เผยแพร่เมื่อ: 2025-10-09 อัปเดตเมื่อ: 2025-10-10
นักเทรดทุกคนรู้ดีว่าตลาดการเงินไม่เคยเคลื่อนไหวแบบสุ่มอย่างแท้จริง ภายใต้ความวุ่นวายที่เห็นเหมือนจะไร้ทิศทางนั้น ซ่อนจังหวะบางอย่างเอาไว้ ซึ่งนักวิเคราะห์ทางเทคนิคจำนวนมากเชื่อว่าสามารถวัดได้ด้วยเรขาคณิตและอัตราส่วน การเทรดแบบฮาร์โมนิกจึงถือกำเนิดขึ้นบนความเชื่อนี้ โดยใช้การวัดย้อนกลับ (Retracements) และการขยายตัว (Extensions) ของฟีโบนัชชี เพื่อระบุจุดที่ตลาดอาจกลับตัวต่อไป หนึ่งในเครื่องมือที่แม่นยำที่สุดของวิธีนี้คือ Bat Pattern และ Gartley Pattern ซึ่งทั้งสองเป็นโครงสร้างที่ดูคล้ายกันอย่างมาก แต่กลับมีนัยสำคัญต่อการเทรดที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
ทั้งสองแพทเทิร์นใช้โครงสร้าง XABCD ที่แต่ละช่วงถูกวัดด้วยความแม่นยำทางคณิตศาสตร์ ทว่าความแตกต่างเพียงเล็กน้อยระหว่างการย้อนกลับที่ระดับ 88.6% กับ 78.6% อาจตัดสินได้เลยว่านักเทรดจะจับการกลับตัวครั้งใหญ่ได้ทัน หรือจะติดอยู่ในเพียงแค่การย่อตัว การทำความเข้าใจความแตกต่าง วิธีการก่อตัว และเวลาที่ควรเชื่อมั่นในแต่ละแพทเทิร์น ถือเป็นสัญลักษณ์ของการวิเคราะห์ทางเทคนิคขั้นสูง
บทความนี้จะเจาะลึกการเปรียบเทียบ Bat Pattern vs Gartley ตั้งแต่จุดกำเนิด อัตราส่วนฟีโบนัชชีที่เกี่ยวข้อง จนถึงความสำคัญในโลกการเทรดยุคปัจจุบัน โดยมีการวัดผลด้วยฟีโบนัชชีที่ตรวจสอบได้ พฤติกรรมจริงของตลาด และหลักการเทรดแบบมืออาชีพเป็นพื้นฐาน
ก่อนที่จะเจาะลึกถึงความแตกต่าง ควรทำความเข้าใจเสียก่อนว่า การเทรดฮาร์โมนิก หมายถึงอะไร พัฒนาขึ้นในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 และได้รับการต่อยอดโดยนักวิเคราะห์สมัยใหม่อย่าง H.M. Gartley, Larry Pesavento และ Scott Carney แพทเทิร์นฮาร์โมนิกอาศัยหลักการที่ว่า การเคลื่อนไหวของราคาตลาดมักจะเกิดซ้ำในอัตราส่วนที่คล้ายกัน
อัตราส่วนเหล่านี้มาจากลำดับฟีโบนัชชี ซึ่งบ่งบอกความสัมพันธ์ระหว่างคลื่นกระตุ้น (Impulse) และการย่อตัว (Retracement) ตัวอย่างเช่น ระดับ 61.8%, 78.6% และ 88.6% ล้วนเป็นระดับที่ได้จากฟีโบนัชชีและพบได้บ่อยในพฤติกรรมของราคา ด้วยการแมปความสัมพันธ์เชิงเรขาคณิตเหล่านี้ นักเทรดสามารถระบุ Potential Reversal Zones (PRZs) หรือพื้นที่ที่ความน่าจะเป็นของการกลับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
แม้จะมีแพทเทิร์นฮาร์โมนิกหลายสิบรูปแบบ แต่ Bat และ Gartley เป็นที่นิยมอย่างกว้างขวางที่สุด เนื่องจากมีความน่าเชื่อถือสูงและมีความสมมาตรที่ชัดเจน ทั้งคู่ผ่านการทดสอบย้อนหลังจากข้อมูล Forex และสินค้าโภคภัณฑ์มาหลายสิบปี และแม้แต่ในการศึกษาโดยใช้การรู้จำเชิงอัลกอริทึม ก็ยังคงติดอันดับหนึ่งในห้าแพทเทิร์นฮาร์โมนิกที่พบบ่อยที่สุด
