เรียนรู้วิธีการอ่านโครงสร้างตลาด Forex โดยใช้จุดสูง/ต่ำแบบสวิง, BoS, ChoCH และการวิเคราะห์หลายกรอบเวลาเพื่อการซื้อขายด้วยความมั่นใจ
ในตลาด Forex ราคาคือราชา การเคลื่อนไหวทุกครั้งบนกราฟ ไม่ว่าจะเป็นจุดสูงสุดหรือจุดตกอย่างรวดเร็ว ล้วนบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับอุปทาน อุปสงค์ และความรู้สึกของผู้ซื้อขาย เพื่อนำทางตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ ผู้ซื้อขายจะต้องพัฒนาความเข้าใจที่มั่นคงเกี่ยวกับโครงสร้างของตลาด ซึ่งเป็นกรอบที่ใช้ในการอ่านการเคลื่อนไหวของราคาและคาดการณ์การเคลื่อนไหวในอนาคต
โครงสร้างตลาดนั้นแตกต่างจากตัวบ่งชี้ที่ตามหลังราคา โดยเน้นที่พฤติกรรมราคาแบบเรียลไทม์ ซึ่งก็คือการระบุรูปแบบที่สะท้อนถึงความสมดุลของอำนาจระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย บทความนี้จะอธิบายองค์ประกอบสำคัญของโครงสร้างตลาด Forex ตั้งแต่แนวโน้มและการทะลุแนวรับและแนวต้าน และแสดงให้เห็นว่าเทรดเดอร์สามารถนำแนวคิดเหล่านี้ไปใช้ในกรอบเวลาต่างๆ ได้อย่างไร
หัวใจสำคัญของการวิเคราะห์โครงสร้างตลาดคือการระบุจุดสูงและจุดต่ำของตลาด จุดเปลี่ยนเหล่านี้ช่วยให้ผู้ซื้อขายกำหนดทิศทางของแนวโน้มได้:
ในโครงสร้างขาขึ้น ราคาจะสร้างจุดสูงที่สูงขึ้น (HH) และราคาต่ำที่สูงขึ้น (HL)
ในโครงสร้างขาลง ราคาจะสร้างจุดสูงที่ต่ำลง (LH) และราคาต่ำที่ต่ำลง (LL)
ลำดับแนวโน้มขาขึ้นบ่งบอกถึงความแข็งแกร่งของผู้ซื้อที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่ลำดับแนวโน้มขาลงแสดงถึงแรงกดดันในการขายอย่างต่อเนื่อง การรับรู้รูปแบบเหล่านี้ตั้งแต่เนิ่นๆ ช่วยให้ผู้ซื้อสามารถจัดตำแหน่งให้สอดคล้องกับแนวโน้มที่เกิดขึ้นได้
ตัวอย่างเช่น หาก EUR/USD เพิ่งสร้างจุดต่ำที่สูงขึ้นเหนือระดับแนวต้านก่อนหน้า ซึ่งอาจบ่งบอกว่าผู้ซื้อกำลังเข้ามาอย่างก้าวร้าวมากขึ้น ซึ่งเป็นโอกาสในการพิจารณาตำแหน่งซื้อ ในทางกลับกัน จุดสูงและจุดต่ำที่ต่ำลงอาจบ่งชี้ถึงความอ่อนแออย่างต่อเนื่องและการตั้งค่าขายที่อาจเกิดขึ้นได้
แม้ว่าแนวโน้มจะเสนอความลำเอียงเชิงทิศทาง แต่การทำลายโครงสร้าง (BoS) และการเปลี่ยนแปลงลักษณะ (ChoCH) เป็นตัวเตือนผู้ซื้อขายถึงการเปลี่ยนแปลงโมเมนตัมที่อาจเกิดขึ้นได้
การพังทลายของโครงสร้างจะเกิดขึ้นเมื่อราคาทะลุจุดสูงสุดหรือจุดต่ำสุดของแกว่งตัวครั้งก่อน ซึ่งเป็นการยืนยันถึงการดำเนินต่อไปของแนวโน้ม
การเปลี่ยนแปลงของลักษณะเป็นสัญญาณที่บอกถึงช่วงเริ่มต้นของการกลับตัว เช่น เมื่อตลาดขาลงสร้างจุดสูงครั้งแรกขึ้นหรือเมื่อตลาดขาขึ้นสร้างจุดต่ำลง
