Goldman Sachs ย้ำคาดการณ์ภาษีนำเข้าจะกระทบผู้บริโภคหนัก ดันเงินเฟ้อสหรัฐฯ ปลายปีแตะ 3.5% แม้ถูกโดนัลด์ ทรัมป์วิจารณ์อย่างหนัก
14 ส.ค. 2025 - แม้จะถูกยังคงประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ วิจารณ์อย่างหนัก แต่ David Mericle นักเศรษฐศาสตร์ของ Goldman Sachs ยังคงยืนยันผลการวิเคราะห์กับผลกระทบของนโยบายภาษีนำเข้าก่อนหน้านี้ที่ระบุว่า ภาษีนำเข้าจะเริ่มส่งผลกระทบต่อกระเป๋าเงินของผู้บริโภคโดยตรง ในช่วงปลายปีนี้
เนื่องจากเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ทรัมป์โพสต์บน Truth Social พุ่งเป้าไปที่ Goldman Sachs พร้อมแนะนำให้ David Solomon ซีอีโอของบริษัท “หานักเศรษฐศาสตร์คนใหม่” หรือพิจารณาลาออกเอง หลังจาก Goldman เผยรายงานที่ชี้ว่าผู้บริโภคจะต้องแบกรับต้นทุนภาษีเพิ่มขึ้นอย่างมาก
รายงานของ Elsie Peng นักเศรษฐศาสตร์ Goldman ระบุว่า ที่ผ่านมา ผู้ส่งออกและธุรกิจเป็นฝ่ายดูดซับภาระภาษีส่วนใหญ่ แต่ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ภาระดังกล่าวจะ เปลี่ยนไปตกอยู่กับผู้บริโภคราว 2 ใน 3 ของต้นทุนทั้งหมด
ผลลัพธ์นี้อาจทำให้ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (Core PCE) ซึ่งเป็นเครื่องมือวัดเงินเฟ้อหลักของเฟด ขยับขึ้นแตะ 3.2% ภายในสิ้นปี (ไม่นับรวมอาหารและพลังงาน) จากระดับ 2.8% ในเดือนมิถุนายน ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายเงินเฟ้อของเฟดที่ 2% อย่างชัดเจน
Mericle อธิบายว่า หากบริษัทในสหรัฐฯ ได้รับการปกป้องจากการแข่งขันต่างประเทศ ก็จะมีอำนาจขึ้นราคาและเก็บส่วนต่างกำไรได้มากขึ้น สอดคล้องกับงานวิจัยของนักเศรษฐศาสตร์หลายราย
ไม่ใช่เพียง Goldman Sachs ที่มองว่าผู้บริโภคจะเผชิญเงินเฟ้อจากภาษีเพิ่มขึ้น นักเศรษฐศาสตร์จากหลายสถาบันใหญ่ เช่น JPMorgan, UBS, Pantheon Macroeconomics และ BNP Paribas ต่างก็เห็นตรงกันว่า แรงกดดันเงินเฟ้อจากภาษีจะชัดเจนขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี
โดย Michael Feroli หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์สหรัฐฯ ของ JPMorgan ระบุว่า ภาษีนำเข้าอาจกดจีดีพีให้ลดลงราว 1% และดันเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น 1-1.5% โดยชี้ว่าภาษีรอบนี้สูงที่สุดเมื่อเทียบกับประวัติศาสตร์หลังสงครามโลกครั้งที่ 2
ขณะเดียวกัน นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าแม้จะไม่เกิดภาวะเงินเฟ้อพุ่งรุนแรง แต่ราคาสินค้าจะขยับขึ้นในอัตรา 0.3%-0.5% ต่อเดือน ทำให้ Core PCE อาจอยู่ในช่วง 3%-3.5% ภายในสิ้นปี โดย Brian Rose จาก UBS ระบุว่า แนวโน้มเงินเฟ้อหลักที่เคยลดลงกำลังถูกหยุดด้วยผลของภาษี ขณะที่ผู้บริโภคที่มีภาระค่าใช้จ่ายสูงจะช่วยชะลอผลกระทบได้บางส่วน
แม้เงินเฟ้อจะสูงขึ้น แต่หลายฝ่ายยังเชื่อว่า เฟดจะเริ่มลดดอกเบี้ยภายในปีนี้ เนื่องจากตลาดแรงงานอ่อนแอลง และมองว่าเงินเฟ้อจากภาษีเป็นผลชั่วคราว อย่างไรก็ตาม แรงกดดันราคาที่ “ยืดหยุ่นได้ยาก” (Sticky Inflation) โดยเฉพาะในบริการ เช่น ค่าเช่า อาหารนอกบ้าน และประกัน อาจทำให้เฟดชะลอการผ่อนคลายนโยบายการเงิน
ซึ่ง Pantheon Macroeconomics คาดว่า Core Inflation จะเพิ่มอีก 1 จุดเปอร์เซ็นต์ โดยปัจจุบันมีเพียง 1 ใน 4 ของผลกระทบที่ถูกส่งผ่านไปยังผู้บริโภคแล้ว และคาดว่าราคาสินค้าจะเร่งขึ้นในอีกไม่กี่เดือน
อีกหนึ่งปัจจัยเสี่ยงคือ การสิ้นสุดของข้อยกเว้นภาษีสำหรับสินค้ามูลค่าต่ำกว่า 800 ดอลลาร์ในวันที่ 29 สิงหาคม ซึ่งอาจกระทบต่อสินค้าปลีกจำนวนมาก BNP Paribas เสริมว่า การขึ้นราคาจะลามไปถึงบริการ ขณะที่ PNC ชี้ว่า Core CPI ที่เพิ่มขึ้นในเดือนกรกฎาคมบ่งชี้ว่าผลของภาษียังไม่หมด และจะดัน Core PCE ให้สูงกว่าระดับเป้าหมายของเฟดต่อไป
คำเตือน: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นคำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็นคำแนะนำ) ความคิดเห็นใด ๆ ในเอกสารนี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำของ EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใด ๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ
ดัชนี PPI สหรัฐพุ่งแรงในรอบ 3 ปี หุ้นสหรัฐแกว่ง ดอลลาร์แข็ง ฉุดทองคำร่วง นักลงทุนจับตาเฟดและเจรจาสหรัฐ-รัสเซียเขย่าตลาดทั่วโลก
2025-08-15แม้ความต้องการลงทุนสินทรัพย์เสี่ยงจะฟื้นตัว แต่ค่าเงินฟรังก์สวิสยังคงปรับขึ้นกว่า 10% และมีความสัมพันธ์กับทองคำ ทำให้เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่นักลงทุนเลือกเป็นอันดับต้นๆ
2025-08-14ตัวเลขดัชนี PPI มีความสำคัญสูง เนื่องจากจะส่งผลต่อค่าเงินดอลลาร์และความคาดหวังอัตราดอกเบี้ยของ Fed ที่อาจปรับเปลี่ยนได้
2025-08-14