CCI (Commodity Channel Index) คืออะไร?
简体中文 繁體中文 English 한국어 日本語 Español Bahasa Indonesia Tiếng Việt Português Монгол العربية हिन्दी Русский ئۇيغۇر تىلى

CCI (Commodity Channel Index) คืออะไร?

ผู้เขียน: Charon N.

เผยแพร่เมื่อ: 2025-12-12

ดัชนี Commodity Channel Index หรือ CCI เป็นอินดิเคเตอร์ทางเทคนิคที่ใช้บอกว่า ราคาตลาดเคลื่อนไหวสูงหรือต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในช่วงที่ผ่านมา “มากผิดปกติ” หรือไม่


CCI ช่วยให้เทรดเดอร์มองเห็นได้ว่า ราคากำลังร้อนแรงเกินไปหรือเริ่มชะลอตัว อินดิเคเตอร์นี้มีความสำคัญเพราะช่วยให้สัญญาณเบื้องต้นเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของโมเมนตัม ทำให้เทรดเดอร์ประเมินได้ว่า แนวโน้มมีโอกาสไปต่อหรืออาจเริ่มอ่อนแรงลง


เมื่อใช้งานร่วมกับกฎและเงื่อนไขที่ชัดเจน CCI จะช่วยกรองสัญญาณรบกวน วางจังหวะการเข้าเทรดได้ดีขึ้น และลดการตัดสินใจที่เกิดจากอารมณ์


คำนิยาม

CCI เป็นออสซิลเลเตอร์วัดโมเมนตัมที่ใช้เปรียบเทียบราคาปัจจุบันกับราคาเฉลี่ยในช่วงเวลาที่กำหนด ซึ่งมักตั้งค่าไว้ที่ 14 ช่วงเวลา จากนั้นจะแปลงความแตกต่างนี้ออกมาเป็นตัวเลข ค่า CCI ที่อยู่เหนือระดับศูนย์ แสดงว่าราคาอยู่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของช่วงที่ผ่านมา ส่วนค่า CCI ที่ต่ำกว่าศูนย์ แสดงว่าราคาอยู่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย


เทรดเดอร์จำนวนมากให้ความสำคัญกับระดับประมาณ +100 และ -100 เนื่องจากระดับเหล่านี้มักบ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนของแรงซื้อหรือแรงขาย

CCI คืออะไร? คุณจะพบอินดิเคเตอร์ CCI ได้ในแพลตฟอร์มกราฟส่วนใหญ่ โดยจะแสดงเป็นหน้าต่างแยกอยู่ด้านล่างของกราฟราคา เทรดเดอร์สายอินทราเดย์ สวิงเทรด และสายตามเทรนด์ มักใช้ CCI เพื่อยืนยันความแข็งแกร่งหรือความอ่อนแรงของตลาด


เทรดเดอร์จำนวนมากนิยมใช้ CCI ควบคู่กับเครื่องมือ Price Action เช่น แนวรับ แนวต้าน หรือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ โดย CCI จะให้ประโยชน์มากที่สุดในตลาดที่มีแนวโน้มชัดเจน แต่ก็สามารถช่วยชี้ให้เห็นสัญญาณของแรงหมดใกล้ขอบเขตของตลาดแบบไซด์เวย์ได้เช่นกัน


อะไรที่ทำให้ค่า CCI เปลี่ยนแปลงในแต่ละวัน: ปัจจัยที่ดันค่า CCI ขึ้นหรือลง

การเคลื่อนไหวของค่า CCI เกิดจากเหตุผลพื้นฐานที่เชื่อมโยงโดยตรงกับพฤติกรรมของราคา

การเคลื่อนไหวของราคาในทิศทางที่ชัดเจน

  • เมื่อราคาปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง ค่า CCI จะปรับสูงขึ้น เพราะราคาตลาดอยู่เหนือค่าเฉลี่ยในช่วงที่ผ่านมาอย่างมาก ในทางกลับกัน เมื่อราคาปรับตัวลงแรง ค่า CCI ก็จะลดลงด้วยเหตุผลเดียวกัน


