เคยสงสัยกันไหมว่า ETF มีอะไรบ้าง? สำรวจ ETF ประเภทหลักทั้ง 10 แบบพร้อมเรียนรู้วิธีเลือกกองทุนที่เหมาะกับเป้าหมายการลงทุนของคุณได้ง่าย ๆ ในบทมือนี้
กองทุน ETF ได้เปลี่ยนโฉมวงการลงทุน ด้วยต้นทุนที่ต่ำ สภาพคล่องสูง และสามารถเข้าถึงสินทรัพย์หลากหลายประเภท แต่ด้วยจำนวน ETF ที่มีมากกว่า 2,000 กองในตลาดอย่างสหรัฐฯ การเลือกกองทุนที่เหมาะสมอาจดูเป็นเรื่องยากสำหรับนักลงทุนหลายคน
ในบทความนี้ เราจะช่วยให้คุณเข้าใจง่ายขึ้น โดยอธิบาย ETF ยอดนิยม 10 ประเภท เช่น กองทุนดัชนีตลาดกว้าง และกองทุนธีมเฉพาะทาง พร้อมแนะนำวิธีเลือก ETF ที่เหมาะสมกับเป้าหมายการลงทุนของคุณอย่างชัดเจน
1. ETF ดัชนีตลาดกว้าง (Broad Market Index ETF)
ETF เหล่านี้ติดตามดัชนีหลัก ๆ ที่เป็นที่รู้จัก เช่น S&P 500, MSCI World หรือ FTSE All-World เหมาะกับผู้ที่ต้องการกระจายการลงทุนในหลายภาคส่วนและหลายภูมิภาคในต้นทุนต่ำ โดยมีความคลาดเคลื่อนจากดัชนีน้อย
ETF ดัชนีกว้างเป็นแกนหลักของพอร์ตแบบ Passive จำนวนมาก โดยมอบการเปิดรับการเติบโตทางเศรษฐกิจทั่วโลกอย่างต่อเนื่องพร้อมลดความซับซ้อนให้เหลือน้อยที่สุด
ทำไมนักลงทุนถึงใช้ : ค่าธรรมเนียมต่ำ เสถียรในระยะยาว และใช้งานง่าย
ตัวอย่าง : SPDR S&P 500 ETF (SPY), iShares Core MSCI World ETF (IWDA), Vanguard S&P 500 ETF
2. กองทุน ETF ภาคส่วนอุตสาหกรรม (Sector and Industry ETF)
มุ่งเน้นไปที่กลุ่มอุตสาหกรรมเฉพาะ เช่น เทคโนโลยี การดูแลสุขภาพ พลังงาน หรือการเงิน และสะท้อนดัชนีที่เกี่ยวข้อง กองทุนเหล่านี้ช่วยให้นักลงทุนสามารถมุ่งเน้นไปที่ภาคส่วนต่างๆ ที่คาดการณ์ศักยภาพในระยะยาวได้โดยไม่ต้องถือหุ้นใดหุ้นหนึ่งโดยเฉพาะ
แม้ว่ากองทุนภาคส่วนจะเพิ่มความเสี่ยงจากการกระจุกตัว แต่ก็ให้การเปิดรับประเด็นต่างๆ อย่างชัดเจน เช่น พลังงานสีเขียว เทคโนโลยีชีวภาพ หรือแนวโน้มโครงสร้างพื้นฐาน
ทำไมนักลงทุนถึงใช้ : ช่วยให้สามารถกำหนดเป้าหมายและกลยุทธ์การหมุนเวียนภาคส่วนได้โดยไม่ต้องเสี่ยงกับหุ้นรายตัว
ตัวอย่าง : XLK (เทคโนโลยี), XLV (สุขภาพ), XLE (พลังงาน)
3. ETF ระหว่างประเทศและระดับภูมิภาค (International and Regional ETF)
สำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในต่างประเทศ ETF ต่างประเทศจะติดตามตลาดหุ้นตามภูมิภาคหรือประเทศ ซึ่งช่วยกระจายความเสี่ยงด้านสกุลเงิน ภูมิรัฐศาสตร์ และปัจจัยการเติบโต เสริมการถือครองหลักทรัพย์หลักในประเทศและการป้องกันความเสี่ยงจากการลงทุนในประเทศ
กองทุน ETF ตลาดเกิดใหม่เป็นตัวแทนของเศรษฐกิจที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว แต่มีความผันผวนและการพึ่งพาวงจรสินค้าโภคภัณฑ์ที่เพิ่มมากขึ้น
