Chaikin Volatility คืออะไร?
简体中文 繁體中文 English 한국어 日本語 Español Bahasa Indonesia Tiếng Việt Português Монгол العربية हिन्दी Русский ئۇيغۇر تىلى

Chaikin Volatility คืออะไร?

ผู้เขียน: Charon N.

เผยแพร่เมื่อ: 2025-12-11

Chaikin Volatility คืออินดิเคเตอร์ด้านความผันผวนที่ใช้วัดความเร็วในการเปลี่ยนแปลงของช่วงราคาซื้อขายของตลาดในแต่ละช่วงเวลา


อินดิเคเตอร์นี้จะดู “ระยะห่างระหว่างราคาสูงสุดและราคาต่ำสุด” ของแต่ละแท่ง แล้วนำข้อมูลนั้นไปคำนวณผ่านค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบเอ็กซ์โปเนนเชียล (EMA) ก่อนจะวัดว่า EMA ของช่วงราคานั้นเปลี่ยนแปลงเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ในจำนวนแท่งเวลาหนึ่ง ๆ (มักใช้ 10 ช่วง)


พูดง่าย ๆ คือมันบอกคุณว่าแท่งราคากำลัง “ยืดออก” หรือ “สงบลง” เมื่อความผันผวนเปลี่ยนแปลงเร็ว มักเป็นสัญญาณนำของการเกิดแนวโน้มแรง การกลับตัวฉับพลัน หรือแม้แต่จังหวะที่ราคาพุ่งชนจุดตัดขาดทุน การรู้ว่าความผันผวนกำลังขยายตัวหรือหดตัว จึงช่วยให้เทรดเดอร์เลือกจุดเข้า วางจุดตัดขาดทุน และปรับขนาดการเทรดได้แม่นยำขึ้น


คำนิยาม

ในการเทรด Chaikin Volatility คืออินดิเคเตอร์ที่ติดตามการเปลี่ยนแปลงของช่วงราคาซื้อขาย ซึ่งก็คือระยะห่างระหว่างราคาสูงสุดและราคาต่ำสุดของแต่ละช่วงเวลา อินดิเคเตอร์นี้จะเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยของช่วงราคาในปัจจุบันกับช่วงราคาหลายแท่งก่อนหน้า


สิ่งนี้ช่วยให้เทรดเดอร์เห็นได้ว่าตลาดกำลังก้าวเข้าสู่ช่วงที่ผันผวนมากขึ้น (แกว่งตัวกว้างขึ้น) หรือสงบมากขึ้น (ช่วงราคาแคบลง)

Chaikin Volatility คืออะไร?

คุณจะพบอินดิเคเตอร์นี้ในแพลตฟอร์มเทรดส่วนใหญ่ ภายใต้หมวดเครื่องมือความผันผวน (Volatility) หรือเครื่องมือประเภทออสซิลเลเตอร์ (Oscillator) โดยทั่วไปจะปรากฏในรูปเส้นกราฟที่เคลื่อนตัวเหนือหรือใต้เส้นศูนย์ หรืออาจแสดงเป็นค่าเปอร์เซ็นต์ก็ได้ เทรดเดอร์ระยะสั้น เช่น เทรดเดอร์รายวันและเทรดเดอร์สวิงเทรดมักใช้บ่อย เพราะการเปลี่ยนแปลงของช่วงราคาสามารถบอกอารมณ์ตลาดและสัญญาณเปลี่ยนทิศได้เร็ว


สูตรคำนวณ Chaikin Volatility

Chaikin Volatility ใช้ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบเอ็กซ์โปเนนเชียล (EMA) ของค่าช่วงราคา สูงสุด − ต่ำสุด (High − Low)


สูตร Chaikin Volatility:

  • EMAN(H−L)N ช่วงที่ผ่านมา / EMAN(H−L)−EMAN(H−L)N ช่วงที่ผ่านมา×100


  1. คำนวณ EMA ของค่า High − Low ในช่วงเวลา N

  2. นำไปเปรียบเทียบกับ EMA ของช่วงราคาเดียวกันแต่ย้อนกลับไป N ช่วงเวลา


ผลลัพธ์ที่ได้คือ เปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงของช่วงราคาซื้อขาย


