2025-05-22
ทองคำกำลังซื้อขายอยู่ที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยราคาสปอตล่าสุดแตะราว 3,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในช่วงกลางเดือนกันยายน 2025 เมื่อเข้าสู่ไตรมาสสุดท้ายของปี 2025 เส้นทางของทองคำในอีกห้าปีข้างหน้า (2025–2030) ยังคงน่าติดตามแต่ก็เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน
ทองคำจะสามารถทำสถิติสูงสุดใหม่ได้หรือไม่ หากเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูงและธนาคารกลางยังคงเดินหน้าลดดอกเบี้ย? หรือราคาจะร่วงลง หากอัตราผลตอบแทนที่แท้จริง (real yields) เพิ่มขึ้น และความต้องการลงทุนเบนไปที่สินทรัพย์อื่น?
บทความนี้เจาะลึกข้อมูลล่าสุด ปัจจัยเสี่ยง การคาดการณ์จากสถาบันต่าง ๆ และฉากทัศน์ระยะยาว เพื่อช่วยคุณประเมินเส้นทางที่เป็นไปได้ของทองคำในอนาคต
ราคาทองคำสปอตพุ่งขึ้นแตะ 3,707.40 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ก่อนจะปรับตัวลดลงเล็กน้อย
ณ วันที่ 19 กันยายน 2025 ราคาทองคำสปอตอยู่ที่ประมาณ 3,660.34 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยสัญญาฟิวเจอร์สก็ปรับตัวขึ้นเช่นกัน
ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน (YTD) ราคาทองคำปรับขึ้นราว 35–40% ได้แรงหนุนจากความต้องการที่แข็งแกร่ง ความคาดหวังต่อการปรับลดดอกเบี้ย และความกังวลเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ
ระดับราคานี้ได้กลายเป็นฐานใหม่สำหรับการคาดการณ์ ทำให้นักวิเคราะห์และสถาบันต่าง ๆ ปรับมุมมองขึ้นอย่างต่อเนื่อง
CPI สหรัฐ (สิงหาคม 2025): +0.4% MoM, +2.9% YoY
Core CPI (ไม่รวมอาหารและพลังงาน): +3.1% YoY
อัตราดอกเบี้ยเฟด (หลังการปรับลดใน ก.ย. 2025): 4.00%–4.25% หลังจากลดลง 25 จุดพื้นฐาน ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ ธ.ค. 2024
อัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ECB: 3.25% ทรงตัว
การซื้อทองคำโดยธนาคารกลางในปี 2025 (ถึงสิงหาคม): มากกว่า 900 ตัน โดยมีผู้นำคือจีน อินเดีย ตุรกี และโปแลนด์
ข้อมูลเหล่านี้สะท้อนว่าเงินเฟ้อเริ่มชะลอลงแต่ยังยืดหยุ่น ธนาคารกลางเริ่มลดดอกเบี้ยอย่างระมัดระวัง และความต้องการทองคำจากทุนสำรองทั่วโลกยังคงแข็งแกร่ง
1) การเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงิน
ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 25 จุดพื้นฐานในเดือนกันยายน 2025 ซึ่งเป็นครั้งแรกตั้งแต่เดือนธันวาคม 2024
ความคาดหวังต่อการลดดอกเบี้ยและท่าทีผ่อนคลายที่มากขึ้น ทำให้ต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองสินทรัพย์ที่ไม่ให้ผลตอบแทน เช่น ทองคำ ลดลง
2) การอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์อ่อนตัวลงจากความคาดหวังการผ่อนคลายของเฟด ส่งผลให้ทองคำมีความน่าดึงดูดมากขึ้นในตลาดโลก
3) ความต้องการจากธนาคารกลางและกระแส Safe Haven
UBS คาดการณ์ว่าธนาคารกลางจะซื้อทองคำ 900–950 ตัน ในปี 2025 ซึ่งเกือบเท่ากับระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อไม่นานมานี้
ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ (เช่น สงครามการค้า ความขัดแย้ง) และความไม่แน่นอนด้านนโยบาย เป็นตัวกระตุ้นความสนใจจากนักลงทุน
4) เงินเฟ้อที่ยัง “เหนียว” อยู่
แม้อัตราเงินเฟ้อจะชะลอลงจากจุดสูงสุด แต่ เงินเฟ้อพื้นฐาน (Core Inflation) ยังคงอยู่ในระดับสูง ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนที่แท้จริง (Real Yields) อยู่ภายใต้แรงกดดัน และยังคงสนับสนุนบทบาทของทองคำในฐานะสินทรัพย์ป้องกันเงินเฟ้อ
สถาบัน / นักวิเคราะห์ | การคาดการณ์ | กรอบเวลา | สมมติฐาน / ปัจจัยขับเคลื่อนหลัก |
UBS | $3,800/ออนซ์ ภายในสิ้นปี 2025; $3,900/ออนซ์ กลางปี 2026; ค่อย ๆ ไต่ระดับสู่ $4,200–$4,400 ภายในปี 2028 | 2025-2028 | การลดดอกเบี้ยโดย Fed, ดอลลาร์อ่อนค่า, การซื้อทองคำของธนาคารกลาง 900–950 ตัน/ปี |
ANZ Group | $3,800/ออนซ์ ภายในสิ้นปี 2025; ใกล้ $4,000/ออนซ์ ในปี 2026; อาจแตะเกิน $4,300 ภายในปี 2028 หากความต้องการลงทุนยังแข็งแกร่ง | 2025-2028 | นโยบายการเงินผ่อนคลาย, ความต้องการ Safe Haven ทั่วโลก, การบริโภคทองคำในเอเชีย |
Deutsche Bank | ราคาเฉลี่ยใกล้ $4,000/ออนซ์ ในปี 2026; มีแนวโน้มอยู่ระหว่าง $4,200–$4,500/ออนซ์ ในปี 2027–2029 | 2026-2029 | เงินเฟ้อดื้อด้าน, ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจมหภาค, ดอลลาร์อ่อน |
WGC & IMF (แนวโน้ม) | ไม่มีการกำหนดเป้าหมายราคาเฉพาะ แต่ชี้ว่าความต้องการจากธนาคารกลางและผู้บริโภคในตลาดเกิดใหม่จะยังคงแข็งแกร่ง บ่งชี้ว่าทองคำอาจรักษาช่วง $3,800–$4,500 ได้จนถึงปลายทศวรรษ 2020 | 2025-2030 | การลดการพึ่งพาดอลลาร์ (Dedollarisation), สถานะ Safe Haven, การกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน |
ระยะสั้น (2025–2026): นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าทองคำจะทรงตัวในช่วง $3,800–$4,000 ต่อออนซ์
ระยะกลาง (2027–2028): การคาดการณ์อยู่ในช่วง $4,200–$4,500/ออนซ์ หากปัจจัยมหภาคยังคงอยู่เช่นเดิม
ระยะยาว (2029–2030): ในกรณีบวก (เงินเฟ้อเรื้อรัง, ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์, ความต้องการจากธนาคารกลาง) ราคาทองคำอาจแตะ $5,000/ออนซ์ หรือสูงกว่า แต่การคาดการณ์นี้ถือว่ายังเป็นเชิงสมมติและมีเงื่อนไขหลายประการ
ไม่ใช่ว่าทุกปัจจัยจะหนุนให้ราคาทองคำปรับขึ้นเสมอไป ยังมีแรงกดดันที่อาจฉุดรั้งได้ เช่น:
อัตราผลตอบแทนที่แท้จริง (Real Yields) แข็งแกร่งขึ้น: หากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับสูงขึ้น หรือเงินเฟ้อลดลงเร็วกว่าที่คาดไว้ เสน่ห์ของทองคำอาจลดลง
การเลื่อนหรือการลดดอกเบี้ยน้อยกว่าที่คาด: หากเงินเฟ้อออกมาสูงกว่าที่คาด ทำให้เฟดต้องตรึงดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับสูงนานขึ้น ราคาทองคำอาจเผชิญแรงกดดัน
การฟื้นตัวของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ: ดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น (อาจมาจากภาวะเสี่ยงทั่วโลกหรือการดำเนินนโยบายของธนาคารกลางอื่น) สามารถบั่นทอนความน่าสนใจของทองคำ