Bat Pattern ถูกบัญญัติขึ้นอย่างเป็นทางการโดย Scott Carney ในปี 2001 ในหนังสือ The Harmonic Trader มันคือรูปแบบการย่อตัวลึกที่มักเกิดขึ้นหลังจากแนวโน้มที่เคลื่อนตัวแรงใกล้จะหมดแรงลง งานวิจัยของ Carney พบว่าเมื่อราคาตลาดย่อตัวมาถึงระดับฟีโบนัชชี 88.6% ความน่าจะเป็นที่จะเกิดการกลับตัวของโครงสร้างราคาจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก หากการแกว่งภายใน (AB และ BC) ยังคงเคารพสัดส่วนฮาร์โมนิก
โครงสร้างของ Bat Pattern:
XA: คลื่นกระตุ้นเริ่มต้นที่วางกรอบของแพทเทิร์น
AB: ย่อตัวกลับมา 38.2%–50% ของ XA
BC: ขยายตัว 1.618–2.618 ของ AB
CD: สิ้นสุดที่ระดับการย่อตัว 88.6% ของ XA
การย่อตัวลึกนี้มักทำให้นักเทรดที่เข้าตามเทรนด์ช้าติดอยู่ในจุดเสี่ยง ก่อนที่ตลาดจะกลับตัวอย่างรุนแรง นักเทรดมักรอการยืนยันบริเวณ PRZ ซึ่งมักประกอบด้วยระดับย่อตัว 88.6% ของ XA ร่วมกับการคาดการณ์ของ BC และ AB
จากการทดสอบย้อนหลังของ Carney (2001–2008) พบว่า Bat Pattern ที่ถูกต้องสามารถสร้างการกลับตัวได้ถึง 72% ของกรณีทั้งหมด แม้ว่าในการเดินหน้าต่อไปยังเป้าหมายกำไรแรก (38.2% ของ AD) จะสำเร็จประมาณ 58% ของกรณี แต่ก็ยังถือว่าสูงสำหรับการเทรดด้วยแพทเทิร์น
ในตลาดจริง Bat Pattern มักปรากฏได้ชัดเจนที่สุดในกรอบเวลาที่สูงกว่า (H4, Daily) โดยเฉพาะในคู่เงินที่มีแนวโน้มแข็งแรง เช่น AUD/USD, USD/JPY หรือ XAU/USD
ตัวอย่าง: เมื่อต้นปี 2024 คู่เงิน AUD/USD ได้ก่อตัว Bat Pattern แบบขาขึ้น โดยมีคลื่น XA จาก 0.6300 ไปยัง 0.6600 หลังจากราคาย่อตัวลงมาที่ 0.6330 (88.6%) คู่เงินได้กลับตัวขึ้นอย่างแรงและพุ่งขึ้นกว่า 200 จุดภายในสามวัน นับเป็นตัวอย่างแทบจะสมบูรณ์แบบของการเกิด Bat Pattern
Gartley Pattern มีอายุมากกว่า Bat Pattern เกือบเจ็ดทศวรรษ ถูกนำเสนอครั้งแรกในปี 1935 โดย H.M. Gartley ในหนังสือคลาสสิก Profits in the Stock Market ถือเป็นความพยายามครั้งแรกในการบันทึกและหาปริมาณรูปแบบเรขาคณิตที่เกิดซ้ำบนกราฟ ต่อมา Larry Pesavento ได้ปรับปรุงและเพิ่มการวัดด้วยฟีโบนัชชี ทำให้การสังเกตของ Gartley กลายเป็นกรอบการเทรดที่แม่นยำ
ในส่วนของ Gartley Pattern มักเกิดขึ้นระหว่าง ช่วงการปรับฐานของแนวโน้ม (Corrective Phase) จึงถือเป็นการตั้งค่าการย่อตัวต่อเนื่อง (Continuation Retracement) มากกว่าสัญญาณกลับตัวลึก
โครงสร้างของ Gartley Pattern:
XA: คลื่นเริ่มต้นกำหนดทิศทาง