แนวคิดทั้งสองนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับนักเทรดแบบสวิงและนักเก็งกำไรที่อาศัยการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเพื่อเข้าและออกจากเวลา เมื่อระบุ BoS หรือ ChoCH แล้ว นักเทรดสามารถคาดการณ์ได้ว่าแนวโน้มปัจจุบันน่าจะดำเนินต่อไปหรือว่าแนวโน้มใหม่กำลังเกิดขึ้น
ตัวอย่างเช่น หาก GBP/USD พิมพ์จุดสูงสุดที่ต่ำกว่าเดิมและทะลุจุดสูงสุดล่าสุด (BoS) ลงอย่างกะทันหัน แสดงว่าโมเมนตัมขาลงกำลังอ่อนตัวลง หากตามมาด้วยจุดต่ำสุดที่สูงขึ้น (ChoCH) อาจเกิดแนวโน้มขาขึ้นใหม่
ไม่ใช่ว่าตลาดทุกแห่งจะมีแนวโน้ม และการรับรู้ถึงการรวมตัวก็มีความสำคัญพอๆ กับการระบุแนวโน้ม โดยทั่วไป การเคลื่อนไหวของราคาในตลาด Forex จะดำเนินไปตาม 3 ระยะ ดังนี้
1.แนวโน้ม – ทิศทางชัดเจนด้วยรูปแบบ HH/HL หรือ LH/LL
2.ช่วงราคา – ราคาแกว่งตัวระหว่างแนวรับและแนวต้านแนวนอน
3. การเปลี่ยนแปลงในแนวขวาง (ด้านข้าง) – มักเป็นจุดเริ่มต้นของการทะลุแนวรับหรือการกลับตัว
การทำความเข้าใจเฟสปัจจุบันถือเป็นสิ่งสำคัญในการเลือกกลยุทธ์ที่เหมาะสม แนวทางการติดตามแนวโน้มได้ผลดีในช่วงที่ราคาเคลื่อนไหวตามทิศทาง ในขณะที่กลยุทธ์การซื้อขายแบบช่วงราคาจะได้ผลดีกว่าในช่วงที่ราคากำลังทรงตัว
ตัวอย่างเช่น AUD/USD อาจอยู่ในช่วงระหว่าง 0.6600 ถึง 0.6700 เป็นเวลาหลายสัปดาห์ การทะลุแนวรับที่แข็งแกร่งและค่า BoS ที่ได้รับการยืนยันจะส่งสัญญาณว่าราคาจะกลับมาอยู่ในแนวโน้มปกติ การไม่เคลื่อนไหวในช่วงที่ผันผวนและไม่สามารถตัดสินใจได้จะช่วยลดสัญญาณรบกวนและสัญญาณหลอกได้
แนวรับและแนวต้านเป็นองค์ประกอบสำคัญของโครงสร้าง ไม่ใช่เพียงโซนทางจิตวิทยาเท่านั้น แต่ยังเป็นที่ที่กระแสคำสั่งซื้อสะสม แหล่งสภาพคล่องก่อตัว และราคามีแนวโน้มที่จะตอบสนอง
แนวรับคือระดับราคาที่อุปสงค์มีมากกว่าอุปทาน ซึ่งจะป้องกันไม่ให้ราคาลดลงต่อไป
แนวต้านคือจุดที่อุปทานแซงหน้าอุปสงค์ ส่งผลให้โมเมนตัมขาขึ้นหยุดลง
ในแง่ของโครงสร้างตลาด จุดสูงและจุดต่ำในอดีตมักจะกลายเป็นแนวรับหรือแนวต้านในอนาคต โซนเหล่านี้จะยิ่งมีความสำคัญมากขึ้นเมื่อจัดวางตามตัวเลขกลม ระดับฟีโบนัชชี หรือค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่
ตัวอย่างเช่น หาก USD/JPY ทะลุแนวต้านเดิมที่ 155.00 แล้วทดสอบระดับแนวรับอีกครั้ง แสดงว่ามีแนวโน้มขาขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ผู้ซื้อขายอาจใช้พื้นที่เหล่านี้ในการวางแผนจุดเข้าซื้อหรือกำหนดระดับจุดตัดขาดทุน
วิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดวิธีหนึ่งในการเพิ่มประสิทธิภาพการวิเคราะห์โครงสร้างตลาดคือการวิเคราะห์หลายกรอบเวลา แนวโน้มและโครงสร้างมีลักษณะเป็นเศษส่วน กล่าวคือ แนวโน้มและโครงสร้างจะเกิดขึ้นซ้ำในกรอบเวลาที่แตกต่างกัน โครงสร้างขาลงบนกราฟ 15 นาทีอาจเป็นการย่อตัวลงภายในแนวโน้มขาขึ้นบนกราฟ 4 ชั่วโมง
การประเมินโครงสร้างข้ามกรอบเวลาต่างๆ ช่วยให้ผู้ค้าสามารถ:
ระบุแนวโน้มกรอบเวลาที่สูงขึ้นเพื่อซื้อขายให้สอดคล้องกับทิศทางมหภาค
ใช้กรอบเวลาที่สั้นลงเพื่อปรับแต่งรายการเข้าและออก
ระบุสัญญาณที่ขัดแย้งซึ่งอาจชี้ให้เห็นถึงเงื่อนไขที่มีขอบเขตจำกัด
ตัวอย่างเช่น ผู้ซื้อขายที่วิเคราะห์ GBP/USD อาจสังเกตเห็นว่า:
แนวโน้มขาขึ้นในกรอบเวลาที่สูงกว่าบนกราฟรายวัน (HHs และ HLs)
โครงสร้างขาลงชั่วคราวบนกราฟ 1 ชั่วโมง (LH และ LL)
BoS ที่มีศักยภาพบนกราฟ 15 นาทีบ่งชี้ถึงการกลับตัวสู่แนวโน้มขาขึ้นโดยรวม
การทำความเข้าใจมุมมองหลายชั้นนี้สามารถช่วยให้ผู้ซื้อขายหลีกเลี่ยงการซื้อขายที่สวนทางกับโมเมนตัมและค้นหาการตั้งค่าการซื้อขายที่มีความน่าจะเป็นสูง
การอ่านโครงสร้างตลาดเป็นหนึ่งในวิธีที่เชื่อถือได้มากที่สุดในการตีความการเคลื่อนไหวของราคา Forex โดยการทำความเข้าใจว่าจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดเกิดขึ้นได้อย่างไร การรับรู้การทะลุโครงสร้างและการเปลี่ยนผ่านของแนวโน้ม และการรวมโซนแนวรับ/แนวต้านและบริบทของกรอบเวลาหลายกรอบ เทรดเดอร์สามารถคาดการณ์การเคลื่อนไหวของตลาดได้ดีขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งพาตัวบ่งชี้ที่ล่าช้ามากเกินไป
โครงสร้างตลาดไม่ได้เกี่ยวกับการทำนายอนาคต แต่เป็นการอ่านปัจจุบัน เมื่อใช้ร่วมกับวินัยและการจัดการความเสี่ยงที่ชัดเจน จะช่วยให้มีกรอบการทำงานที่ชัดเจนในการซื้อขายในตลาดที่มักวุ่นวาย
คำเตือน: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อเป็นคำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็นคำแนะนำ) ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำของ EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ
สำรวจการคาดการณ์ของผู้เชี่ยวชาญสำหรับอัตราค่าเงินลีราของตุรกีต่อดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2030 เศรษฐกิจของตุรกีจะฟื้นตัวหรือไม่ หรือจะมีการลดค่าเงินเพิ่มเติมในอนาคตหรือไม่
2025-06-18สงสัยไหมว่ามูลค่าตลาดทองคำ 23.5 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2568 คำนวณได้อย่างไร เรียนรู้สิ่งที่เป็นแรงผลักดันมูลค่า และเหตุใดจึงสำคัญสำหรับนักลงทุนในปัจจุบัน
2025-06-18เรียนรู้ว่าการขายออปชั่นขายสามารถสร้างรายได้ที่มั่นคงได้อย่างไรโดยมีความเสี่ยงต่ำ คู่มือนี้จะอธิบายทุกสิ่งที่ผู้เริ่มต้นจำเป็นต้องรู้ในปี 2025
2025-06-18