简体中文 繁體中文 English 한국어 日本語 Español Bahasa Indonesia Tiếng Việt Português Монгол العربية हिन्दी Русский ئۇيغۇر تىلى

XAUUSD พุ่งแตะ 4,130 ดอลลาร์ รับแรงหนุนความหวังเฟดลดดอกเบี้ย จับตาแนวต้านถัดไปที่ 4,250 ดอลลาร์

เผยแพร่เมื่อ: 2025-11-11

ประเด็นสำคัญ

  • ราคาทองคำ (XAUUSD) พุ่งทะลุระดับ 4,130 ดอลลาร์ ได้แรงหนุนจากกระแสคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเร็ว ๆ นี้

  • ค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าและความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยยังคงหนุนแนวโน้มขาขึ้นของทองคำ

  • การเบรกทะลุแนวต้านทางเทคนิคที่ 4,100 ดอลลาร์ เปิดทางไปสู่แนวต้านถัดไปบริเวณ 4,250 ดอลลาร์

  • นักลงทุนจับตาสัญญาณจากเฟดและผลตอบแทนพันธบัตรที่แท้จริง (Real Yields) เพื่อประเมินทิศทางราคาในระยะต่อไป


ตลาดทองคำกลับมาร้อนแรงอีกครั้ง โดยราคาทองคำ XAUUSD ทะลุเหนือระดับ 4,100 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แตะจุดสูงสุดใกล้ 4,130 ดอลลาร์ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ขณะที่นักลงทุนคาดว่าเฟดใกล้จะเปลี่ยนนโยบายการเงิน (Fed Pivot) ไปสู่การลดดอกเบี้ย


แรงหนุนการปรับขึ้นครั้งนี้มาจากหลายปัจจัยผสมกัน ทั้งข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่อ่อนแอลง ความคาดหวังนโยบายการเงินผ่อนคลาย ค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนตัว และกระแสการเข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยที่กลับมาอีกครั้ง นักวิเคราะห์มองว่า หากโมเมนตัมเชิงบวกยังคงต่อเนื่อง เป้าหมายสำคัญถัดไปของทองคำจะอยู่บริเวณ 4,250 ดอลลาร์


ในบทความนี้ เราจะพาไปเจาะลึกว่าทำไมราคาทองคำถึงพุ่งแรง ระดับเทคนิคสำคัญที่ต้องจับตาคืออะไร และนักเทรดควรระวังหรือคาดหวังอะไรต่อไปในช่วงปลายปี 2025 นี้


ความเคลื่อนไหวล่าสุดและระดับสำคัญของราคาทองคำ (XAUUSD)

ราคาทองคำพุ่งแตะ 4,130 ดอลลาร์ รับแรงหนุนจากความหวังเฟดลดดอกเบี้ย

ระดับราคาปัจจุบัน

  • ราคาทองคำสปอต (Spot Gold) ล่าสุดอยู่ที่ประมาณ 4,146.00 ดอลลาร์ต่อออนซ์

  • ข้อมูลย้อนหลังในช่วงไม่กี่วันแสดงให้เห็นว่าราคาทองคำเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 4,000–4,140 ดอลลาร์ เช่น วันที่ 11 พฤศจิกายน 2025 ราคาปิดอยู่ที่ประมาณ 4,136.26 ดอลลาร์


สถิติสูงสุดและแนวโน้มคาดการณ์

  • สำนักข่าว Reuters รายงานว่าเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2025 ราคาทองคำพุ่งขึ้นเหนือระดับ 4,170 ดอลลาร์ ซึ่งได้รับแรงหนุนจากความคาดหวังว่าเฟดจะเริ่มลดดอกเบี้ย [1]

  • บทวิเคราะห์หลายสำนักยังคาดว่า หากแนวโน้มเชิงบวกยังคงดำเนินต่อไป ราคาทองคำอาจมีเป้าหมายถัดไปที่ระดับ 4,250 ดอลลาร์