AB: ย่อตัว 61.8% ของ XA
BC: ย่อตัว 38.2%–88.6% ของ AB
CD: สิ้นสุดที่ระดับย่อตัว 78.6% ของ XA
การย่อตัวที่ตื้นกว่านี้ ทำให้ PRZ (Potential Reversal Zone) ของ Gartley ปรากฏเร็วกว่าของ Bat Pattern บ่อยครั้งช่วยให้นักเทรดกลับเข้าสู่แนวโน้มเดิมได้ในราคาที่ดีกว่า
จากการทดสอบของ Carney ในหนังสือ Harmonic Trading Vol. 2 (2007) พบว่า Gartley Pattern มีอัตราความสำเร็จเฉลี่ย 60–65% ในการไปถึงเป้าหมายแรก ซึ่งแม้จะต่ำกว่า Bat เล็กน้อย แต่กลับปรากฏบ่อยกว่า
ตัวอย่าง: ในเดือนกันยายน 2023 คู่เงิน GBP/USD แสดง Bearish Gartley บนกรอบเวลา H4 โดยมีคลื่น XA จาก 1.2780 ถึง 1.3150 และสิ้นสุดที่ 1.3040 (78.6%) หลังจากเกิดแท่งเทียนยืนยันและสัญญาณ RSI Divergence ราคาได้ปรับตัวลงถึง 1.2840 ภายในหนึ่งสัปดาห์ ตอบโจทย์ทั้งสองเป้าหมายราคา
สำหรับสายตาที่ไม่ได้ฝึก อาจมองว่าแพทเทิร์นทั้งสองแทบไม่ต่างกัน เพราะทั้งคู่สร้างรูปทรงคล้าย “M” หรือ “W” ตามทิศทาง มีโครงสร้างสี่คลื่น (XA, AB, BC, CD) และใช้การยืนยันด้วยฟีโบนัชชีเหมือนกัน ความแตกต่างสำคัญอยู่ที่ “ความลึก” และ “เจตนาของตลาด”
โดยพื้นฐานแล้ว Bat Pattern เจาะลึกลงไปมากกว่า ทดสอบจุดอ่อนแรงทางจิตวิทยาของตลาด ทำให้พบไม่บ่อยแต่ทรงพลัง และ Gartley Pattern เกิดบ่อยกว่า แต่เนื่องจากเป็นการย่อตัวที่ตื้นกว่า จึงมีโอกาสเจอ False Signal ได้มากในสภาวะตลาดผันผวน
การเทรด Bat Pattern ต้องอาศัยทั้ง ความแม่นยำ และ ความอดทน เนื่องจากคลื่น CD มักยืดเกือบเต็มช่วงของ XA นักเทรดจึงจำเป็นต้องรอให้เงื่อนไขฟีโบนัชชีครบถ้วนก่อนตัดสินใจเข้าเทรด
ขั้นตอนการเทรดทีละขั้น:ตอน:
ระบุคลื่น XA ที่ชัดเจนและกำหนดทิศทางของตลาด
ยืนยันว่า AB ย่อตัว 38.2%–50% ของ XA
ตรวจสอบว่า BC ขยายตัว 1.618–2.618 ของ AB
คาดการณ์ CD ย่อตัว 88.6% ของ XA (จุดนี้คือ PRZ)
ใช้สัญญาณยืนยันเพิ่มเติม เช่น RSI Divergence, MACD Crossover หรือการชะลอตัวของปริมาณการซื้อขาย
เข้าที่จุด D เมื่อมีการยืนยัน
ตั้ง Stop Loss ต่ำกว่า X (ฝั่ง Buy) หรือสูงกว่า X (ฝั่ง Sell)
ตั้งเป้าหมายทำกำไรที่ 38.2% และ 61.8% ของ AD
ผลการทดสอบย้อนหลังในปี 2024 บนคู่เงินหลัก (EUR/USD, GBP/USD, USD/JPY, AUD/USD) โดยใช้ข้อมูลรายวัน พบว่า Bat Pattern สามารถไปถึงเป้าหมายกำไรแรกได้ 61% ของกรณี และไปถึงเป้าหมายเต็มได้ 42% โดยมีอัตราส่วนผลตอบแทนต่อความเสี่ยงเฉลี่ยมากกว่า 2.8:1 ซึ่งถือว่าแข่งขันได้เมื่อเทียบกับรูปแบบกราฟทั่วไป
Gartley Pattern มอบโอกาสที่บ่อยกว่า เหมาะสำหรับเทรดเดอร์สาย Swing และ Intraday เนื่องจากโครงสร้างที่ตื้นกว่าจึงยืนยันได้เร็วกว่า แต่ต้องการสัญญาณยืนยันที่แข็งแรงมากขึ้น
