวเลขนี้เพราะมันเปลี่ยนต้นทุนจริงหรือรายได้จริงจากการซื้อขายพันธบัตรทุกครั้ง เมื่อเข้าใจและใช้ข้อมูลนี้อย่างถูกต้อง คุณจะเห็นมูลค่าที่แท้จริงของสถานะการลงทุน
แต่ถ้าละเลย อาจนำไปสู่การวางแผนผิดพลาดและยอดชำระที่มากกว่าที่คาดไว้
ข้อสงวนสิทธิ์: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนา (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ได้เป็นคำแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