การฟื้นตัวของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ: ดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น (อาจมาจากภาวะเสี่ยงทั่วโลกหรือการดำเนินนโยบายของธนาคารกลางอื่น) สามารถบั่นทอนความน่าสนใจของทองคำ
จีนและอินเดีย ยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของความต้องการทองคำ ทั้งในรูปแบบเครื่องประดับและการถือครองโดยธนาคารกลาง อย่างไรก็ตาม ความต้องการจากนักลงทุนรายย่อยในจีนลดลงเมื่อเร็ว ๆ นี้ เนื่องจากนักลงทุนหันไปลงทุนในหุ้น
ตลาดเกิดใหม่ที่สกุลเงินอ่อนค่า (เช่น ตุรกี ลาตินอเมริกา) กำลังเห็นความต้องการทองคำในประเทศเพิ่มขึ้น เนื่องจากถูกใช้เป็นสินทรัพย์เก็บมูลค่า
การเปลี่ยนแปลงของสกุลเงินสำรอง ยังคงเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป แม้ว่าบางประเทศจะมีการกระจายความเสี่ยง แต่ดอลลาร์สหรัฐก็ยังคงครองความเป็นผู้นำในฐานะสกุลเงินหลักของทุนสำรองอย่างชัดเจน
1. ราคาสูงสุดของทองคำในปัจจุบันคือเท่าไหร่?
ทองคำทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ประมาณ 3,707.40 ดอลลาร์/ออนซ์ ในช่วงกลางเดือนกันยายน 2025 ก่อนจะปรับตัวลงเล็กน้อย
2. เป้าหมายราคาที่เป็นไปได้จริงสำหรับสิ้นปี 2025 อยู่ที่เท่าไหร่?
หลายสถาบันคาดว่าราคาทองคำจะอยู่ที่ราว 3,800 ดอลลาร์/ออนซ์ ภายในสิ้นปี 2025
3. ปัจจัยใดที่อาจขัดขวางการปรับขึ้นของราคาทองคำ?
เงินเฟ้อลดลงเร็วกว่าที่คาด
อัตราผลตอบแทนที่แท้จริง (Real Yields) แข็งแกร่งขึ้น
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าอย่างมาก
ผลตอบแทนที่ดีกว่าจากสินทรัพย์เสี่ยง เช่น หุ้น
4. ทองคำเปรียบเทียบกับสินทรัพย์ปลอดภัยอื่น ๆ อย่างไรในตอนนี้?
ทองคำได้รับแรงหนุนจากการลดดอกเบี้ยและแรงกดดันเงินเฟ้อ ขณะที่สินทรัพย์ปลอดภัยอื่น เช่น พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ สินค้าโภคภัณฑ์ และสกุลเงิน ก็ยังอาจดึงดูดความสนใจ โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดเผชิญภาวะเสี่ยง (risk-off)
สรุปได้ว่า ทองคำไม่ได้เพียงแต่เคลื่อนไหวใกล้ระดับสูงสุดใหม่ แต่ยัง ปรับเปลี่ยนการคาดการณ์ในอนาคต อีกด้วย ด้วยราคาสปอตที่สูงกว่า 3,600 ดอลลาร์/ออนซ์ นักวิเคราะห์จำนวนมากคาดว่าทองคำจะขยับไปแตะราว 3,800 ดอลลาร์/ออนซ์ ภายในสิ้นปี 2025 และอาจทะลุ 4,000 ดอลลาร์/ออนซ์ ได้ หากแรงสนับสนุนบางประการยังคงอยู่
สำหรับนักลงทุน เส้นทางที่เป็นไปได้มากที่สุดคือ การเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยยังมีความเสี่ยงทั้งด้านบวกและลบ ขึ้นอยู่กับทิศทางเงินเฟ้อ นโยบายดอกเบี้ย พฤติกรรมค่าเงินดอลลาร์ และความไม่แน่นอนในเศรษฐกิจโลก
คำเตือน: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อเป็นคำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็นคำแนะนำ) ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำของ EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