เผยแพร่เมื่อ: 2025-12-01
ตลาดพันธบัตรญี่ปุ่นเริ่มฟื้นตัวในที่สุด หลังจากที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นอายุ 20 ปีพุ่งขึ้นมาอยู่ราว 2.85–2.88% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 1999 หลังจากใช้เวลาหลายปีใกล้ระดับศูนย์ สำหรับตลาดที่เคยถูกกำหนดโดยอัตราดอกเบี้ยต่ำเป็นพิเศษ การขยับครั้งนี้ไม่ใช่เพียงความผันผวนชั่วคราว แต่นับเป็น “การเปลี่ยนยุค” โดยสมบูรณ์
พันธบัตรระยะยาวพิเศษของญี่ปุ่นกำลังซื้อขายที่ระดับยีลด์ซึ่งนักลงทุนทั่วโลกจำนวนมากไม่เคยเห็นมาก่อนตลอดช่วงชีวิตการทำงานของพวกเขา การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ส่งผลกระทบในวงกว้าง ตั้งแต่กลยุทธ์ Yen Carry Trade หุ้นธนาคารญี่ปุ่น การประเมินมูลค่าพันธบัตรทั่วโลก ไปจนถึงทิศทางเงินทุนไหลเข้าออกในตลาดเกิดใหม่
ในบทความนี้ เราจะอธิบายปัจจัยที่ผลักดันให้ยีลด์ปรับตัวขึ้นอย่างแรง วิเคราะห์ภาพรวมจากมุมมองกราฟราคา และเจาะลึกว่าภูมิทัศน์อัตราผลตอบแทนแบบใหม่ของญี่ปุ่นนี้หมายถึงอะไรสำหรับนักลงทุนจริง ๆ

ณ วันที่ 1 ธันวาคม 2025 อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นอายุ 20 ปีอยู่ที่ประมาณ 2.88%
เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2025 มีการซื้อขายอยู่ที่ประมาณ 2.75% งสื่อหลายแห่งรายงานว่าเป็นระดับสูงสุดตั้งแต่ปี 1999
ก่อนหน้านี้ในเดือนสิงหาคม 2025 อัตราผลตอบแทนอยู่ที่ประมาณ 2.655% ซึ่งก็ถูกจับตาในฐานะระดับสูงสุดตั้งแต่ปี 1999 เช่นกัน
เพื่อให้เห็นภาพมากขึ้น:
พันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นอายุ 10 ปี ให้ผลตอบแทนราว 1.85% อยู่ที่ระดับสูงสุดในรอบหลายปีเช่นกัน
พันธบัตรอายุ 30 ปี และ 40 ปี ปรับขึ้นเหนือ 3.2–3.6% สะท้อนสัญญาณ Bear Steepening ชัดเจนในช่วงปลายเส้นอัตราผลตอบแทน
พูดง่ายๆ คือ เส้นอัตราผลตอบแทนของญี่ปุ่นไม่ได้ถูกกดทับโดยธนาคารกลางอีกต่อไปแล้ว ตลาดกำลังกลับมาเทรด “แบบประเทศพัฒนาแล้วทั่วไป” และกำลังเร่งปรับราคาอย่างรวดเร็ว
ครั้งสุดท้ายที่อัตราผลตอบแทน 20 ปีเคลื่อนไหวในโซนนี้คือช่วงที่:
ญี่ปุ่นกำลังเผชิญภาวะเงินฝืดหลังฟองสบู่แตก และธนาคารกลางญี่ปุ่นเพิ่งเริ่มทดลองใช้อัตราดอกเบี้ยใกล้ศูนย์
ยังไม่มีแนวคิด QE หรือการควบคุมเส้นอัตราผลตอบแทน (Yield Curve Control) แบบที่เห็นในยุคปัจจุบัน
ในยุค 1999 อัตราผลตอบแทนระดับ 2–3% คือ จุดเริ่มต้นของการผ่อนคลายนโยบายการเงิน แต่ในปี 2025 อัตราผลตอบแทนระดับเดียวกันกลับเป็นผลของการเข้มงวดทางการเงิน เพราะธนาคารกลางกำลังถอยออกจากนโยบายผ่อนคลายรุนแรงที่ดำเนินมายาวนานหลายทศวรรษ ความ “กลับด้านของบริบท” นี้เป็นปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนต้องจับตา
การพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนครั้งล่าสุดมีพื้นฐานจากการเปลี่ยนนโยบายที่ชัดเจน:
ในเดือนมีนาคม 2024 ธนาคารกลางญี่ปุ่นยุติมาตรการควบคุมเส้นอัตราผลตอบแทน (YCC) ของพันธบัตรอายุ 10 ปี และยกเลิกดอกเบี้ยติดลบ ปรับอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นมาอยู่ที่ประมาณ 0–0.1%
ภายในต้นปี 2025 มีการปรับขึ้นดอกเบี้ยหลายครั้ง จนทำให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายระยะสั้นขึ้นสู่ประมาณ 0.5% ตามรายงาน Article IV ของ IMF
ในเดือนตุลาคม 2025 BoJ คงดอกเบี้ยไว้ที่ 0.5% แต่คณะกรรมการมีความเห็นแตกต่างกัน โดย 2 คนสนับสนุนให้ขึ้นถึง 0.75% ขณะที่ผู้ว่าการอุเอดะส่งสัญญาณว่าปัจจัยเอื้อต่อการเข้มงวดเพิ่มเติมกำลังดีขึ้น
ในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนและต้นเดือนธันวาคม 2025 อุเอดะออกมาแสดงความเป็นไปได้ของการขึ้นดอกเบี้ยในเดือนธันวาคม ทำให้ค่าเงินเยนและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรญี่ปุ่นปรับตัวสูงขึ้นทันที
ประเด็นสำคัญ:
BoJ ไม่ได้เข้าซื้อพันธบัตรเพื่อกดอัตราผลตอบแทนระยะยาวเหมือนในอดีตอีกต่อไป
ตลาดคาดหวังการขึ้นดอกเบี้ยเพิ่มเติม หากเงินเฟ้อทรงตัวใกล้ 2% ซึ่งทำให้อัตราผลตอบแทนทั่วเส้นอัตราดอกเบี้ยปรับสูงขึ้น
แรงผลักสำคัญอีกด้านคือ นโยบายการคลัง:
นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ซานาเอะ ทาคาอิจิ ผลักดันแพคเกจกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ พร้อมงบประมาณเสริม รวมมูลค่าประมาณ 21 ล้านล้านเยนหรือมากกว่า ซึ่งต้องอาศัยการออกพันธบัตรรัฐบาลชุดใหม่จำนวนมาก
บทวิเคราะห์ตลาดหลายแห่งเชื่อมโยงการทำจุดสูงสุดของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 20 ปีในปี 2025 เข้ากับความกังวลเรื่องการขยายตัวของหนี้สาธารณะญี่ปุ่น
พูดตรง ๆ คือ นักลงทุนเริ่มต้องการ “ค่าชดเชยความเสี่ยง” สูงขึ้น (Term Premium) เพื่อถือพันธบัตรญี่ปุ่นอายุยาว โดยเฉพาะเมื่อ BoJ ไม่เข้าซื้อพันธบัตรอัตโนมัติเพื่อดูดซับอุปทานเหมือนเมื่อก่อน
หลังจากที่เงินเฟ้อของญี่ปุ่นพุ่งสูงกว่า 2% มาหลายปี ในที่สุด BoJ ระบุว่า เงินเฟ้อพื้นฐานที่มาจากอุปสงค์กำลังเข้าใกล้เป้าหมายอย่างแท้จริง
ค่าเงินเยนที่อ่อนค่ามากมีส่วนดันต้นทุนการนำเข้า ทำให้แรงกดดันเงินเฟ้อยังคงอยู่ แม้สัญญาณการขึ้นดอกเบี้ยเพิ่มเติมจะช่วยให้เยนฟื้นตัวบ้าง แต่ความผันผวนยังสูงมาก
