简体中文 繁體中文 English 한국어 日本語 Español Bahasa Indonesia Tiếng Việt Português Монгол العربية हिन्दी Русский ئۇيغۇر تىلى

เจาะพลังโมเมนตัม! ขนาดแท่งในกราฟแท่งเทียนบอกอะไร

เผยแพร่เมื่อ: 2025-10-10    อัปเดตเมื่อ: 2025-10-14

คำนิยาม

กราฟแท่งเทียน

กราฟแท่งเทียน (Candlestick) หรือ K-Line เป็นเครื่องมือทางภาพที่ใช้แสดงข้อมูลราคา 4 จุดในช่วงเวลาหนึ่ง ได้แก่ ราคาเปิด (Open) ราคาปิด (Close) ราคาสูงสุด (High) และราคาต่ำสุด (Low) โดยส่วนลำตัว (Body) คือสี่เหลี่ยมทึบที่อยู่ระหว่างราคาเปิดและราคาปิด


ขนาดของลำตัวกราฟแท่งเทียนสามารถบ่งบอกความแข็งแกร่งของโมเมนตัมได้ ลำตัวยาวหมายถึงการเคลื่อนไหวของราคาที่ชัดเจนและมีแรงซื้อหรือแรงขายสูง ขณะที่ลำตัวสั้นมักสะท้อนถึงความลังเลหรือแรงส่งที่อ่อนแอ


ยิ่งลำตัวมีขนาดใหญ่เท่าไร ยิ่งแสดงถึงโมเมนตัมและความมั่นใจของนักลงทุนมากเท่านั้น ส่วนไส้เทียน (Wick หรือ Shadow) คือเส้นบาง ๆ ที่ยื่นออกจากลำตัว แสดงถึงระดับราคาสูงสุดและต่ำสุดในช่วงเวลานั้น


ทำไมกราฟแท่งเทียนจึงสำคัญต่อการเทรด?

กราฟแท่งเทียน ให้ข้อมูลมากกว่ากราฟเส้นทั่วไป เพราะแสดงให้เห็น “การต่อสู้ระหว่างแรงซื้อและแรงขาย” ภายในแต่ละช่วงเวลา ขนาดของลำตัว (Body) ช่วยให้นักเทรดประเมินความมั่นใจของตลาดได้ ลำตัวยาวสีเขียวต่อเนื่อง มักบ่งบอกถึงแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่ง ในขณะที่ลำตัวยาวสีแดงแสดงถึงแนวโน้มขาลงที่ทรงพลัง


ลำตัวขนาดเล็กใกล้แนวรับหรือแนวต้าน อาจเป็นสัญญาณของ “ความลังเล” ก่อนการเบรกเอาท์ (Breakout) หรือกลับตัว (Reversal) ซึ่งช่วยให้นักเทรดปรับสถานะได้ล่วงหน้า กราฟแท่งเทียนสามารถใช้ได้กับทุกตลาด ไม่ว่าจะเป็นหุ้น Forex หรือคริปโต จึงถือเป็น “ทักษะหลัก” ที่นักเทรดทุกคนควรเข้าใจ


วิธีอ่านขนาดลำตัวและไส้เทียน

  • ลำตัวยาว: แสดงถึงโมเมนตัมและแรงขับเคลื่อนที่แข็งแกร่ง โดยในแนวโน้มขาขึ้น แท่งสีเขียวยาว หมายถึงแรงซื้อครองตลาด ส่วนในแนวโน้มขาลง แท่งสีแดงยาว หมายถึงแรงขายมีอำนาจเหนือ

  • ลำตัวสั้น: ส่งสัญญาณโมเมนตัมอ่อนแรง ลังเล หรือกำลังพักตัว ราคาเคลื่อนไหวน้อยมากระหว่างเปิดและปิด หมายความว่าทั้งผู้ซื้อและผู้ขายไม่ได้เปรียบ

  • สี: ตัวสีเขียวหรือสีขาว หมายถึง ราคาปิดสูงกว่าราคาเปิด แสดงถึงแนวโน้มขาขึ้น ตัวสีแดงหรือสีดำ หมายถึง ราคาปิดต่ำกว่าราคาเปิด แสดงถึงแนวโน้มขาลง