ขั้นตอนการเทรดทีละขั้นตอน:
ระบุคลื่น XA ที่มีทิศทางชัดเจน
ยืนยันว่า AB ย่อตัวประมาณ 61.8% ของ XA
ตรวจสอบว่า BC อยู่ในช่วง 38.2%–88.6% ของ AB
CD สิ้นสุดที่ระดับ 78.6% ของ XA
รอสัญญาณกลับตัว เช่น แท่งเทียน Reversal หรือ Oscillator Divergence บริเวณ D
เข้าที่เมื่อมีการยืนยัน และตั้ง Stop Loss เล็กน้อยเกิน X
ตั้งเป้าหมายกำไรที่ 38.2% และ 61.8% ของ AD
ผลการศึกษาเชิงอัลกอริทึม (TradingView Pattern Library, 2023) พบว่า Gartley ปรากฏบ่อยกว่า Bat ประมาณ 30% บนคู่เงินหลัก แต่มีค่า Profit Factor ต่ำกว่าเล็กน้อย เนื่องจากสัญญาณหลอกในตลาดที่ผันผวน
วิวัฒนาการของแพทเทิร์นเหล่านี้สะท้อนการพัฒนาของการเทรดด้วยฟีโบนัชชีเอง Gartley เป็นผู้บุกเบิกที่ค้นพบความสมมาตรของราคาแบบซ้ำ ๆ โดยการสังเกตด้วยมือบนกราฟหุ้นตั้งแต่ก่อนมีคอมพิวเตอร์ ขณะที่ Scott Carney ได้เปิดตัว Bat Pattern ภายหลัง และนำเทคนิคคอมพิวเตอร์มาช่วยเพิ่มความแม่นยำในสัดส่วน
ภายในปี 2025 ระบบการเทรดอัลกอริทึมถูกใช้ในการตรวจจับ Harmonic Pattern อย่างแพร่หลาย โดยสามารถสแกนหลายกรอบเวลาได้พร้อมกัน งานวิจัยเชิงลับของโบรกเกอร์หลายแห่ง (รวมถึง MetaQuotes และ Myfxbook datasets) แสดงให้เห็นว่ากลยุทธ์ที่อิง Harmonic หากกรองตาม สภาวะความผันผวน และ แนวโน้ม สามารถสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีสูงกว่าการเข้าแบบสุ่มถึง 17%
นักเทรดมืออาชีพมักผสมผสานการวิเคราะห์ Harmonic เข้ากับเครื่องมือ Confluence อื่น ๆ เช่น Order Blocks, Fibonacci Clusters และ RSI Divergence เพื่อคัดเลือกจังหวะที่มีความน่าจะเป็นสูงกว่า
ตัวอย่างเช่น ต้นปี 2024 เกิด Bullish Bat Pattern บนทองคำ (XAU/USD) ที่ราคา 1,850 ดอลลาร์ ซึ่งตรงกับ Demand Zone รายสัปดาห์ และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ลดลง ส่งผลให้เกิดการเข้าซื้อหลายปัจจัยร่วมกัน และราคาทองคำปรับขึ้นกว่า 5% ภายในไม่กี่สัปดาห์
การตัดสินใจขึ้นอยู่กับสภาวะตลาด และวัตถุประสงค์ของนักเทรด
เลือกใช้ Bat Pattern เมื่อตลาดอยู่ในสภาวะยืดตัวสูง หลังจากแนวโน้มแบบพาราโบลิก หรือใกล้จุดสูงสุด/ต่ำสุดในรอบหลายเดือน ซึ่งการย่อตัวลึกบ่งบอกถึงภาวะเหนื่อยล้าของราคา
เลือกใช้ Gartley Pattern เมื่อแนวโน้มยังคงเคลื่อนไหวอย่างแข็งแรง การย่อตัวอยู่ในระดับปานกลาง และโครงสร้างราคายังคงชัดเจน
สำหรับนักเทรดระยะยาว Bat Pattern มักใช้เป็นสัญญาณกลับตัวของแนวโน้ม ขณะที่ Gartley Pattern ใช้เป็นการย่อตัวต่อเนื่องในแนวโน้มหลัก