มุมมองทางเทคนิค

  • การวิเคราะห์ล่าสุดระบุว่า บริเวณ 4,130–4,138 ดอลลาร์ เป็นโซนแนวต้านและจุดเบรกเอาต์สำคัญ หากราคาสามารถทะลุผ่านได้อย่างมั่นคง เป้าหมายขาขึ้นถัดไปอาจอยู่ระหว่าง 4,200–4,250 ดอลลาร์

  • ในทางกลับกัน แนวรับหลักคาดว่าจะอยู่บริเวณ 3,960–4,000 ดอลลาร์ ตามการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์บางราย


ทำไมราคาทองคำ (XAUUSD) ถึงกลับมาพุ่งขึ้นอีกครั้ง? 4 ปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญ

ทองคำพุ่งแตะ 4,130 ดอลลาร์ รับแรงหนุนจากความคาดหวังเฟดลดดอกเบี้ย

1. ความคาดหวังการลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด

ตลาดเริ่มคาดการณ์มากขึ้นว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเร็ว ๆ นี้


ข้อมูลตลาดแรงงานที่อ่อนแอ และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ลดลง ยิ่งตอกย้ำกระแสคาดการณ์ดังกล่าว ซึ่งจะทำให้ “ต้นทุนโอกาสในการถือครองทองคำลดลง” และช่วยหนุนให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น


2. ค่าเงินดอลลาร์และผลตอบแทนที่แท้จริง

โดยทั่วไปแล้วราคาทองคำมักเคลื่อนไหวในทิศทางตรงข้ามกับค่าเงินดอลลาร์


ช่วงที่ผ่านมา ดัชนีดอลลาร์ (Dollar Index) ร่วงจากระดับ 101 ลงมาต่ำกว่า 99 ส่งผลให้ทองคำมีความน่าสนใจมากขึ้นในสายตานักลงทุนทั่วโลก


ขณะเดียวกัน ผลตอบแทนพันธบัตรที่แท้จริง (Real Yields) มีความผันผวน โดยช่วงที่ผลตอบแทนลดลงมักส่งผลดีต่อราคาทองคำ อย่างไรก็ตาม การเคลื่อนไหวของ Real Yields ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด


3. ความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยและความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์

นอกเหนือจากนโยบายการเงิน ทองคำยังได้รับแรงซื้อจากความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความไม่แน่นอนทั่วโลก เช่น ความตึงเครียดทางการค้า และความเสี่ยงจากการปิดทำการของรัฐบาลสหรัฐฯ


ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ชะลอตัว เช่น ตัวเลขการจ้างงานและการใช้จ่ายผู้บริโภค ยิ่งเพิ่มโอกาสที่เฟดจะเปลี่ยนนโยบาย ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนหันมาซื้อทองคำมากขึ้นในฐานะ “สินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยง”


นอกจากนี้ ความกังวลต่อเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัว และปัญหาพลังงานในยุโรป ก็ยิ่งกระตุ้นให้เกิดกระแสการกระจายความเสี่ยงจากสินทรัพย์เสี่ยงเข้าสู่ทองคำมากขึ้น


4. การเบรกเอาต์ทางเทคนิคและแรงโมเมนตัม

หลังจากราคาทองคำทะลุระดับสำคัญ เช่น 4,000 ดอลลาร์ และ 4,100 ดอลลาร์ แรงซื้อจากนักเทรดโมเมนตัมยิ่งเร่งตัวขึ้น


เมื่อราคาทะลุผ่าน 4,100 ดอลลาร์ ได้อย่างแข็งแกร่ง กระแสซื้อยิ่งเพิ่มขึ้น โดยนักวิเคราะห์หลายรายมองว่า หากระดับ 4,130 ดอลลาร์ สามารถยืนได้อย่างมั่นคง เป้าหมายถัดไปคือบริเวณ 4,250 ดอลลาร์ขึ้นไป


ทิศทางต่อไปของ XAUUSD: ฉากทัศน์และระดับสำคัญที่ต้องจับตา

ระดับราคา ประเภท คำอธิบาย
4,250 ดอลลาร์ แนวต้าน เป้าหมายขาขึ้นถัดไป
4,130 ดอลลาร์ แนวต้าน โซนเบรกเอาต์ปัจจุบัน
4,000 ดอลลาร์ แนวรับ ระดับจิตวิทยาสำคัญ
3,960 ดอลลาร์ แนวรับ พื้นฐานทางเทคนิคชั้นที่สอง