อัตราผลตอบแทนในประเทศที่สูงขึ้นทำให้พันธบัตรญี่ปุ่นน่าสนใจกว่าพันธบัตรสหรัฐฯ และยุโรป ส่งผลให้สถาบันการเงินญี่ปุ่นบางส่วนเริ่มนำเงินกลับประเทศ ซึ่งอาจสร้างแรงกดดันต่อตลาดพันธบัตรต่างประเทศ โดยเฉพาะในช่วงที่อัตราผลตอบแทนทั่วโลกอยู่ในระดับสูงอยู่แล้ว
สำหรับนักลงทุน ประเด็นสำคัญคือ ญี่ปุ่นไม่ได้เป็น “จุดยึดอัตราผลตอบแทนต่ำ” ของตลาดบอนด์โลกอีกต่อไป แต่กลายเป็นแหล่งความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ยที่ต้องจับตาอย่างจริงจัง

แม้แต่ในตลาดพันธบัตร การวิเคราะห์ทางเทคนิคก็ยังสำคัญเช่นกัน ต่อไปนี้คือแผนที่เทคนิคอย่างย่อของการเคลื่อนไหวอัตราผลตอบแทนพันธบัตรญี่ปุ่นอายุ 20 ปี
| กรอบเวลา | พื้นที่อัตราผลตอบแทน | บทบาท | เหตุผลที่สำคัญ | ข้อสังเกตสำหรับนักลงทุน |
|---|---|---|---|---|
| รายวัน / รายสัปดาห์ | 2.90–2.95% | แนวต้านระยะสั้น | ใกล้ระดับสูงสุด 52 สัปดาห์ปัจจุบัน (~2.89%) และมีประวัติการเทรดเหนือบริเวณนี้น้อยมากตั้งแต่ปี 1999 | โซนแข็งสำหรับการเปิดสถานะขายใหม่ หากทะลุขึ้นไปได้ชัดเจน อาจเข้าสู่รอบ bear steepening อีกระลอก |
| รายวัน | 2.75–2.80% | แนวรับแรก | จุดพีคเดือนพฤศจิกายน (~2.75%) ที่ทำให้เกิดพาดหัว “สูงสุดตั้งแต่ปี 1999” | หากย่อตัวกลับมาทดสอบและรับอยู่ จะยืนยันว่าบริเวณนี้กลายเป็น “พื้นใหม่” ของยุคนโยบายใหม่ |
| รายวัน | 2.55–2.65% | แนวรับลึก | จุดพีคเดือนสิงหาคม (2.655%) ที่ตลาดเริ่มสะท้อน “สูงสุดตั้งแต่ปี 1999” ครั้งแรก | หากอัตราผลตอบแทนย่อลงมาถึงโซนนี้ อาจบ่งชี้ถึงสัญญาณเชิงบวกจาก BoJ/นโยบายการคลัง หรือแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยในตลาดโลก |
| รายสัปดาห์ | 2.30–2.40% | จุดหมุนระยะกลาง | โซนสะสมราคาในกลางปี 2025 ระหว่างการปรับนโยบายของ BoJ | การหลุดต่ำกว่าโซนนี้บ่งชี้ว่าตลาดเริ่มลดความคาดหวังการขึ้นดอกเบี้ยของ BoJ |
| รายสัปดาห์ / รายเดือน | ~1.80–2.00% | แนวรับระยะยาว | โซนที่เป็นยอดช่วงต้นปี 2025 และเป็นช่วงล่างของกรอบ 52 สัปดาห์ปัจจุบัน (~1.82%) | มีโอกาสเกิดขึ้นหากเศรษฐกิจชะลอแรง หรือ BoJ ส่งสัญญาณหยุดขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งจะเป็นสัญญาณบวกต่อผู้ถือพันธบัตรอย่างมาก |
อ้างอิงจากระดับอัตราผลตอบแทนปัจจุบันและรูปทรงของเส้นอัตราผลตอบแทน:
แนวโน้ม :
แนวโน้มรายเดือนและรายสัปดาห์ของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรญี่ปุ่นอายุ 20 ปี ยังคงเป็นขาขึ้นอย่างชัดเจน (ลักษณะของตลาดบอนด์ที่เป็นขาลงตามหลักคลาสสิก)
การปรับตัวขึ้นครั้งนี้มีลักษณะคล้ายการเบรกฐานระยะยาวหลายปี หลังจากอัตราผลตอบแทนถูกกดทับมายาวนานกว่าทศวรรษ
