อัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัวคืออะไร? พร้อมตัวอย่าง

2025-07-23
สรุป

อัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัวคืออะไร และเหตุใดจึงสำคัญ บทความนี้จะอธิบายความหมาย ตัวอย่างในชีวิตจริง และผลกระทบต่อการค้าระหว่างประเทศ

ในวงการการเงินโลก อัตราแลกเปลี่ยนไม่ได้เป็นเพียงแค่ตัวเลขธรรมดาเท่านั้น แต่ยังเป็นตัวกำหนดทิศทางของเศรษฐกิจ มีผลต่อการค้า และส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของเรา หนึ่งในระบบอัตราแลกเปลี่ยนที่ได้รับความนิยมและมีการถกเถียงกันอย่างกว้างขวางคือ ระบบอัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัว แต่ระบบนี้คืออะไร ทำงานอย่างไร และทำไมถึงมีความสำคัญมากขนาดนี้?


ในบทความนี้ เราจะให้คำจำกัดความของอัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัว เปรียบเทียบกับระบบอัตราแลกเปลี่ยนแบบคงที่ พร้อมยกตัวอย่างจากสถานการณ์จริง รวมถึงอธิบายข้อดีข้อเสียของระบบนี้ นอกจากนี้ เรายังจะอธิบายว่าทำไมทั้งนักเทรด นักลงทุน และผู้กำหนดนโยบายถึงให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด


ทำความเข้าใจอัตราแลกเปลี่ยน

อัตราแลกเปลี่ยน

ก่อนที่จะเจาะลึกไปยังระบบอัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัว เรามาทำความเข้าใจคำว่า “อัตราแลกเปลี่ยน” กันก่อน อัตราแลกเปลี่ยนคือมูลค่าของสกุลเงินประเทศหนึ่งเทียบกับสกุลเงินของอีกประเทศหนึ่ง เช่น 1 ดอลลาร์สหรัฐ เท่ากับ 18 แรนด์ของแอฟริกาใต้ ซึ่งนั่นคืออัตราแลกเปลี่ยน USD/ZAR


อัตราแลกเปลี่ยนมีอิทธิพลต่อ :

  • การค้าระหว่างประเทศ

  • ค่าเดินทาง

  • ผลตอบแทนจากการลงทุน

  • นโยบายการเงิน


ระบบอัตราแลกเปลี่ยนมี 2 ประเภทหลักๆ คือ แบบลอยตัวและแบบคงที่ (หรือตรึง) ซึ่งแต่ละประเทศอาจเลือกใช้ระบบใดระบบหนึ่งหรือ แบบผสมผสานขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ทางเศรษฐกิจของตน


อัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัวคืออะไร?

อัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัว

อัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัวคือระบบการกำหนดมูลค่าของสกุลเงินโดยที่ราคาจะถูกกำหนดตามกลไกตลาด โดยเฉพาะจากอุปสงค์และอุปทานในตลาด Forex โดยไม่มีเป้าหมายหรือการผูกตรึงราคาล่วงหน้า ทำให้อัตราแลกเปลี่ยนสามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างอิสระ


รัฐบาลหรือธนาคารกลางจะไม่แทรกแซงเพื่อรักษาราคาคงที่อย่างต่อเนื่อง แต่ในบางสถานการณ์ที่รุนแรง อาจมีการเข้าแทรกแซงเพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ระบบนี้เรียกว่า “การลอยตัวแบบมีการจัดการ” (managed float)


จุดเด่นสำคัญ:

  • มูลค่าของสกุลเงินเปลี่ยนแปลงได้ทุกวันหรือแม้แต่ทุกชั่วโมง

  • ได้รับอิทธิพลจากดุลการค้า อัตราดอกเบี้ย อัตราเงินเฟ้อ ความมั่นคงทางการเมือง และการเก็งกำไร

  • ประเทศส่วนใหญ่ที่พัฒนาแล้วใช้ระบบนี้ เช่น สหรัฐฯ สหราชอาณาจักร ญี่ปุ่น แคนาดา และออสเตรเลีย


อัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัวทำงานอย่างไร?