ความเร็วของการเคลื่อนไหว

  • แท่งเทียนที่เคลื่อนไหวเร็วและแรง จะทำให้ค่า CCI ปรับขึ้นหรือลงได้มากกว่าแท่งเทียนที่เคลื่อนไหวช้า เมื่อความเร็วของตลาดเพิ่มขึ้น ค่า CCI จะเหวี่ยงตัวแรงขึ้นตามไปด้วย


การเปลี่ยนแปลงของราคาเฉลี่ยในช่วงล่าสุด

  • หากราคาเฉลี่ยปรับตัวสูงขึ้น จะต้องใช้แรงซื้อที่มากกว่าเดิมเพื่อดันค่า CCI ให้สูงขึ้น แต่ถ้าราคาเฉลี่ยปรับตัวลดลง แรงขายเพียงเล็กน้อยก็สามารถกดค่า CCI ให้ลดลงได้ง่ายขึ้น


เมื่อราคาเริ่มทรงตัวหรือเคลื่อนไหวในลักษณะไซด์เวย์ ค่า CCI มักจะค่อย ๆ เคลื่อนกลับเข้าใกล้ระดับศูนย์ เนื่องจากราคายังคงอยู่ใกล้กับค่าเฉลี่ยของช่วงเวลาเดียวกัน


CCI ส่งผลต่อการเทรดอย่างไร: การใช้สัญญาณเพื่อจับจังหวะเข้า–ออก

CCI มีผลต่อจุดเข้าและจุดออกในการเทรด เพราะช่วยบอกได้ว่า การเคลื่อนไหวของราคานั้นมีแรงหนุนอยู่เบื้องหลังหรือไม่ เมื่อค่า CCI ตัดขึ้นเหนือระดับ +100 มักใช้เป็นการยืนยันแรงซื้อที่แข็งแกร่ง เทรดเดอร์บางรายจะเลือกเปิดสถานะซื้อก็ต่อเมื่อสัญญาณนี้สอดคล้องกับแนวโน้มหลักของตลาด

CCI มีผลต่อการเทรดอย่างไร เมื่อค่า CCI อ่อนตัวลงและหลุดกลับมาต่ำกว่า +100 เทรดเดอร์อาจมองว่าเป็นสัญญาณเตือนว่าแรงซื้อเริ่มลดลง หลักการเดียวกันนี้ใช้ได้กับฝั่งขาลง เมื่อค่า CCI หลุดต่ำกว่า -100 ในตลาดขาลง


นอกจากนี้ CCI ยังมีบทบาทในการบริหารความเสี่ยงอีกด้วย หากอินดิเคเตอร์แกว่งตัวเร็วและรุนแรงเกินไป มักหมายถึงตลาดมีความผันผวนสูง ซึ่งอาจทำให้สเปรดกว้างขึ้นและเกิดสลิปเพจมากขึ้น เทรดเดอร์ที่สังเกตค่า CCI จะสามารถหลีกเลี่ยงการเข้าเทรดในจุดที่ราคายืดตัวเกินไปและตลาดดูไม่เสถียรได้


สัญญาณง่ายๆ ที่ควรจำ:

สถานการณ์ดี: 

  • ค่า CCI สอดคล้องกับแนวโน้มของตลาด

  • การเคลื่อนไหวของค่า CCI เป็นไปอย่างราบรื่น

  • สัญญาณไม่ถี่หรือซ้อนกันมากเกินไป


สถานการณ์แย่: 

  • ค่า CCI แกว่งไปมารอบระดับศูนย์อย่างรวดเร็ว 

  • เกิดสัญญาณหลอกบ่อยครั้ง

  • ค่า CCI พุ่งออกนอกช่วงปกติมากเกินไป โดยเฉพาะช่วงที่มีข่าวสำคัญ


ตัวอย่าง

สมมติว่าคู่เงินคู่หนึ่งซื้อขายอยู่แถวระดับ 1.1000 และค่าเฉลี่ย 14 ช่วงเวลาอยู่ที่ 1.0995 จากนั้นราคาพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วไปที่ 1.1020 การเคลื่อนไหวนี้ถือว่าอยู่เหนือค่าเฉลี่ยอย่างชัดเจน ทำให้ค่า CCI มีโอกาสปรับขึ้นเหนือระดับ +100 เทรดเดอร์ตามแนวโน้ม (Trend Trader) จะมองว่านี่เป็นการยืนยันแรงซื้อ และเลือกเปิดสถานะซื้อด้วยขนาดที่ไม่ใหญ่