โมเมนตัม :
ความเร็วของการพุ่งขึ้นจากราว 2% ไปเกือบ 2.9% ภายในเวลาไม่ถึงปี บ่งชี้ว่าโมเมนตัมในกรอบรายวันเข้าสู่โซนร้อนแรงเกินไป (overbought) แม้ว่าแนวโน้มระยะยาวยังคงอยู่ในช่วงก่อตัวและขยายตัวต่อเนื่อง
เส้นอัตราผลตอบแทน (Curve) :
โครงสร้างตลาดขณะนี้เป็น Bear Steepening เด่นชัด: อัตราผลตอบแทนระยะยาวปรับขึ้นเร็วกว่าอัตราผลตอบแทนระยะสั้น เพราะตลาดให้ความสำคัญกับความเสี่ยงด้านการคลัง และค่าชดเชยความเสี่ยง (term premium) มากกว่าความเป็นไปได้ของการขึ้นดอกเบี้ยในระยะใกล้
สรุปสำหรับนักลงทุน ในแง่ของผลตอบแทน ตลาดกำลังอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นแรงพร้อมโมเมนตัมที่ตึงตัว ในมุมของราคา ราคาพันธบัตรอยู่ในแนวโน้มขาลงชัดเจน การดีดตัวของราคา (การลดลงของอัตราผลตอบแทน) มีแนวโน้มจะถูกขายทำกำไร จนกว่าปัจจัยมหภาคโดยรวมจะเปลี่ยนแปลง

กลุ่มที่ได้ประโยชน์:
ธนาคารและบริษัทประกันภัย
อัตราผลตอบแทนระยะยาวที่สูงขึ้นทำให้เส้นอัตราผลตอบแทนชันขึ้น ช่วยหนุนส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (Net Interest Margin)
บริษัทประกันชีวิต ซึ่งต้องการสินทรัพย์อายุยาวเพื่อจับคู่กับภาระผูกพัน สามารถลงทุนในระดับผลตอบแทนที่น่าสนใจกว่าในรอบหลายสิบปี
ครัวเรือนที่ซื้อพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่น (JGBs)
แคมเปญขายพันธบัตรให้รายย่อยเริ่มมีจุดขายโดดเด่นขึ้น เพราะอัตราผลตอบแทนสูงที่สุดในรอบกว่า 20 ปี
กลุ่มที่เสียประโยชน์และความเสี่ยง:
ผู้ถือพันธบัตรอายุยาวเป็นพอร์ตเดิม เผชิญขาดทุนตามมูลค่าตลาด (mark-to-market) เพราะราคาพันธบัตรลดลง
นักลงทุนประเภทที่ต้องบริหารตามภาระหนี้สิน (Liability-driven investors) อาจเจ็บตัวระยะสั้น แม้ผลตอบแทนระยะยาวจะดีขึ้นก็ตาม
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรญี่ปุ่นอายุ 20 ปีที่สูงขึ้น ทำให้เกิดการแข่งขันกับพันธบัตรสหรัฐฯ (U.S. Treasuries) และบุนด์เยอรมนี ซึ่งเคยเป็นปลายทาง “ผลตอบแทนปลอดภัย” มาตรฐาน
หากกองทุนญี่ปุ่นนำเงินกลับประเทศมากขึ้น อาจดันผลตอบแทนพันธบัตรต่างประเทศให้สูงขึ้น โดยเฉพาะประเทศที่นักลงทุนญี่ปุ่นถือสัดส่วนมาก เช่น ออสเตรเลีย และพันธบัตรยุโรปบางประเทศ
สำหรับพอร์ตการลงทุนแบบ Multi-Asset ระดับโลก ญี่ปุ่นไม่ใช่แค่เรื่อง “หุ้น/ค่าเงิน” อีกต่อไป แต่กลับมาเป็นสินทรัพย์ด้านอัตราดอกเบี้ยที่ต้องพิจารณาอย่างจริงจัง
การเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนระยะยาว ผนวกกับความเป็นไปได้ของการขึ้นดอกเบี้ยโดย BoJ ทำให้ การทำ Carry Trade โดยขายเยน ไม่ใช่ทางเลือกแบบ "ทางเดียว" อีกต่อไป