สมมติว่าอุปสงค์ของยูโร (EUR) เพิ่มขึ้นเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ (USD) นักลงทุนหรือนักเทรดต้องการยูโรมากขึ้นเพื่อการลงทุนในสินทรัพย์ยุโรปหรือการค้าสินค้า


การเพิ่มขึ้นนี้จะทำให้อัตราแลกเปลี่ยน EUR/USD สูงขึ้น หมายความว่ายูโรแข็งค่าขึ้น ส่วนดอลลาร์อ่อนค่าลง


ในทางกลับกัน หากอุปสงค์ยูโรลดลง ยูโรก็จะอ่อนค่าลง และดอลลาร์จะแข็งค่าขึ้น การเคลื่อนไหวเหล่านี้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเนื่องจาก:

  • ข้อมูลเศรษฐกิจที่เผยแพร่ (เช่น การเติบโต GDP หรืออัตราการว่างงาน)

  • การเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลาง

  • เหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์

  • ความเชื่อมั่นของตลาด


อัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัวสะท้อนการประเมินแบบเรียลไทม์ของสุขภาพและแนวโน้มเศรษฐกิจของประเทศ


ตัวอย่างอัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัว


สหรัฐอเมริกา (USD)

ดอลลาร์สหรัฐเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของสกุลเงินลอยตัว ได้รับอิทธิพลจากนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Federal Reserve) ข้อมูลเศรษฐกิจ เช่น อัตราเงินเฟ้อและการจ้างงาน รวมทั้งความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั่วโลก เหตุการณ์อย่างการขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของดอลลาร์อย่างมาก


ญี่ปุ่น (JPY)

เงินเยนเป็นสกุลเงินลอยตัว แต่ธนาคารกลางญี่ปุ่นมักจะเข้าแทรกแซงเมื่อความผันผวนสูงเกินไป เช่น หากเยนแข็งค่ามากเกินไปจะส่งผลกระทบต่อการส่งออก จึงอาจมีการดำเนินการชั่วคราวเพื่อปรับสมดุล


แอฟริกาใต้ (ZAR)

แรนด์แอฟริกาใต้เป็นสกุลเงินลอยตัวที่ตอบสนองอย่างรวดเร็วต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์ การพัฒนาทางการเมือง และความเสี่ยงในตลาดโลก เมื่อความไม่แน่นอนในตลาดเพิ่มขึ้น สกุลเงินของตลาดเกิดใหม่อย่างแรนด์มักจะอ่อนค่าลง


สหราชอาณาจักร (GBP)

ปอนด์อังกฤษเป็นอีกตัวอย่างหนึ่ง ข่าวสารเกี่ยวกับ Brexit เคยทำให้อัตราแลกเปลี่ยน GBP/USD มีความผันผวนสูง เนื่องจากตลาดประเมินความเสี่ยงทางเศรษฐกิจใหม่


อัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัว vs แบบคงที่

อัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัว อัตราแลกเปลี่ยนแบบคงที่
กำหนดราคาตามกลไกตลาดของอุปสงค์และอุปทาน ผูกตรึงกับสกุลเงินอื่นหรือชุดของสกุลเงิน
ความผันผวนสูงและเปลี่ยนแปลงบ่อย มีความเสถียรและคาดการณ์ได้ง่าย
ปรับตามสภาวะเศรษฐกิจโดยอัตโนมัติ ต้องมีการแทรกแซงจากธนาคารกลาง
ใช้โดยประเทศสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร ญี่ปุ่น แคนาดา ใช้โดยฮ่องกง ซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
เสี่ยงต่อการเก็งกำไรในตลาด เสี่ยงต่ออัตราแลกเปลี่ยนในตลาดมืดหากผูกตรึงไม่สมจริง