ปัจจัยใดบ้างที่ส่งผลต่อ Chaikin Volatility ในแต่ละวัน

ปัจจัยที่ทำให้อินดิเคเตอร์เคลื่อนไหว

อินดิเคเตอร์นี้จะเพิ่มขึ้นเมื่อช่วงราคาแกว่งแรงขึ้น และจะลดลงเมื่อความผันผวนเริ่มนิ่ง ปัจจัยสำคัญได้แก่:


  • ข่าวเศรษฐกิจสำคัญ เมื่อตัวเลขสำคัญหรือการตัดสินใจของธนาคารกลางถูกประกาศ ช่วงราคามักขยายตัว ทำให้ค่า Chaikin Volatility เพิ่มขึ้น

  • การเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ความเสี่ยง เมื่อตลาดเปลี่ยนจากสงบเป็นกังวล ราคามักทำจุดสูง–ต่ำแบบรวดเร็ว อินดิเคเตอร์จึงมักพุ่งขึ้น

  • ช่วงที่มีกิจกรรมน้อย เช่น วันหยุดหรือช่วงตลาดเงียบ ช่วงราคาจะหดแคบลง ทำให้ค่าอินดิเคเตอร์ลดลง

  • สถานการณ์เตรียมเกิด Breakout เมื่อราคาใกล้แนวรับ–แนวต้านสำคัญ ช่วงราคาเริ่มขยายเล็กน้อย อินดิเคเตอร์มักขยับสูงขึ้นตาม


Chaikin Volatility ส่งผลต่อการเทรดของคุณอย่างไร?

ค่า Chaikin Volatility ส่งผลทั้งต่อจังหวะเข้าออกและต้นทุนการเทรด เมื่อค่าอินดิเคเตอร์สูง ราคามักแกว่งแรงขึ้น ทำให้การเข้าออเดอร์ในราคาที่ต้องการทำได้ยากขึ้น 


จุดออกอาจเกิดขึ้นได้เร็วขึ้น ทั้งในแง่ของกำไรและขาดทุน ช่วงราคาที่กว้างขึ้นอาจเพิ่มความคลาดเคลื่อนและอาจทำให้สเปรดกว้างขึ้นในช่วงที่มีข่าวสำคัญ


เมื่อค่าอินดิเคเตอร์ต่ำ ราคามักเคลื่อนตัวช้าและนิ่งขึ้น ทำให้การเข้า–ออกออเดอร์ควบคุมได้ง่ายกว่า แต่ตลาดอาจไม่ขยับพอที่จะถึงเป้าหมายเร็ว เทรดเดอร์มักต้องปรับระยะ Stop และความคาดหวังให้เหมาะกับระดับกิจกรรมของตลาด


สถานการณ์ที่ดีและไม่ดี

สัญญาณที่ดี

  • ความผันผวนเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนใกล้ระดับที่ราคาเตรียม Breakout

  • ความผันผวนต่ำแต่คงที่ระหว่างเทรนด์ที่เดินอย่างสงบและต่อเนื่อง


สัญญาณที่ไม่ดี

  • ความผันผวนพุ่งขึ้นกะทันหันโดยไม่มีเทรนด์ชัดเจน

  • ความผันผวนลดลงแรงภายในตลาดที่แกว่งไร้ทิศทาง (choppy range)


ตัวอย่าง

สมมติว่า EURUSD มีช่วงราคาเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 40 pips ตลอด 10 วันที่ผ่านมา หนึ่งสัปดาห์ต่อมา ช่วงราคาเฉลี่ยต่อวันเพิ่มขึ้นเป็น 60 pips โปรแกรม Chaikin Volatility จะนำค่าเฉลี่ยเหล่านี้มาเปรียบเทียบกัน การเพิ่มจาก 40 เป็น 60 pips เท่ากับการเพิ่มขึ้น 50%

ตัวอย่างของ Chaikin Volatility

เทรดเดอร์ที่เปิดสถานะระยะสั้นเห็นว่าความผันผวนเพิ่มขึ้น ก็จะเข้าใจว่าราคามีโอกาสแกว่งแรงกว่าเดิม Stop ที่เคยเว้นไว้ 20 pips อาจกลายเป็นว่าคับเกินไปในสภาวะนี้ เป้ากำไรอาจโดนเร็วขึ้น แต่ความเสี่ยงก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน


ถ้าอินดิเคเตอร์ลดลงจาก 40 เหลือ 20 pips จะบ่งบอกว่าตลาดสงบลง การเคลื่อนไหวอาจต้องใช้เวลานานกว่าเดิมกว่าจะถึงเป้าหมาย


วิธีตรวจสอบ Chaikin Volatility ก่อนกดซื้อหรือขาย

  • ดูเส้นอินดิเคเตอร์บนกราฟ แล้วเปรียบเทียบกับค่าของช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา

  • สังเกตว่าเส้นกำลัง “เพิ่มขึ้น”, “ลดลง” หรือ “ทรงตัว”

  • ตรวจว่าราคาอยู่ใกล้แนวรับหรือแนวต้านสำคัญหรือไม่

  • เช็กว่ามีข่าวสำคัญกำลังจะประกาศหรือไม่ เพราะอาจทำให้ช่วงราคากว้างขึ้น

  • เปรียบเทียบอินดิเคเตอร์กับขนาดแท่งเทียนล่าสุด หากแท่งเทียนเริ่มใหญ่ขึ้น แสดงว่าความผันผวนกำลังเพิ่มขึ้น


เคล็ดลับ: ตรวจสอบก่อนทุกการตั้งค่าใหม่ และเช็กอย่างน้อยหนึ่งครั้งต่อรอบการเทรดในช่วงตลาดคึกคัก


ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยเมื่อใช้ Chaikin Volatility

  • ใช้เป็นสัญญาณซื้อหรือขาย เนื่องจากอินดิเคเตอร์นี้วัด "ความผันผวน" ไม่ได้บอกทิศทาง ใช้เดี่ยว ๆ อาจทำให้ตีความผิด

  • การมองข้ามแนวโน้มของตลาด ความผันผวนสูงในเทรนด์อาจช่วยเสริมโมเมนตัม แต่ความผันผวนสูงในตลาด Sideway มักเป็น “สัญญาณรบกวน”

  • ไม่ปรับระยะ Stop Loss ช่วงความผันผวนสูง Stops ที่แคบเกินไปมักโดนตัดง่าย

  • การอ่านข้อมูลในกรอบเวลาที่สั้นเกินไป กรอบเวลาที่แคบมากอาจทำให้เกิดสัญญาณที่ผิดพลาดได้

  • ลืมเรื่องจังหวะเวลาในการเผยแพร่ข่าวไป หลายครั้งที่ความผันผวนพุ่งแรงเกิดจากข่าว ไม่ใช่การเปลี่ยนเทรนด์จริง


คำศัพท์ที่เกี่ยวข้อง

  • Bollinger Bands: แถบที่ขยายและหดตัวตามระดับความผันผวน

  • ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน: แนวคิดพื้นฐานของเครื่องมือวัดความผันผวนหลายประเภท

  • Slippage: มีโอกาสเพิ่มขึ้นเมื่อความผันผวนสูง

  • Spread: โบรกเกอร์อาจขยายสเปรดเมื่อความผันผวนเพิ่มขึ้น


คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

1. Chaikin Volatility วัดอะไร ?

Chaikin Volatility วัดการขยายหรือการหดตัวของช่วงราคาสูง–ต่ำของแท่งราคาล่าสุด เมื่อช่วงราคากว้างขึ้น ค่าอินดิเคเตอร์จะเพิ่ม แสดงถึงกิจกรรมตลาดที่คึกคักขึ้น เมื่อช่วงราคาหดแคบ ค่าอินดิเคเตอร์จะลดลง บ่งบอกสภาวะตลาดที่สงบกว่าเดิม


2. ผู้เริ่มต้นควรอ่าน Chaikin Volatility อย่างไร?

สำหรับมือใหม่ ให้มองมันเป็น “มาตรวัดพลังงานของตลาด”

  • ความผันผวนเพิ่มขึ้น = ตลาดเริ่มคึกคัก ราคาแกว่งแรงขึ้น

  • ความผันผวนลดลง = การเคลื่อนไหวช้าลง

สิ่งสำคัญคือดู “ทิศทางรวม” ของเส้น ไม่ใช่แกว่งเล็ก ๆ รายแท่ง


3. ค่าตั้งต้นที่นิยมใช้สำหรับ Chaikin Volatility คืออะไร?