  • ไส้เทียนยาวแสดงถึงการปฏิเสธ: ไส้เทียนด้านบนยาวหมายความว่าผู้ซื้อพยายามดันราคาขึ้น แต่ผู้ขายดันราคากลับ ไส้เทียนด้านล่างยาวแสดงให้เห็นว่าผู้ขายดันราคาลง แต่ผู้ซื้อฟื้นตัว


การวัดขนาดลำตัวและเกณฑ์เปรียบเทียบ

  • เปรียบเทียบความยาวของลำตัวกับค่าเฉลี่ยของกราฟแท่งเทียน 10–20 แท่งล่าสุดในกรอบเวลาเดียวกัน

  • ใช้ค่า Average True Range (ATR) เป็นเกณฑ์อ้างอิง: ลำตัวที่มีค่า ATR มากกว่า 80% แสดงถึงโมเมนตัมที่แข็งแกร่ง ลำตัวที่มีค่า ATR ต่ำกว่า 30% แสดงถึงโมเมนตัมที่อ่อนแอ

  • การเปรียบเทียบเชิงสัมพัทธ์: หากแท่งเฉลี่ยก่อนหน้าเคลื่อนไหว $1.00 แต่แท่งปัจจุบันยาว $3.00 → ถือเป็นสัญญาณสำคัญของการเบรกเอาท์หรือจุดสิ้นสุดแนวโน้ม

  • บริบทมีความสำคัญ: ลำตัวใหญ่แท่งแรกหลังการพักตัวมีน้ำหนักมากกว่าแท่งใหญ่ลำดับที่สิบในแนวโน้มเดียวกัน


ตัวอย่างการใช้งานจริง


หุ้นตัวหนึ่งเปิดที่ $50.00 และปิดที่ $52.00 โดยมีราคาสูงสุด $52.20 และราคาต่ำสุด $49.80 กราฟแท่งเทียนแสดงลำตัวสีเขียว จาก $50.00 ถึง $52.00 พร้อม ไส้บนสั้นถึง $52.20 และ ไส้ล่าง ถึง $49.80


ขนาดลำตัว $2.00 ยืนยันโมเมนตัมขาขึ้นที่แข็งแกร่ง เนื่องจากราคาขยับขึ้นอย่างชัดเจนและสามารถรักษากำไรส่วนใหญ่ไว้ได้


หากแท่งถัดมาเปิดที่ $52.20 ลดลงถึง $51.50 และปิดที่ $51.60 จะเกิดลำตัวสีแดงเล็กเพียง $0.10 ร่วมกับ ไส้ล่างยาวจาก $51.50 ซึ่งบ่งบอกว่าแรงขายพยายามกดราคาให้ต่ำลง แต่แรงซื้อยังคงป้องกันไว้ได้


ลำตัวขนาดเล็กหลังจากแท่งเขียวยาว $2.00 เป็นสัญญาณเตือนของการพักตัว (Consolidation) หรือการกลับทิศ (Reversal) โดยเฉพาะเมื่อมี ปริมาณการซื้อขาย (Volume) ต่ำ


การใช้ขนาดลำตัวของกราฟแท่งเทียนในบริบทของตลาด

ขนาดของลำตัวจะมีความหมายมากขึ้นเมื่อถูกนำมาเปรียบเทียบกับกราฟแท่งเทียนก่อนหน้า และใช้ร่วมกับสัญญาณทางเทคนิคอื่น ๆ


ลำตัวยาวหลังจากชุดของแท่งสั้น ๆ มักเป็นสัญญาณของการ เบรกเอาท์ (Breakout) หรือการเริ่มต้นของแนวโน้มใหม่


นอกจากนี้ อัตราส่วนระหว่างขนาดลำตัวกับช่วงราคาโดยรวม (High–Low) ก็มีความสำคัญเช่นกัน  หากเป็นลำตัวยาวแต่ไส้เทียนสั้น หมายถึงฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งควบคุมตลาดได้ชัดเจน แต่ถ้าเป็นลำตัวยาวแต่ไส้เทียนยาวทั้งสองด้าน แสดงถึงการต่อสู้ที่ดุเดือดระหว่างแรงซื้อและแรงขายในช่วงเวลานั้น