1. แนวโน้มขาขึ้นต่อเนื่อง

หากเฟดส่งสัญญาณลดดอกเบี้ย หรือข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาอ่อนแอกว่าคาด ค่าเงินดอลลาร์จะอ่อนตัวลง และผลตอบแทนที่แท้จริงจะลดลง ซึ่งทั้งหมดนี้อาจผลักดันให้ทองคำพุ่งขึ้นต่อไปถึง 4,250 ดอลลาร์ต่อออนซ์หรือสูงกว่า การเบรกทะลุอย่างมั่นคงเหนือระดับ 4,130 ดอลลาร์ จะยืนยันแนวโน้มดังกล่าว


2. การพักฐานหรือย่อตัว

หากค่าเงินดอลลาร์กลับมาแข็งค่าขึ้นจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง หรือความคาดหวังการลดดอกเบี้ยลดลง ราคาทองคำอาจหยุดปรับขึ้นหรือตลาดเข้าสู่ภาวะพักฐาน แนวรับสำคัญที่ควรจับตา ได้แก่ 4,000 ดอลลาร์ และ 3,960 ดอลลาร์


3. การปรับฐานลงลึก

แม้จะมีโอกาสน้อยในสถานการณ์ปัจจุบัน แต่หากอัตราเงินเฟ้อกลับมาพุ่งขึ้น หรือเฟดส่งสัญญาณคัดค้านการลดดอกเบี้ย แรงขายอาจเพิ่มขึ้นและกดดันให้ราคาทองคำร่วงต่ำกว่า 3,900 ดอลลาร์ โดยอาจลงไปทดสอบบริเวณ 3,800 ดอลลาร์ขึ้นไป


มุมมองและผลกระทบต่อ “นักลงทุน” และ “เทรดเดอร์”

การวิเคราะห์ทางเทคนิค XAUUSD 11 พฤศจิกายน

ระดับทางเทคนิคที่ควรจับตา

  • แนวรับหลัก: ประมาณ $4,000 และแนวรับถัดไปที่ $3,960

  • แนวต้านระยะสั้น: โซน $4,130–$4,140

  • เป้าหมายหลักถัดไป: บริเวณ $4,200–$4,250

  • เป้าหมายขาขึ้นระยะยาว: ประมาณ $4,300 ขึ้นไป


สำหรับนักลงทุนระยะยาว

การปรับตัวขึ้นของทองคำสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงเชิงมหภาคที่กว้างขึ้น ทั้งอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มลดลง ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น และกระแสการถือครองสินทรัพย์ปลอดภัย


สำหรับผู้ที่มองทองคำในฐานะสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยง (Hedge) หรือที่เก็บมูลค่าระยะยาว (Store of Value) ระดับราคาปัจจุบันยังถือว่า “มีเหตุผล” ที่จะถือบางส่วน โดยเฉพาะหากเชื่อว่า “เฟดกำลังเข้าสู่จุดเปลี่ยนนโยบายการเงิน (Fed Pivot)” จริง


สำหรับเทรดเดอร์ระยะสั้น

ความผันผวนของราคาทองคำในช่วงนี้อยู่ในระดับสูง กลยุทธ์ “ตามโมเมนตัม” (Momentum Trade) อาจเหมาะหากราคาทะลุแนวต้าน $4,130 ขึ้นไปอย่างมั่นคง ส่วนกลยุทธ์ “รอจังหวะรีบาวด์” (Buy-the-Dip) อาจพิจารณาได้หากราคาย่อตัวใกล้แนวรับ $4,000


อย่างไรก็ตาม การบริหารความเสี่ยง (Risk Management) เป็นสิ่งจำเป็น เนื่องจากตลาดอาจเกิดการแกว่งแรงในระยะสั้นได้ทุกเมื่อ