แพลตฟอร์มส่วนใหญ่ใช้ EMA 10 ช่วงเวลา ของค่า High–Low และเปรียบเทียบกับค่าจาก 10 ช่วงเวลาก่อนหน้า เซตนี้ตอบสนองเร็วพอสำหรับกราฟระยะสั้นและลดสัญญาณรบกวนได้ดี หากตลาดผันผวนมาก การเพิ่มจำนวนช่วงเวลาอาจให้สัญญาณที่เรียบขึ้น


4. การพุ่งขึ้นของ Chaikin Volatility บอกสัญญาณ Breakout หรือไม่?

ไม่เสมอไป การพุ่งขึ้นแค่บอกว่าช่วงราคากำลังขยายตัวเท่านั้น Breakout จริงต้องมีโครงสร้าง เช่น ราคาทะลุระดับสำคัญ เทรนด์ชัดเจน หรือโมเมนตัมต่อเนื่อง ความผันผวนสูงแต่ไร้ทิศทางอาจมาจากข่าวหรือความไม่แน่นอนของตลาด


5. ทำไมบางครั้ง Chaikin Volatility พุ่งขึ้นเร็วมาก?

เพราะอินดิเคเตอร์ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของขนาดแท่งเทียนอย่างรวดเร็ว ข่าวสำคัญ การเปิดตลาด หรือการเคลื่อนตัวเร็ว ๆ เพียง 1–2 แท่งสามารถทำให้ช่วงราคากว้างขึ้นทันที ส่งผลให้ค่าอินดิเคเตอร์พุ่งขึ้นแม้จะไม่มีเทรนด์ตามมา


6. Chaikin Volatility สามารถช่วยควบคุมความเสี่ยงได้หรือไม่?

ได้

  • ค่าอินดิเคเตอร์สูง = ราคาขยับเร็ว อาจต้องให้ Stop Loss กว้างขึ้น

  • ค่าต่ำ = ตลาดสงบ ใช้ Stop ที่แคบลงและคุมจังหวะเข้าออกได้ง่ายขึ้น

มันช่วยให้คุณประเมินว่าตลาดกำลัง “นิ่ง” หรือ “ร้อนแรง” แค่ไหน


7. Chaikin Volatility เหมาะกับไทม์เฟรมแบบไหนที่สุด?

หลายเทรดเดอร์นิยมใช้กับ กราฟ 1 ชั่วโมง, 4 ชั่วโมง และกราฟรายวัน เพราะสัญญาณรบกวนน้อยกว่า บนไทม์เฟรมสั้นมาก สัญญาณอาจแกว่งถี่จนตีความยาก วิธีที่ดีที่สุดคือทดสอบว่าไทม์เฟรมใดให้การเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนและมีประโยชน์


สรุป

Chaikin Volatility คืออินดิเคเตอร์วัดความผันผวนที่ดูว่าช่วงราคาสูง–ต่ำกำลังเปลี่ยนเร็วแค่ไหน มันไม่ได้ทำนายทิศทาง แต่บอกได้ว่าตลาดกำลัง “ตื่นตัว” หรือ “สงบลง” เมื่อใช้ร่วมกับ Price Action เครื่องมือวัดแนวโน้ม และแผนบริหารความเสี่ยงที่ดี มันช่วยจับโอกาส Breakout หลีกเลี่ยงช่วงตลาดวุ่นวาย และเลือกขนาดไม้ที่เหมาะสมได้ดีขึ้น


แต่หากใช้เพียงอย่างเดียว หรือมองข้ามข่าวสำคัญ ก็อาจทำให้สับสนได้ แก่นของอินดิเคเตอร์นี้มีเพียงอย่างเดียว คือ มันบอกคุณว่าพลังการเคลื่อนไหวของตลาดกำลังเพิ่มหรือลดลงแค่ไหน


ข้อสงวนสิทธิ์: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนา (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ได้เป็นคำแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