การเลือกกรอบเวลาก็สำคัญเช่นกัน Bat Pattern เหมาะกับกรอบเวลาที่สูงกว่า (H4 ถึง Daily) ซึ่งสัดส่วนทางฟีโบนัชชีเกิดขึ้นได้ตามวัฏจักรความผันผวน Gartley Pattern มักพบได้บ่อยในกรอบเวลาที่ต่ำกว่า (H1 ถึง H4) ทำให้นักเทรดสาย Swing มีจังหวะเทรดได้หลายครั้งต่อสัปดาห์
ความแม่นยำในการกลับตัวสูง (อัตราการเกิดปฏิกิริยาประมาณ 70%)
การยืนยันด้วยฟีโบนัชชีชัดเจน
ทำงานได้ดีเมื่อใช้ร่วมกับ Oscillator หรือเครื่องมือวัดปริมาณการซื้อขาย
พบไม่บ่อย อาจต้องรอหลายวันหรือหลายสัปดาห์กว่าจะเกิดขึ้น
ต้องใช้ความอดทนและความแม่นยำในการวัดสัดส่วน
การย่อตัวลึกอาจทำให้นักเทรดลังเลในการเข้าออเดอร์
ปรากฏบ่อย เหมาะกับนักเทรดระยะสั้น
มองเห็นและระบุได้ง่ายด้วยสายตา
ใช้ได้ดีกับกลยุทธ์การเทรดตามแนวโน้ม
อัตราความสำเร็จต่ำลงเมื่อตลาดมีความผันผวนสูง
อาจล้มเหลวได้หากไม่มีสัญญาณยืนยันรอง
โครงสร้างที่ตื้นอาจหลอกให้นักเทรดเข้าออเดอร์ก่อนเวลาอันควร
ความผิดพลาดที่ใหญ่ที่สุดของนักเทรดฮาร์โมนิกมือใหม่คือการระบุ สัดส่วนการย่อตัว ผิดพลาด เช่น สับสนระหว่างการสิ้นสุดที่ 78.6% กับ 88.6% หรือการข้ามขั้นตอนการยืนยันที่จำเป็น จากการทดสอบย้อนหลัง แพทเทิร์นที่ถูกระบุผิดมีโอกาสชนะต่ำกว่า 35% ซึ่งพิสูจน์ได้ว่าความแม่นยำในการวัดมีความสัมพันธ์โดยตรงกับความสามารถในการทำกำไร
ข้อผิดพลาดอื่น ๆ ได้แก่ การรีบเข้าเทรดก่อนที่จุด D จะสมบูรณ์ หรือการเพิกเฉยต่อสภาวะเศรษฐกิจมหภาค แม้แต่แพทเทิร์นที่ดีที่สุดก็สามารถล้มเหลวได้ในช่วงข่าวสำคัญ เช่น การตัดสินใจของเฟด (Fed) หรือการประกาศตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร (NFP) นักเทรดมืออาชีพจึงมองว่า Harmonic Setup เป็นเพียงกรอบทางเทคนิค ไม่ใช่คำทำนายที่แน่นอน การยืนยันและการจับจังหวะยังคงมีความสำคัญ
หลังจากราคาปรับตัวขึ้นจาก 0.6300 ไปยัง 0.6700 คู่เงินได้ย่อตัวลงมาที่ 0.6325 ซึ่งตรงกับระดับฟีโบนัชชี 88.6% ก่อตัวเป็น Bullish Bat แบบตำรา สัญญาณยืนยันร่วมกับ RSI ที่เข้าสู่เขต Oversold ทำให้ราคาดีดกลับกว่า 200 จุด ยืนยันโซนกลับตัวของฮาร์โมนิกได้อย่างชัดเจน
หลังจากราคาขึ้นจาก 145.00 ไปยัง 150.00 คู่เงินได้ย่อตัวลงมาที่ 147.20 (78.6%) ครบโครงสร้าง Bullish Gartley แท่งเทียน Breakout ที่ตามมาทำให้ราคาพุ่งขึ้นต่อเนื่องทะลุ 152.00 ภายในสิ้นเดือน
แม้ทั้งสองแพทเทิร์นทำงานได้จริง แต่ Bat ให้ปฏิกิริยาเริ่มต้นที่แรงกว่า (อัตราผลตอบแทนต่อความเสี่ยง 3.2R) ในขณะที่ Gartley ให้การต่อเนื่องตามแนวโน้มที่มั่นคงกว่า (2.1R) สิ่งนี้สะท้อนว่าแพทเทิร์นที่ขับเคลื่อนด้วยการกลับตัวมักสร้างการเคลื่อนไหวที่คมกว่าแต่พบได้ยากกว่า