ต่อมาราคาเริ่มพักตัวและเคลื่อนไหวอยู่แถว 1.1012

ตัวอย่างการใช้ CCI

เนื่องจากระดับราคานี้อยู่ใกล้ค่าเฉลี่ยมากขึ้น ค่า CCI จึงค่อย ๆ ปรับลดลงมาแถวประมาณ +60 ในจุดนี้ เทรดเดอร์ต้องตัดสินใจว่า จะทำอย่างไรต่อ หากค่า CCI หลุดกลับลงมาต่ำกว่า +100 และยังอ่อนตัวต่อเนื่อง ก็อาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าโมเมนตัมเริ่มอ่อนแรงลง


หากเทรดเดอร์เลือกปิดสถานะที่ราคา 1.1012 แทนที่จะรอการย่อตัวลึก กำไรที่ทำได้ก็ยังคงถูกเก็บรักษาไว้ ตัวอย่างนี้แสดงให้เห็นว่า CCI ช่วยให้เทรดเดอร์ประเมิน “ความแข็งแกร่งของการเคลื่อนไหว” ได้ดี แต่ไม่ได้มีไว้เพื่อทำนายจุดสูงสุดหรือจุดต่ำสุดที่แน่นอน


วิธีเช็กค่า CCI ก่อนกด Buy หรือ Sell

ควรใช้เช็กลิสต์สั้น ๆ ก่อนตัดสินใจเทรดทุกครั้ง

  • เปิดกราฟและตรวจสอบช่วงเวลาของ CCI ซึ่งมักตั้งค่าไว้ที่ 14 ช่วงเวลา

  • ดูค่าล่าสุดของวันนี้ ค่าใกล้ระดับศูนย์แสดงถึงตลาดที่ค่อนข้างสงบ ส่วนค่าที่อยู่เหนือ +100 หรือใต้ -100 บ่งชี้ว่าราคาอยู่ในภาวะยืดตัว

  • เปรียบเทียบค่า CCI กับทิศทางแนวโน้มบนกราฟราคา

  • สังเกตว่า CCI กำลังปรับขึ้น ลดลง หรือเริ่มแบนราบ

  • ตรวจสอบตารางข่าว เพราะในช่วงประกาศข่าว ค่า CCI มักไม่เสถียร

  • สร้างนิสัยเช็กค่า CCI ในหลายกรอบเวลา อย่างน้อยชั่วโมงละครั้งในช่วงที่ตลาดมีความคึกคัก


ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยในการใช้ CCI: สัญญาณที่มือใหม่มักตีความผิด

  • มองว่าการหลุดระดับ +100 หรือ -100 ทุกครั้งคือสัญญาณเข้าเทรด ระดับเหล่านี้บอกถึงความแข็งแกร่งของราคา ไม่ได้การันตีว่าราคาจะไปต่อ

  • ใช้ CCI เพียงอย่างเดียว โดยไม่ดูแนวโน้มหรือระดับราคาสำคัญ ทำให้สัญญาณกลายเป็นการคาดเดา

  • มองข้ามสภาพตลาด ในตลาดที่ผันผวนและไร้ทิศทาง CCI จะเหวี่ยงไปมาและสร้างสัญญาณรบกวน

  • เปลี่ยนค่าการตั้งค่าบ่อยเกินไป ทำให้ยากต่อการเรียนรู้พฤติกรรมของ CCI อย่างแท้จริง

  • ฝืนเทรดสวนแนวโน้ม ค่า CCI ที่อยู่ในระดับสุดโต่งสามารถคงอยู่นานได้ในตลาดที่มีเทรนด์แรง การสวนเทรนด์เร็วเกินไปจึงมีโอกาสล้มเหลวสูง


คำศัพท์ที่เกี่ยวข้อง

  • RSI: อินดิเคเตอร์โมเมนตัมอีกชนิดที่ช่วยชี้ภาวะซื้อมากเกินไปและขายมากเกินไป

  • Stochastic Oscillator: ใช้ดูว่าราคาอยู่ตำแหน่งใดภายในช่วงการเคลื่อนไหวล่าสุด

  • ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่: ช่วยระบุทิศทางของแนวโน้ม ทำให้สัญญาณจาก CCI มีความหมายมากขึ้น