หลายประเทศเลือกใช้ระบบผสม หรือระบบลอยตัวแบบมีการจัดการ โดยมีการแทรกแซงในบางครั้งเพื่อแก้ไขความผันผวนที่มากเกินไป ในขณะที่ปล่อยให้ตลาดกำหนดราคาในภาพรวม


อัตราแลกเปลี่ยนลอยตัวและการเทรด Forex

แพลตฟอร์มเทรด Forex ที่ดีที่สุด

ระบบอัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัวเป็นรากฐานของตลาด Forex ซึ่งเป็นตลาดการเงินที่ใหญ่ที่สุดและมีสภาพคล่องมากที่สุดในโลก


เหตุใดนักเทรดจึงชื่นชอบอัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัว:

  • ความผันผวน: การเคลื่อนไหวของราคาที่มากขึ้นหมายถึงโอกาสในการเทรดที่มากขึ้น

  • เข้าถึงได้ตลอด 24 ชั่วโมง 5 วัน: Forex เปิดตลอด 24 ชั่วโมง ทับซ้อนกับช่วงการซื้อขายหลัก (ลอนดอน นิวยอร์ก โตเกียว)

  • กลยุทธ์ที่หลากหลาย: นักเทรดใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิค การติดตามแนวโน้ม หรือการซื้อขายตามข่าวสารในคู่สกุลเงินลอยตัว


คู่สกุลเงินลอยตัวยอดนิยม ได้แก่:

  • EUR/USD

  • GBP/USD

  • USD/JPY

  • USD/ZAR

  • AUD/USD

แพลตฟอร์มอย่าง EBC Financial Group ให้บริการเข้าถึงคู่เงินเหล่านี้ พร้อมสเปรดแบบเรียลไทม์ สภาพคล่องลึก และเครื่องมือวิเคราะห์กราฟที่เหมาะกับทั้งผู้เริ่มต้นและมืออาชีพ


ตัวอย่างล่าสุด


การระบาดใหญ่ของโควิด 19

ในช่วงต้นปี 2020 ความตื่นตระหนกและความไม่แน่นอนนำไปสู่การอพยพครั้งใหญ่เพื่อความปลอดภัย ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับหลายสกุลเงิน ขณะที่ประเทศผู้ส่งออกน้ำมันอย่างรัสเซียและไนจีเรียกลับต้องพบกับภาวะเงินฝืด อัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัวปรับตัวอย่างรวดเร็วสะท้อนความวุ่นวายนี้


Brexit

ปอนด์อังกฤษอ่อนค่าลงหลังการลงประชามติ Brexit ในปี 2016 อัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัวช่วยให้ค่า GBP/USD สามารถดูดซับผลกระทบและสะท้อนความเสี่ยงทางการค้าใหม่ได้


การขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ (2022–2023)

ขณะที่ Fed ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมภาวะเงินเฟ้อ ค่าเงินดอลลาร์กลับแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินที่ลอยตัว เช่น ยูโรและเยน การเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลกระทบต่อการค้าและกระแสเงินทุนทั่วโลก


ประเทศต่างๆ ควรใช้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัวหรือไม่?

อัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัว

ไม่มีคำตอบที่เหมาะกับทุกประเทศ อัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัวมอบความยืดหยุ่นและอิสระ เหมาะกับประเทศที่มีเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและพัฒนาแล้ว


อย่างไรก็ตาม ระบบนี้อาจไม่เหมาะกับประเทศขนาดเล็กหรือประเทศกำลังพัฒนา เพราะความผันผวนอาจนำไปสู่ความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคมได้


ปัจจัยที่ประเทศพิจารณาเมื่อต้องเลือกใช้ระบบอัตราแลกเปลี่ยน ได้แก่:

  • ขนาดและความเปิดกว้างของเศรษฐกิจ

  • เป้าหมายนโยบายการเงิน

  • ระดับสำรองเงินตราต่างประเทศ

  • โครงสร้างการค้า

  • ประวัติของเงินเฟ้อหรือเงินเฟ้อสูงมาก


ประโยชน์และความเสี่ยง

ประโยชน์ ความเสี่ยง
ปรับตามการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจโดยอัตโนมัติเพื่อปรับสมดุลการขาดดุล/เกินดุลทางการค้า เสี่ยงต่อความผันผวนและการเปลี่ยนแปลงที่รุนแรงจากการเก็งกำไรในตลาด
ให้อำนาจในการตัดสินใจนโยบายการเงินอย่างอิสระโดยไม่ต้องปกป้องการผูกตรึงราคา สร้างความไม่แน่นอนให้กับผู้นำเข้า ผู้ส่งออก และนักลงทุน
สะท้อนอุปทานและอุปสงค์แบบเรียลไทม์ ปรับปรุงประสิทธิภาพของตลาด สกุลเงินที่อ่อนค่าอาจนำไปสู่ภาวะเงินเฟ้อจากการนำเข้า
ลดความจำเป็นในการรักษาเงินสำรองสกุลเงินต่างประเทศจำนวนมาก ตลาดเกิดใหม่อาจได้รับผลกระทบจากการเคลื่อนย้ายเงินทุนระหว่างวิกฤตการณ์ระดับโลก
ส่งเสริมวินัยทางการเงินและการปฏิรูปโครงสร้างในระยะยาว การเปลี่ยนแปลงความเชื่อมั่นของนักลงทุนอย่างรวดเร็วอาจทำให้เศรษฐกิจที่อ่อนแอเสียเสถียรภาพ


สรุป


โดยสรุป ระบบอัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัวช่วยปรับค่าของสกุลเงินตามอุปสงค์และอุปทาน สะท้อนภาพสถานะและผลการดำเนินงานทางเศรษฐกิจของประเทศได้อย่างแม่นยำแบบเรียลไทม์


แม้ว่าระบบนี้จะสร้างความผันผวนและความไม่แน่นอนบ้าง แต่ก็ให้ความยืดหยุ่น โปร่งใส และอิสระในการบริหารจัดการเงินตราในโลกที่เชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิดในปัจจุบัน


ข้อสงวนสิทธิ์: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนา (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ได้เป็นคำแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ

รูปแบบแผนภูมิ 5 อันดับแรกที่ส่งสัญญาณการกลับตัวอย่างแม่นยำ

รูปแบบแผนภูมิ 5 อันดับแรกที่ส่งสัญญาณการกลับตัวอย่างแม่นยำ

เรียนรู้รูปแบบการกลับตัวที่มีความน่าจะเป็นสูง 5 ประการที่เทรดเดอร์ทุกคนควรเชี่ยวชาญ ได้แก่ โครงสร้าง จังหวะเวลา การกระตุ้นการเข้า และเคล็ดลับการจัดการความเสี่ยง

2025-07-23
ตัวบ่งชี้ RSI อันดับต้นๆ สัญญาณซื้อและขายที่เทรดเดอร์ควรรู้

ตัวบ่งชี้ RSI อันดับต้นๆ สัญญาณซื้อและขายที่เทรดเดอร์ควรรู้

ค้นพบสัญญาณซื้อและขายของตัวบ่งชี้ RSI ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อกำหนดเวลาการซื้อขายของคุณอย่างสมบูรณ์แบบ เรียนรู้วิธีที่เทรดเดอร์ใช้ระดับ RSI เพื่อจับโมเมนตัมของตลาด

2025-07-23
กลยุทธ์ใช้ UNG ETF เพื่อลงทุนก๊าซธรรมชาติระยะสั้น

กลยุทธ์ใช้ UNG ETF เพื่อลงทุนก๊าซธรรมชาติระยะสั้น

เจาะลึกกองทุน UNG ETF: กลยุทธ์การเทรด ความเสี่ยงจากโครงสร้างราคา และปัจจัยกระตุ้นที่นักลงทุนก๊าซธรรมชาติระยะสั้นต้องจับตาในภาวะตลาดผันผวน

2025-07-23