ทำไมนักลงทุนถึงใช้ : ลดอคติจากการลงทุนเฉพาะในประเทศ และเสริมโอกาสจากการเติบโตของภูมิภาคอื่น
ตัวอย่าง : iShares MSCI Emerging Markets ETF (EEM), Vanguard FTSE Europe ETF (VGK), iShares Asia 50 ETF
4. ETF พันธบัตรและตราสารหนี้ (Bond and Fixed Income ETF)
ETF เหล่านี้เปิดโอกาสให้คุณลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรบริษัท หรือพันธบัตรเทศบาล โดยแต่ละ ETF จะแตกต่างกันไปตามระยะเวลา คุณภาพเครดิต และโครงสร้างผลตอบแทน ETF ที่เน้นลงทุนในพันธบัตรระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ช่วยปรับความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยและความต้องการด้านรายได้ให้เหมาะสม
สำหรับนักลงทุนแบบ Passive ETF พันธบัตรนั้นให้ผลตอบแทนและสภาพคล่องที่คาดการณ์ได้เพื่อรักษาเสถียรภาพของพอร์ตโฟลิโอด้วยการบรรเทาความเสี่ยง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ตลาดหุ้นตกต่ำ
ทำไมนักลงทุนถึงใช้ : ให้ผลตอบแทนคงที่ เสถียร และเหมาะสำหรับลดความผันผวนของพอร์ต
ตัวอย่าง : iShares Core US Aggregate Bond ETF (AGG), Vanguard Interm-Term Treasury ETF (VGIT), iShares iBoxx $ High Yield Corporate Bond ETF (HYG)
5. กองทุน ETF สินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity ETF)
กองทุน ETF สินค้าโภคภัณฑ์ติดตามโลหะมีค่า เช่น ทองคำและเงิน รวมไปถึงสินค้าโภคภัณฑ์อุตสาหกรรม เช่น น้ำมัน เกษตรกรรม และทองแดง
โดยสามารถถือครองทองคำแท่ง สัญญฟิวเจอร์ส หรือตราสารอนุพันธ์ได้ โลหะมีค่าทำหน้าที่เป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อแบบดั้งเดิม ในขณะที่ ETF ด้านพลังงานและอุตสาหกรรมก็สอดคล้องกับวัฏจักรเศรษฐกิจ
นักลงทุนสามารถใช้เพื่อกระจายการลงทุนออกจากหุ้น ป้องกันความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนในระดับมหภาค หรือเข้าถึงแนวโน้มความต้องการในสินทรัพย์ที่แท้จริง
ทำไมนักลงทุนถึงใช้ : สินค้าโภคภัณฑ์มักปรับตัวสูงขึ้นในช่วงที่เงินเฟ้อหรือค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่า ETF ช่วยให้การลงทุนในสินทรัพย์จริงสะดวกยิ่งขึ้น
ตัวอย่าง : SPDR Gold Shares (GLD), iShares Silver Trust (SLV), Invesco DB Commodity Index Fund (DBC)
6. ETF ธีมหรือภาคกว้างตามแนวโน้ม (Thematic and Broad Sector ETF)
กองทุน ETF เหล่านี้ครอบคลุมแนวโน้มระยะยาวในด้านยานยนต์ไฟฟ้า ปัญญาประดิษฐ์ พลังงานสะอาด คลาวด์คอมพิวติ้ง หุ่นยนต์ และเทคโนโลยีชีวภาพ โดยมักรวมบริษัทจากหลากหลายภาคส่วนเข้าด้วยกันภายใต้ธีมเดียวกัน
ศักยภาพในการเติบโตนั้นมีความสำคัญหากธีมต่า งๆ ได้รับความสนใจ แต่ความเสี่ยงจะเพิ่มขึ้นเนื่องจากการมุ่งเน้นที่จำกัดและการประเมินมูลค่าการเติบโต