  • MACD: แสดงโมเมนตัมของตลาดผ่านความแตกต่างของเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่


คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

1. CCI เหมาะกับมือใหม่หรือไม่?

เหมาะสม เนื่องจากมือใหม่จำนวนมากมองว่า CCI อ่านค่าได้ไม่ยาก เพราะมีระดับที่ชัดเจนอย่าง +100 และ -100 อินดิเคเตอร์นี้ช่วยให้เทรดเดอร์มือใหม่เข้าใจได้ว่า ราคาอยู่ในภาวะยืดตัวมากน้อยเพียงใดเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม หัวใจสำคัญคือควรใช้ CCI ควบคู่กับการดูแนวโน้มอย่างง่าย ไม่ควรนำทุกสัญญาณมาใช้เข้าเทรดทันที


2. ค่า CCI ที่สูงกว่า +100 หมายความว่าตลาด Overbought เสมอไปหรือไม่?

ไม่เสมอไป ค่า CCI ที่สูงกว่า +100 สะท้อนถึงโมเมนตัมขาขึ้นที่แข็งแกร่งเป็นหลัก ไม่ได้หมายความว่าราคาจำเป็นต้องกลับตัวทันที ในตลาดที่มีแนวโน้มดี ค่า CCI สามารถอยู่เหนือ +100 ได้เป็นเวลานาน ดังนั้น บริบทของแนวโน้มและโครงสร้างราคาจึงสำคัญกว่าการดูตัวเลขเพียงอย่างเดียว


3. ทำไม CCI ถึงให้สัญญาณหลอกบ่อยในตลาดไซด์เวย์?

ในตลาดที่เคลื่อนไหวในกรอบ ราคาโดยมากจะอยู่ใกล้ค่าเฉลี่ย ทำให้การขยับเพียงเล็กน้อยก็สามารถดันค่า CCI ขึ้นหรือลงผ่านระดับสำคัญได้ง่าย แต่การเคลื่อนไหวเหล่านี้มักไม่ต่อเนื่อง เพราะตลาดไม่มีทิศทางที่ชัดเจน เทรดเดอร์จึงมักรอการยืนยันแนวโน้ม หรือใช้ CCI ร่วมกับแนวรับแนวต้าน เพื่อลดสัญญาณรบกวน


4. การตั้งค่า CCI แบบใดเหมาะกับเทรดเดอร์ส่วนใหญ่?

การตั้งค่าแบบดั้งเดิมที่ 14 ช่วงเวลา เป็นค่าที่ได้รับความนิยม เพราะให้ความสมดุลระหว่างความไวและความเสถียร การตั้งค่าที่สั้นกว่านี้จะตอบสนองเร็วขึ้นแต่ให้สัญญาณรบกวนมากขึ้น ส่วนการตั้งค่าที่ยาวขึ้นจะให้สัญญาณที่เรียบกว่าแต่ตอบสนองช้าลง วิธีที่ดีที่สุดคือเลือกใช้ค่าหนึ่งค่าและใช้อย่างต่อเนื่อง เพื่อทำความเข้าใจพฤติกรรมของ CCI ในสภาพตลาดที่แตกต่างกัน


สรุป

CCI (Commodity Channel Index) ช่วยแสดงให้เห็นว่า ราคาอยู่ห่างจากค่าเฉลี่ยในช่วงที่ผ่านมาเพียงใด และช่วยให้เทรดเดอร์ประเมินความแข็งแกร่งของโมเมนตัมได้ดีขึ้น เมื่อใช้งานร่วมกับการดูแนวโน้มและระดับราคาที่ชัดเจน CCI จะช่วยกำหนดจุดเข้าและจุดออกได้อย่างมั่นใจมากขึ้น


เทรดเดอร์ควรหลีกเลี่ยงการตัดสินใจจากค่าที่สุดโต่งทุกครั้ง และให้ความสำคัญกับพฤติกรรมของ CCI ภายในภาพรวมของกราฟราคาทั้งหมด


ข้อสงวนสิทธิ์: เนื้อหานี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนาให้เป็น (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรนำไปใช้เป็นหลักในการตัดสินใจ ความเห็นใดๆ ที่ปรากฏในเนื้อหานี้ไม่ได้เป็นการแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่าการลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือกลยุทธ์การลงทุนใดๆ เหมาะสมสำหรับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