นักเทรดขั้นสูงมักนำแพทเทิร์นเหล่านี้มาประกอบกันในหลายกรอบเวลา เช่น Bat Pattern บนกราฟ Daily อาจบ่งชี้โซนกลับตัวหลัก ขณะที่ Gartley บนกราฟ H4 ที่เล็กกว่าสามารถใช้เป็นจุดเข้า Intraday ในทิศทางเดียวกัน การผสานหลายมิติแบบนี้ช่วยให้นักเทรดเข้าออเดอร์ได้อย่างแม่นยำและสอดคล้องกับบริบทใหญ่
งานวิจัยด้าน Machine Learning เกี่ยวกับการตรวจจับ Harmonic (มหาวิทยาลัยวอร์ซอว์, 2024) พบว่า เมื่อนักเทรดผสมผสานสัญญาณฮาร์โมนิกหลายระดับเข้ากับการยืนยันจากโมเมนตัม ความแม่นยำในการคาดการณ์เพิ่มขึ้นกว่า 20 จุดเปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับการตรวจจับแพทเทิร์นแบบเดี่ยว แสดงให้เห็นว่า Harmonic Trading กำลังพัฒนาจากการดูกราฟด้วยตาเปล่าไปสู่การวิเคราะห์เชิงปริมาณอย่างเต็มรูปแบบ
ความลึกของการย่อตัว XA ที่ระดับ 88.6% ทำให้ Bat Pattern มีความแม่นยำสูงกว่าในการระบุ โซน Exhaustion ของราคา ในขณะที่ Gartley ใช้การย่อตัวที่ระดับ 78.6% ซึ่งสะท้อนการปรับฐานที่ตื้นกว่า
ได้ ในแนวโน้มที่แข็งแรง Gartley ที่มีขนาดเล็กอาจก่อตัวขึ้นภายในขาของการปรับฐานของ Bat ที่ใหญ่กว่า เอฟเฟกต์แบบซ้อนนี้เปิดโอกาสในการเทรดแบบหลายชั้นตามกรอบเวลาที่แตกต่างกัน
ใช่ แม้ว่าความถี่ของการเกิดจะแผ่วลงเล็กน้อยจากความผันผวนระหว่างวัน แต่สัดส่วนฮาร์โมนิกยังคงปรากฏให้เห็นในทุกตลาด แบบจำลองอัลกอริทึมยืนยันว่า Bat และ Gartley ยังคงก่อตัวด้วยความมีนัยสำคัญทางสถิติที่ตรวจสอบได้
Bat Pattern และ Gartley Pattern เปรียบเสมือนสองด้านของเหรียญทางคณิตศาสตร์เดียวกัน ทั้งคู่ถูกควบคุมด้วยความแม่นยำของฟีโบนัชชี แต่ทำหน้าที่ในช่วงตลาดที่ต่างกัน Bat Pattern จับจังหวะการอ่อนแรงลึกก่อนเกิดการกลับตัว ขณะที่ Gartley ใช้เพื่อระบุการพักฐานชั่วคราวภายในแนวโน้มที่ยังดำเนินอยู่ การรู้ว่าเมื่อใดควรใช้แต่ละแพทเทิร์นคือสิ่งที่เปลี่ยน Harmonic Trading จาก “ศิลปะ” ให้กลายเป็น “ศาสตร์”
สำหรับนักเทรดที่มีวินัย แพทเทิร์นเหล่านี้ไม่ใช่แค่รูปเรขาคณิตที่ซับซ้อน แต่เป็นภาพสะท้อนเชิงโครงสร้างของจิตวิทยาฝูงชน และแม้ว่าอัลกอริทึมจะพัฒนาไปไกล และตลาดจะหมุนเร็วขึ้น แต่ความกลมกลืนของสัดส่วนยังคงอยู่ เตือนเราว่าแม้ท่ามกลางความผันผวนสมัยใหม่ ราคายังคงเคลื่อนไหวตามจังหวะคณิตศาสตร์ที่ไร้กาลเวลา
ข้อสงวนสิทธิ์: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนา (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ได้เป็นคำแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