การยืนยันด้วยปริมาณการซื้อขาย

ขนาดลำตัว ปริมาณการซื้อขาย การตีความ
ยาว สูง ความมั่นใจแรง สัญญาณเชื่อถือได้ แนวโน้มอาจต่อเนื่อง
ยาว ต่ำ การเคลื่อนไหวไม่น่าเชื่อถือ อาจเป็น “กับดักราคา” ควรรอดูยืนยัน
สั้น สูง การสะสมหรือกระจายตัวของแรงซื้อขาย ควรจับตาแท่งถัดไป
สั้น ต่ำ ภาวะพักตัวของตลาด ยังไม่มีสัญญาณชัดเจน


รูปแบบกราฟแท่งเทียนสำคัญที่นักเทรดควรรู้

รูปแบบกราฟแท่งเทียนสำคัญที่นักเทรดควรรู้

  • โดจิ:ราคาเปิดและราคาปิดเท่ากันหรือใกล้เคียง ทำให้เกิดลำตัวเล็กมากหรือแทบไม่มีลำตัวเลย สื่อถึง “ความลังเลของตลาด” และมักปรากฏก่อนการกลับทิศ (Reversal)

  • ค้อน:ลำตัวเล็กอยู่ด้านบนของแท่ง มีไส้ล่างยาว เป็นสัญญาณ กลับตัวขาขึ้น (Bullish Reversal) โดยเฉพาะเมื่อพบหลังจากแนวโน้มขาลง

  • Engulfing: ลำตัวขนาดใหญ่ของแท่งใหม่ครอบคลุมลำตัวของแท่งก่อนหน้าอย่างสมบูรณ์ เป็นสัญญาณกลับทิศที่แข็งแกร่ง เมื่อเกิดในจุดสุดขั้วของแนวโน้ม

  • ลูกข่าง (Spinning Top): ลำตัวเล็กแต่มีไส้เทียนยาวทั้งด้านบนและล่าง แสดงถึง ภาวะไม่แน่นอนของตลาด และมักเกิดก่อนการเปลี่ยนแนวโน้ม


การวิเคราะห์ขนาดลำตัวข้ามกรอบเวลา

  • ตรวจสอบกราฟรายวันแม้จะเทรดในช่วงสั้น (Intraday): ลำตัวขนาดใหญ่ในกราฟ 5 นาทีภายในแท่งรายวันที่เล็ก อาจเป็นเพียง “สัญญาณรบกวน” ที่ไม่สำคัญ

  • จัดแนวกรอบเวลาให้สอดคล้องกัน: หากกราฟรายวันและกราฟ 1 ชั่วโมงต่างแสดงลำตัวสีเขียวยาว (ขาขึ้น) จะเพิ่มความมั่นใจในแนวโน้ม

  • ใช้กรอบเวลาที่สูงกว่าเพื่อ “กำหนดบริบทของตลาด” และกรอบเวลาที่ต่ำกว่าเพื่อ “หาจังหวะเข้าเทรดที่เหมาะสม”

  • หากลำตัวในแต่ละกรอบเวลาให้สัญญาณไม่สอดคล้องกัน (เช่น รายวันขาขึ้น แต่ระยะสั้นขาลง) แสดงถึงภาวะพักตัวหรือความลังเลของตลาด ควรรอจนกว่าสัญญาณทั้งสองกรอบเวลาจะสอดคล้องกันก่อนตัดสินใจเทรด


คู่มือการตีความขนาดลำตัวของกราฟแท่งเทียน

ลักษณะของลำตัว สัญญาณ การกระทำ
ลำตัวยาว ไส้เทียนสั้น ปริมาณสูง โมเมนตัมแข็งแกร่ง มั่นใจในทิศทาง เทรดตามแนวโน้ม และเลื่อนจุดตัดขาดทุนตามราคา (Trail Stop)
ลำตัวยาว ไส้เทียนยาว ปริมาณไม่แน่นอน การต่อสู้ระหว่างแรงซื้อและแรงขาย อาจใกล้หมดแรง รอดูการยืนยันจากแท่งถัดไปก่อนตัดสินใจ
ลำตัวสั้น ไม่ว่าจะมีไส้หรือไม่ ตลาดลังเล หรืออยู่ในช่วงพักตัว หลีกเลี่ยงการเปิดสถานะใหม่ จับตาดูจังหวะเบรกเอาท์
ลำตัวหดเล็กลงต่อเนื่อง โมเมนตัมอ่อนแรงลง เตรียมรับมือกับการกลับตัวหรือการเบรกเอาท์
แท่งยาวเดี่ยวหลังจากหลายแท่งเล็ก สัญญาณเบรกเอาท์หรือกับดักราคา ยืนยันด้วยปริมาณการซื้อขายและแท่งถัดไปก่อนเข้าเทรด