ทำไมนักลงทุนถึงใช้ : ช่วยให้สามารถวางกลยุทธ์ตามแนวโน้มและวางตำแหน่งเก็งกำไรที่สอดคล้องกับแนวโน้มการเติบโตเชิงโครงสร้าง
ตัวอย่าง : Global X Robotics & AI ETF (BOTZ), ARK Innovation ETF (ARKK), iShares Global Clean Energy ETF (ICLN)
7. ETF เงินปันผลและรายได้ (Dividend and Income ETF)
กองทุน ETF เหล่านี้สร้างขึ้นเพื่อผู้ที่ต้องการผลตอบแทนสูง ประกอบด้วยหุ้นหรือพันธบัตรที่จ่ายเงินปันผลสูงหรือสร้างรายได้ ตัวอย่าง ได้แก่ กองทุน ETF หุ้นปันผลสูง กองทุน ETF หุ้นบุริมสิทธิ์ หรือกองทุนรวม MLP และกองทุนรวม REIT
สินทรัพย์เหล่านี้จะดึงดูดผู้เกษียณอายุหรือผู้ลงทุนที่ต้องการกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอ แต่มีความอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยและความเสี่ยงจากการกระจุกตัวของภาคส่วน
ทำไมนักลงทุนถึงใช้ : สร้างกระแสเงินสดสม่ำเสมอ โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการรายได้ประจำ
ตัวอย่าง : Vanguard High Dividend ETF (VYM), SPDR S&P Dividend ETF (SDY), Vanguard Real Estate ETF (VNQ) สำหรับการเปิดรับความเสี่ยง REIT
8. ETF ที่เน้น ESG หรือการลงทุนอย่างยั่งยืน
กองทุน ETF ด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) คัดกรองบริษัทโดยพิจารณาจากปัจจัยด้านความยั่งยืน การลงทุนเหล่านี้ดึงดูดนักลงทุนที่ให้ความสำคัญกับหลักจริยธรรมและผลตอบแทนทางการเงิน
แม้ว่าจะมีข้อขัดแย้งเกี่ยวกับการฟอกเขียวและการติดตามความสอดคล้อง แต่ ETF ESG ยังคงดึงดูดเงินไหลเข้า โดยเฉพาะในพอร์ตที่อายุน้อยกว่าและใส่ใจ ESG
ทำไมนักลงทุนถึงใช้ : ดึงดูดนักลงทุนที่มีจริยธรรมและสามารถจัดแนวประสิทธิภาพให้สอดคล้องกับตัวชี้วัดความยั่งยืนในระยะยาว
ตัวอย่าง : iShares MSCI KLD 400 Social ETF (DSI), SPDR S&P 500 ESG ETF (EFIV), Vanguard ESG US Stock ETF (ESGV)
9. ETF แบบมีเลเวอเรจและแบบผกผัน
ETF แบบเลเวอเรจมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มผลตอบแทนรายวัน (เช่น 2 เท่า หรือ 3 เท่า) โดยใช้ตราสารอนุพันธ์ ETF แบบผกผันให้ผลตอบแทนที่ตรงกันข้ามกับดัชนี ETF เหล่านี้ออกแบบมาเพื่อการใช้งานในระยะสั้น โดยทั่วไปเป็นเครื่องมือเชิงกลยุทธ์หรือเครื่องมือป้องกันความเสี่ยง ไม่ใช่สำหรับนักลงทุนแบบซื้อแล้วถือ
ที่สำคัญมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง เสื่อมโทรมลงเรื่อยๆ ตามกาลเวลา และต้องได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่อง จึงไม่เหมาะสำหรับการลงทุนระยะยาว