ปัจจัยเสี่ยงที่ควรระวั

  1. หากเฟดชะลอหรือยกเลิก แผนการลดดอกเบี้ย ราคาทองคำอาจถูกกดดัน

  2. การแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐฯ หรือการเพิ่มขึ้นของผลตอบแทนที่แท้จริง (Real Yields) อาจส่งผลลบต่อทองคำ

  3. การเบรกเอาต์ทางเทคนิคอาจล้มเหลวได้ หากมีแรงขายทำกำไรใกล้บริเวณแนวต้านสำคัญ


คำถามที่พบบ่อย

1. ทำไมราคาทองคำถึงทะลุ 4,000 ดอลลาร์ในปี 2025?

เกิดจากความคาดหวังการลดดอกเบี้ยของเฟดที่เพิ่มขึ้น ค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนลง ผลตอบแทนพันธบัตรแท้จริงที่ลดลง และความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยที่สูงขึ้นท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก


2. ราคาทองคำปรับตัวอย่างไรในรอบปีที่ผ่านมา?

ข้อมูลล่าสุดระบุว่า ณ วันที่ 11 พฤศจิกายน 2025 ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 57–59% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า


3. การเข้าซื้อทองคำโดยธนาคารกลางมีผลต่อราคาหรือไม่?

มีผลโดยตรง การเพิ่มการถือครองทองคำของธนาคารกลาง โดยเฉพาะนอกสหรัฐฯ ช่วยสร้าง อุปสงค์เชิงโครงสร้าง (Structural Demand) ซึ่งสนับสนุนแนวโน้มราคาขาขึ้นของทองคำในระยะยาว


4. ควรมองทองคำเป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงหรือสินทรัพย์เก็งกำไรในช่วงปลายปี 2025?

สำหรับนักลงทุนส่วนใหญ่ ทองคำถูกมองว่าเป็น สินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงเชิงมหภาค (Macroeconomic Hedge) มากกว่าสินทรัพย์เก็งกำไร โดยเฉพาะในช่วงที่ราคาทะลุระดับ 4,000 ดอลลาร์ นักลงทุนรายใหม่อาจเลือกทยอยเข้าซื้อ (Staggered Entry) แทนการทุ่มซื้อครั้งเดียว


บทสรุป

ทองคำสามารถทะลุแนวต้านสำคัญขึ้นมาได้อีกครั้ง ปัจจุบันซื้อขายอยู่ใกล้ระดับ $4,130 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้แรงหนุนจากความคาดหวังการลดดอกเบี้ยของเฟด ค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง และความไม่แน่นอนในตลาดโลก เป้าหมายขาขึ้นถัดไปอยู่ที่บริเวณ $4,250 ดอลลาร์ แต่ความเสี่ยงยังคงมีอยู่


นักลงทุนควรติดตามสัญญาณจากนโยบายการเงินของเฟด สถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ และการเคลื่อนไหวทางเทคนิคของราคา อย่างใกล้ชิดในช่วงปี 2025–2026


ทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์ที่โดดเด่นจากทั้งบทบาทการป้องกันความเสี่ยง (Safe-Haven) และการป้องกันเงินเฟ้อ (Inflation Hedge) แต่ด้วยตลาดโลกที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว สิ่งที่ขาดไม่ได้คือ วินัยในการบริหารความเสี่ยง (Risk Management)  กุญแจสำคัญของการลงทุนอย่างยั่งยืนในยุคนี้


ข้อสงวนสิทธิ์: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนา (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ได้เป็นคำแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ

บทความแนะนำ
ทรัมป์ขู่ขึ้นภาษีจีนอีก ทอง XAU/USD ทะลุ 4,150 ดอลลาร์
เข้าใจ OHLC ในพริบตา! อ่านกราฟเทรดเหมือนมืออาชีพ
ทองคำ XAU/USD ขึ้นไม่หยุด DXY อ่อน น้ำมัน WTI ทรงตัว
ตลาด Spot vs Futures ต่างกันอย่างไร?
เคลียร์ชัด Scalping Trading เหมาะกับใคร? กลยุทธ์ทำกำไรในเสี้ยววินาที