กลยุทธ์การอ่านขนาดลำตัวแบบมืออาชีพ

นักเทรดมืออาชีพจะไม่ดูเพียงลำตัวเทียนอย่างเดียว แต่จะวิเคราะห์ร่วมกับ ปริมาณการซื้อขาย (Volume), แนวรับ–แนวต้าน (Support & Resistance) และ การจัดแนวหลายกรอบเวลา (Multi-Timeframe Alignment) เพื่อให้การตัดสินใจแม่นยำยิ่งขึ้น


พวกเขาจะสังเกตขนาดลำตัวเทียบกับค่าเฉลี่ยช่วงจริง (Average True Range - ATR) เพื่อปรับให้เหมาะกับสภาวะความผันผวนของตลาด เช่น แท่งยาวในตลาดนิ่งอาจมีนัยสำคัญมากกว่าแท่งยาวในตลาดผันผวน


ก่อนเข้าเทรด นักเทรดระดับมืออาชีพจะรอการยืนยัน (Confirmation) เสมอ เช่น การเบรกเอาท์ที่มีแท่งยาวต่อเนื่อง 2 แท่ง หรือรูปแบบกลับตัวที่มาพร้อมกับ ปริมาณการซื้อขายพุ่งสูงผิดปกติ


สุดท้าย พวกเขาใช้ไส้เทียน (Wicks) เพื่อกำหนดจุดตัดขาดทุนให้ชิดกับ “โซนปฏิเสธราคา (Rejection Zone)” เพื่อลดความเสี่ยง แต่ยังคงอยู่ในสถานะเทรดได้หากโมเมนตัมยังดำเนินต่อไป


คำศัพท์ที่เกี่ยวข้อง

  • K-Line: อีกชื่อหนึ่งของกราฟแท่งเทียน ใช้แสดงราคาเปิด ปิด สูงสุด และต่ำสุดในรูปแบบภาพ

  • ลำตัว (Body): สี่เหลี่ยมทึบระหว่างราคาเปิดและราคาปิด ใช้วัดความแข็งแกร่งของโมเมนตัม

  • ไส้เทียน หรือ เงา (Wick / Shadow): เส้นบาง ๆ ด้านบนและด้านล่างของลำตัว แสดงราคาสูงสุดและต่ำสุด รวมถึงการ “ปฏิเสธราคา”

  • โดจิ (Doji): แท่งเทียนที่ไม่มีลำตัวหรือมีลำตัวเล็กมาก แสดงถึงความลังเลของตลาดและมักปรากฏก่อนการกลับทิศ


บทสรุป

ขนาดลำตัวของกราฟแท่งเทียนสามารถใช้ยืนยันความแข็งแกร่งของโมเมนตัมได้โดยตรง เพราะมันแสดงระยะทางของการเคลื่อนไหวระหว่างราคาเปิดและราคาปิด


ควรใช้การวิเคราะห์ขนาดลำตัวร่วมกับข้อมูลจากแท่งเทียนก่อนหน้า ไส้เทียน ปริมาณการซื้อขาย (Volume) และระดับแนวรับ–แนวต้าน เพื่อช่วยปรับจังหวะเข้าออกและลดสัญญาณหลอก


ลำตัวยาวบ่งบอกถึงความมั่นใจของตลาด ส่วนลำตัวสั้นเตือนถึงความลังเล และการผสมผสานทั้งสองลักษณะเข้ากับการอ่านรูปแบบแท่งเทียนและการตรวจสอบหลายกรอบเวลา จะช่วยให้นักเทรด “เข้าออกตลาดได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น


คำเตือน: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็น (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