เงินบาทแข็งค่าเล็กน้อย หลัง กนง. ลดดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% เหลือ 1.50% หุ้นอสังหาฯ-ไฟแนนซ์ได้ประโยชน์ วิเคราะห์ USD/THB และแนวโน้มเศรษฐกิจไทยล่าสุด
14 สิงหาคม 2568 เปิดตลาด เงินบาทแข็งค่าเล็กน้อย หลังจากที่ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ประกาศลด อัตราดอกเบี้ยนโยบาย ลง 0.25% ต่อปี เหลือ 1.50% ต่อปี การประชุมครั้งต่อไปของกนง. มีกำหนดในวันที่ 8 ตุลาคม 2568 โดยนักวิเคราะห์คาดว่า กนง. อาจลดดอกเบี้ยอีกอย่างน้อย 1 ครั้งก่อนสิ้นปี 2568
การลดดอกเบี้ยครั้งนี้เป็นการตัดสินใจแบบเอกฉันท์ หลังจากที่กนง. คงอัตราดอกเบี้ยไว้ในการประชุมครั้งก่อนในเดือนมิถุนายน 2568 การตัดสินใจดังกล่าวช่วยสร้างแรงสนับสนุนให้ ค่าเงินบาทแข็งค่า และส่งผลต่อ ตลาดการลงทุน ทั้งในส่วนของ SET Index หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ค้าปลีก และไฟแนนซ์
การลดดอกเบี้ยครั้งนี้เป็นการตัดสินใจแบบเอกฉันท์ หลังจากที่กนง. คงดอกเบี้ยไว้ในการประชุมเดือนมิถุนายน 2568
กนง. ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยปี 2568 จะขยายตัวใกล้เคียง 2.3% และปี 2569 ขยายตัวประมาณ 1.7% แม้ว่าครึ่งแรกของปีเศรษฐกิจไทยจะเติบโตดีจากการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และการผลิต แต่มาตรการภาษีของสหรัฐฯ อาจส่งผลต่อโครงสร้างเศรษฐกิจในระยะยาว
ปัจจัยเสี่ยงสำคัญ ได้แก่
ผลกระทบต่อรายได้ SME และลูกจ้างอิสระ
การหดตัวของสินเชื่อ SME และสินเชื่อที่อยู่อาศัย
อัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ในระดับต่ำ
เพื่อรองรับสภาวะเศรษฐกิจและลดภาระให้กลุ่มเปราะบาง กนง. จึงแนะนำให้นโยบายการเงินผ่อนคลายมากขึ้น
หลังจากมติลดดอกเบี้ย เงินบาทแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย ไปอยู่ที่ 32.30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยปรับลดลง การแข็งค่าของเงินบาทเกิดจากปัจจัยหลายด้าน ได้แก่
- การคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจลดดอกเบี้ยในเดือนกันยายน
- การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและการลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ (FDI)
- การซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างชาติในตลาดหุ้นและพันธบัตร
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของ USD/THB ในสัปดาห์หน้า (11-22 สิงหาคม) คาดว่าจะอยู่ระหว่าง 32.10–32.80 บาทต่อดอลลาร์ โดยมีแนวโน้มแข็งค่าต่อเนื่องหากปัจจัยบวกยังคงอยู่
ในส่วนของ ตลาดหุ้นไทย (SET Index) ปิดภาคเช้าที่ 1,271.81 จุด เพิ่มขึ้น 12.74 จุด หรือ +1.01% กลุ่มที่ได้ประโยชน์ชัดเจน ได้แก่
- อสังหาริมทรัพย์
- ค้าปลีก
- ไฟแนนซ์และธนาคาร
การลดต้นทุนกู้ยืมช่วยกระตุ้นหุ้นกลุ่มเหล่านี้ แต่ผู้เชี่ยวชาญแนะนำมุมมอง Neutral ในระยะสั้น เนื่องจากต้องติดตามสัญญาณเศรษฐกิจจริง
เงินบาทแข็งค่า ในช่วงต้นสัปดาห์ ตามแนวโน้มสกุลเงินเอเชีย โดยได้รับแรงหนุนจากความเป็นไปได้ที่ เฟดลดดอกเบี้ย ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ เช่น การจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราว่างงานอ่อนแอกว่าที่คาด
สัปดาห์นี้เงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบกว่า 1 สัปดาห์ที่ 32.25 บาทต่อดอลลาร์ นักลงทุนยังจับตาการประชุมกนง.อย่างใกล้ชิด และแนวโน้มฟันด์โฟลว์ต่างชาติช่วยประคองค่าเงินบาทไม่ให้ผันผวนรุนแรง ดังนั้นนักลงทุนควรติดตามปัจจัยสำคัญ ได้แก่
- การประชุมกนง. และทิศทางนโยบายดอกเบี้ย
- ฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ
- ราคาทองคำในตลาดโลก
1. นโยบายดอกเบี้ยสหรัฐฯ : เงินบาทแข็งค่าเกิดขึ้นสอดคล้องกับสกุลเงินเอเชียอื่น ๆ ขณะที่ดอลลาร์สหรัฐฯ ถูกกดดันจากตัวเลข ตลาดแรงงานสหรัฐฯ ที่อ่อนแอกว่าคาด ซึ่งกระตุ้นให้ตลาดคาดการณ์ถึง การปรับลดดอกเบี้ยของเฟด
2. ปัจจัยการเมืองและภาษี : ความไม่แน่นอนเรื่อง มาตรการภาษีของสหรัฐฯ รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่าง ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และเฟด เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้เงินดอลลาร์อ่อนค่า และช่วยสนับสนุนเงินบาท
3. เงินบาทและฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ : สัปดาห์นี้นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นและพันธบัตร ช่วยบรรเทาแรงกดดันจากความผันผวนของ ราคาทองคำในตลาดโลก โดยเงินบาทยังคงเคลื่อนไหวในกรอบแข็งค่าและแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบกว่า 1 สัปดาห์ที่ 32.25 บาทต่อดอลลาร์
แม้ว่าก่อนวันหยุดเงินบาทลดช่วงบวกเล็กน้อย แต่ยังถือว่าอยู่ในแนวโน้ม แข็งค่าอย่างต่อเนื่อง
ดังนั้น การลดดอกเบี้ยของ กนง.ครั้งนี้สะท้อนถึงความระมัดระวังและความพยายามในการรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจไทย พร้อมสนับสนุนการลงทุนและการบริโภคของประชาชน
คำเตือน: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นคำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็นคำแนะนำ) ความคิดเห็นใด ๆ ในเอกสารนี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำของ EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใด ๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ
ดัชนี PPI สหรัฐพุ่งแรงในรอบ 3 ปี หุ้นสหรัฐแกว่ง ดอลลาร์แข็ง ฉุดทองคำร่วง นักลงทุนจับตาเฟดและเจรจาสหรัฐ-รัสเซียเขย่าตลาดทั่วโลก
2025-08-15แม้ความต้องการลงทุนสินทรัพย์เสี่ยงจะฟื้นตัว แต่ค่าเงินฟรังก์สวิสยังคงปรับขึ้นกว่า 10% และมีความสัมพันธ์กับทองคำ ทำให้เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่นักลงทุนเลือกเป็นอันดับต้นๆ
2025-08-14ตัวเลขดัชนี PPI มีความสำคัญสูง เนื่องจากจะส่งผลต่อค่าเงินดอลลาร์และความคาดหวังอัตราดอกเบี้ยของ Fed ที่อาจปรับเปลี่ยนได้
2025-08-14