หาก BoJ ขึ้นดอกเบี้ยเพิ่มเติมและยอมให้เงื่อนไขทางการเงินตึงตัวมากขึ้น ค่าเงินเยนอาจได้รับแรงหนุนที่มั่นคงขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับสกุลเงินที่ให้ผลตอบแทนต่ำ
อย่างไรก็ตาม ตราบใดที่อัตราผลตอบแทนของสหรัฐฯ และยุโรปยังอยู่ในระดับสูง เยนก็ยังคงเป็นสกุลเงินสำหรับกู้ยืม (funding currency) เพียงแต่ส่วนต่างดอกเบี้ยเริ่มแคบลง
เหตุผลที่อาจพิจารณาเริ่มเพิ่มการลงทุนในพันธบัตรอายุ 20 ปี (หรือขยาย Duration เล็กน้อย):
ขณะนี้คุณ “ได้รับค่าตอบแทนจริง” สำหรับการรับความเสี่ยงด้านอายุพันธบัตรในญี่ปุ่น ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นตั้งแต่ปลายทศวรรษ 1990
หาก BoJ หยุดขึ้นดอกเบี้ยแถว 0.75% และเงินเฟ้อทรงตัวใกล้ 2% การล็อกอัตราผลตอบแทนใกล้ 3% จากพันธบัตรรัฐบาลคุณภาพสูง ถือว่าเป็นดีลที่สมเหตุสมผลในมุมมอง 5–10 ปี
หากเศรษฐกิจโลกสะดุด หรือ BoJ ส่งสัญญาณชะลอการขึ้นดอกเบี้ย อาจเกิดแรงซื้อกลับ (rally) ในพันธบัตรญี่ปุ่นระยะยาวได้แรง
สิ่งที่ต้องระวัง:
อย่าคิดว่าจุดสูงสุดของอัตราผลตอบแทนมาแล้วเพียงเพราะเห็นพาดหัว “สูงสุดตั้งแต่ปี 1999” หากความกังวลด้านการคลังเพิ่มขึ้น และ BoJ ยังส่งสัญญาณเข้มงวด อัตราผลตอบแทนอาจปรับขึ้นเกินคาด และอาจแตะบริเวณ 3.0–3.2%
ประเด็นสำคัญที่ต้องจับตา:
โซน 2.75–2.80% เป็นแนวรับแรก หากอัตราผลตอบแทนลดลงต่ำกว่า (แปลว่าราคาพันธบัตรดีดขึ้น) จะช่วยลดแรงกดดันบางส่วน
ข่าวการประชุม BoJ ช่วง ธันวาคม 2025 และต้นปี 2026 การขึ้นดอกเบี้ยหรือการคงดอกเบี้ยแบบผ่อนคลายสามารถกำหนดทิศทางระลอกใหญ่ถัดไป
ข่าวนโยบายการคลังจากโตเกียว หากมีสัญญาณของการควบคุมงบประมาณหรือลดการขยายตัวของหนี้ อาจช่วยลดส่วนต่างผลตอบแทน (term spreads)
ในทางปฏิบัติ นักลงทุนจำนวนมากจะ:
ลดระยะเวลาในการซื้อขายบางส่วน แต่ยังคงกลยุทธ์ เทรดตามส่วนต่างเส้นอัตราผลตอบแทน (Curve Trades) เช่น Long 10Y / Short 20Y หรือ 30Y หากยังคาดว่า Bear Steepening จะดำเนินต่อ
ธนาคาร/บริษัทประกันภัย: ผอัตราผลตอบแทนระยะยาวที่สูงขึ้นเป็นผลบวก โดยเฉพาะถ้าคุณภาพสินเชื่อยังแข็งแกร่ง
REIT และหุ้นปันผลสูง: อาจเผชิญแรงกดดัน เพราะอัตราผลตอบแทนท้องถิ่นสูงขึ้นจนเป็นทางเลือกแทนสินทรัพย์ปันผลได้
ผู้ส่งออก: หากอัตราผลตอบแทนญี่ปุ่นสูงขึ้นเร็วกว่าต่างประเทศ และค่าเงินเยนแข็งขึ้น กำไรอาจถูกกดดันจากอัตราแลกเปลี่ยนแม้ว่าสภาพแวดล้อมดอกเบี้ยในประเทศจะเอื้อก็ตาม
สำหรับตลาด FX: กฎง่าย ๆ ที่ใช้คิดตาม:
BoJ ขึ้นดอกเบี้ยเพิ่ม + อัตราผลตอบแทน 20 ปีสูงขึ้น ในขณะที่อัตราผลตอบแทนสหรัฐฯ ทรงตัวหรือลดลง → แนวโน้มเป็นบวกต่อเงินเยน
แต่หากสหรัฐฯ / ยุโรปยังคง Hawkish หรือมีการปรับคาดการณ์ดอกเบี้ยสูงขึ้น→ ค่าเงินเยนยังมีโอกาสฟื้นตัวยาก ไม่สามารถสร้างโมเมนตัมแข็งค่าได้อย่างยั่งยืน
เพราะนักลงทุนต้องการค่าตอบแทนเพิ่มเติมเพื่อชดเชยความเสี่ยงด้านการคลังระยะยาว และความไม่แน่นอนเกี่ยวกับทิศทางสุดท้ายของนโยบายดอกเบี้ยและงบดุลของ BoJ ปัจจัยเหล่านี้ทำให้พันธบัตรอายุยาวต้องให้ผลตอบแทนสูงขึ้นเพื่อดึงดูดผู้ถือครอง
ไม่ใช่ อัตราผลตอบแทนกำลังปรับขึ้นจากระดับที่ต่ำมาก และทิศทางยังคงอยู่ในกรอบที่ตลาดควบคุมได้ อย่างไรก็ตาม ตลาดกำลังทดสอบว่าอัตราผลตอบแทนสามารถปรับขึ้นได้ไกลแค่ไหน ก่อนที่ BoJ หรือกระทรวงการคลังจะเริ่มแสดงท่าทีตอบสนอง
สำหรับนักลงทุนที่ไม่ใช่ชาวญี่ปุ่น ความเสี่ยงค่าเงินกลายเป็นปัจจัยสำคัญต่อผลตอบแทนสุทธิ หากคุณคาดว่า BoJ จะเข้มงวดนโยบายต่อเนื่อง และเงินเยนมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น อาจพิจารณาถือแบบ ไม่ป้องกันความเสี่ยง (unhedged) ได้บางส่วน แต่ถ้าไม่มั่นใจในทิศทางเงินเยน การป้องกันความเสี่ยงยังเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยกว่า
มีโอกาสน้อยมาก เพราะ BoJ ได้ถอยจากมาตรการควบคุมเส้นอัตราผลตอบแทน (YCC) อย่างเป็นทางการแล้ว และย้ำว่าต้องการให้ตลาดมีบทบาทมากขึ้น ดังนั้นการกลับมาตั้งเพดานอัตราผลตอบแทนอายุ 20 ปีแบบเดิมไม่น่าจะเกิดขึ้น
โดยสรุปแล้ว พันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นอายุ 20 ปี ไม่ใช่มุมเงียบของตลาดพันธบัตรโลกอีกต่อไป ด้วยอัตราผลตอบแทนที่ใกล้ 2.9% ตลาดกำลังสะท้อนให้เห็นว่า BoJ เดินหน้าสู่นโยบายการเงิน “แบบปกติ” และนักลงทุนเริ่มประเมินความเสี่ยงด้านการคลังและค่าชดเชยความเสี่ยงระยะยาว (term premium) อย่างจริงจังเสียที
สำหรับนักลงทุนชาวญี่ปุ่น สิ่งนี้นำมาซึ่งทั้งความเจ็บปวดและโอกาส สำหรับนักลงทุนทั่วโลก ญี่ปุ่นกลับมามีความสำคัญอีกครั้งในฐานะเรื่องราวผลตอบแทน ไม่ใช่แค่เรื่องค่าเงินเหมือนที่ผ่านมา และสำหรับผู้จัดการพอร์ตแบบหลายสินทรัพย์ การเมินพันธบัตรญี่ปุ่นอายุ 20 ปีในตอนนี้ อาจไม่ใช่ความหรูหราที่ทำได้อีกต่อไป
สิ่งสำคัญคืออย่าตอบสนองมากเกินไปในระดับใดระดับหนึ่ง แแต่คือการเข้าใจการเปลี่ยนยุค (regime shift): ยุคของอัตราผลตอบแทนระยะยาวของญี่ปุ่นที่ถูกกดไว้ได้สิ้นสุดลงแล้ว
ข้อสงวนสิทธิ์: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนา (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ได้เป็นคำแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