ทำไมนักลงทุนถึงใช้ : ใช้เก็งกำไรระยะสั้น หรือเป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยง
ตัวอย่าง : Invesco S&P 500® Low Volatility ETF (SPLV), iShares Edge MSCI USA Momentum Factor ETF (MTUM), Vanguard Value ETF (VTV)
10. ETF แบบ Smart Beta หรือ Factor-Based
กองทุน ETF แบบ Smart Beta พิจารณาการถือครองโดยพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น มูลค่า โมเมนตัม การเติบโตของเงินปันผล ความผันผวนต่ำ หรือคุณภาพ แทนที่จะพิจารณาจากมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดแบบเดิม กองทุนผสมเหล่านี้พยายามสร้างผลตอบแทนที่สูงกว่าตลาดอย่างเป็นระบบ โดยมุ่งเน้นไปที่ปัจจัยขับเคลื่อนผลการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง
การลงทุนเหล่านี้ให้ผลตอบแทนที่แตกต่างกัน แต่ผลตอบแทนจะแตกต่างกันไปในแต่ละรอบ ตัวอย่างเช่น ปัจจัยบางอย่างจะเติบโตได้ดีในช่วงที่ราคาหุ้นขึ้นแรง ในขณะที่ปัจจัยอื่น ๆ จะเติบโตได้ดีในช่วงที่ราคาหุ้นตั้งรับ Smart Beta เพิ่มความซับซ้อน แต่อาจช่วยเพิ่มผลตอบแทนให้กับนักลงทุนระยะยาว
ทำไมนักลงทุนถึงใช้ : สำหรับการเล่นเชิงกลยุทธ์ระยะสั้น การป้องกันความเสี่ยง หรือการซื้อขายตามโอกาสที่สอดคล้องกับการเคลื่อนไหวรายวัน
ตัวอย่าง : ProShares UltraPro QQQ (TQQQ), Direxion Daily S&P 500 Bull 2X ETF (SPUU), ProShares UltraShort S&P 500 (SDS)
จับคู่กับวัตถุประสงค์การลงทุนของคุณ
หากคุณต้องการการกระจายความเสี่ยงในวงกว้างและค่าธรรมเนียมต่ำ ควรเลือก ETF ที่ติดตามดัชนีหลัก
หากเน้นสร้างรายได้จากดอกเบี้ยหรือเงินปันผลควรพิจารณา ETF ประเภทพันธบัตร หรือ ETF ปันผล
หากคุณต้องการเก็งกำไรจากแนวโน้มเฉพาะทาง ควรเลือก ETF ธีม หรือ ETF รายอุตสาหกรรม
หากกังวลเรื่องเงินเฟ้อ ETF สินค้าโภคภัณฑ์อาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสม
ตรวจสอบอัตราค่าธรรมเนียมและสินทรัพย์ในพอร์ต
อัตราค่าธรรมเนียม (Expense Ratio) ที่ต่ำช่วยเพิ่มผลตอบแทนในระยะยาว โดยเฉพาะ ETF ดัชนีหลักที่มักมีค่าธรรมเนียมต่ำกว่า 0.10%
ตรวจสอบรายละเอียดของหลักทรัพย์ที่กองทุนถืออยู่ ปริมาณการซื้อขาย และกลยุทธ์การจำลองดัชนีก่อนลงทุน
เข้าใจเรื่องสภาพคล่องและส่วนต่างราคา (Bid-Ask Spread)
ETF ที่มีขนาดใหญ่และได้รับความนิยมจะมีส่วนต่างราคาซื้อ-ขาย (Bid-Ask Spread) แคบ และสามารถซื้อขายได้ง่าย
ETF ที่มีสภาพคล่องต่ำอาจมีค่าธรรมเนียมแฝงเพิ่มขึ้น ควรดูปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน โดยเฉพาะในกองทุนเฉพาะทาง
ใช้กลยุทธ์กระจายลงทุนแบบ Core-Satellite
พอร์ตการลงทุนที่แข็งแกร่งมักใช้กลยุทธ์ Core-Satellite โดยจัดสรร 60–80% ใน ETF ดัชนีหลัก
อีก 20–40% สามารถเสริมด้วย ETF ธีม, รายอุตสาหกรรม, รายได้ หรือสินทรัพย์เฉพาะทาง
ทำความเข้าใจความเสี่ยงของ ETF แต่ละประเภท
ETF ธีมหรือแบบ Factor-Based มีความผันผวนมากกว่า ETF ดัชนีหลัก
ETF พันธบัตรมีความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ย
ETF สินค้าโภคภัณฑ์อาจมีต้นทุนจากการกลิ้งสัญญาฟิวเจอร์สหรือค่าถือครองที่สูง
ควรทำความเข้าใจความเสี่ยงโดยรวมและวางสัดส่วนการลงทุนให้เหมาะสม
60%: ETF ดัชนีตลาดกว้าง เช่น SPY, IWDA
15%: ETF พันธบัตรหรือ ETF ปันผล เช่น AGG, VYM
10%: ETF ธีมเฉพาะ เช่น ICLN, ARKK
5%: ETF สินค้าโภคภัณฑ์ เช่น GLD, DBC
10%: ETF แบบปัจจัยพื้นฐาน เช่น SPLV, MTUM
ควรปรับสัดส่วนให้เหมาะกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ และระยะเวลาการลงทุน พร้อมทั้งปรับพอร์ตทุกปีหรือทุกครึ่งปี
1. นักลงทุนมือใหม่ควรรู้จัก ETF ประเภทใดบ้าง?
มือใหม่ควรเริ่มจาก ETF ดัชนีตลาด, ETF รายอุตสาหกรรม, ETF พันธบัตร และ ETF ปันผล ซึ่งเข้าใจง่าย ความเสี่ยงไม่สูง และกระจายการลงทุนได้ดี
2. ตอนนี้ ETF ธีมเฉพาะยังน่าลงทุนอยู่หรือไม่?
ยังน่าสนใจ หากคุณต้องการลงทุนตามแนวโน้มระยะยาว เช่น AI, พลังงานสะอาด หรือหุ่นยนต์ แต่ควรตระหนักว่า ETF เหล่านี้ผันผวนสูง จึงเหมาะเป็นส่วนหนึ่งของพอร์ตที่กระจายความเสี่ยงแล้วเท่านั้น
3. สามารถสร้างพอร์ตลงทุนทั้งหมดด้วย ETF ได้หรือไม่?
ได้แน่นอน คุณสามารถสร้างพอร์ตที่สมดุลโดยใช้ ETF อย่างเดียว โดยการผสม ETF ดัชนี, ETF พันธบัตร, ETF ธีมหรืออุตสาหกรรม และ ETF ปันผลให้เหมาะกับเป้าหมายและความเสี่ยงของคุณ
สรุปแล้ว ETF ช่วยให้การลงทุนง่ายขึ้น ด้วยการเข้าถึงตลาดอย่างกว้างขวางในต้นทุนต่ำ และสามารถปรับแต่งพอร์ตได้ด้วย ETF เฉพาะทาง เช่น ธีม พันธบัตร สินค้าโภคภัณฑ์ หรือกลยุทธ์ปัจจัยพื้นฐาน
หากคุณเพิ่งเริ่มลงทุน แนะนำให้เริ่มจาก ETF ดัชนีหลัก แล้วค่อย ๆ เสริมด้วย ETF เฉพาะทางตามกลยุทธ์และความมั่นใจที่เพิ่มขึ้น
ข้อสงวนสิทธิ์: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนา (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ได้เป็นคำแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ
แยกย่อยสิ่งสำคัญของ ETF XLU ตั้งแต่การมุ่งเน้นตามภาคส่วนไปจนถึงบทบาทในพอร์ตโฟลิโอที่หลากหลาย
2025-08-11เปรียบเทียบรูปแบบแท่งเทียนต่อเนื่องกับตัวบ่งชี้ทางเทคนิคเพื่อดูว่ารูปแบบใดเหมาะกับกลยุทธ์ของคุณที่สุด
2025-08-11ดัชนี S&P 500 คือกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่ 500 บริษัทชั้นนำสหรัฐฯ ที่สะท้อนเศรษฐกิจอเมริกา เจาะลึกโครงสร้างเกณฑ์คัดเลือก พร้อมแนะนำกองทุน ETF S&P 500
2025-08-08