ทำไมหุ้นสหรัฐร่วงลงวันนี้? 5 ปัจจัยสำคัญที่กดดันตลาด
简体中文 繁體中文 English 한국어 日本語 Español Bahasa Indonesia Tiếng Việt Português Монгол العربية हिन्दी Русский ئۇيغۇر تىلى

ทำไมหุ้นสหรัฐร่วงลงวันนี้? 5 ปัจจัยสำคัญที่กดดันตลาด

ผู้เขียน: Rylan Chase

เผยแพร่เมื่อ: 2025-12-18

ในการซื้อขายล่าสุดของตลาดสหรัฐเมื่อวันพุธที่ 17 ธันวาคม 2025 ตามเวลานิวยอร์ก ตลาดหุ้นปรับตัวลดลงอีกครั้ง โดยดัชนี S&P 500 ลดลงประมาณ 1.2%, Nasdaq ร่วงลงราว 1.8% และ Dow Jones ปรับตัวลงประมาณ 0.5%

กราฟดัชนี Nasdaq, S&P500 และ Dow Jones วันนี้

การปรับตัวลงครั้งนี้ถือเป็นวันที่สี่ติดต่อกัน ที่ทั้ง S&P 500 และ Dow Jones ปิดลบ สะท้อนให้เห็นว่าแรงขายไม่ได้เป็นเพียงอาการตื่นตระหนกระยะสั้น แต่เริ่มพัฒนาไปสู่ แนวโน้มขาลงอย่างต่อเนื่อง


สิ่งที่ทำให้การปรับฐานของตลาดหุ้นสหรัฐรอบนี้น่าสนใจ คือ สาเหตุไม่ได้มาจากตัวเลขเงินเฟ้อที่ช็อกตลาด หรือความประหลาดใจจากธนาคารกลาง หากแต่เป็นแรงกระทบต่อความเชื่อมั่น ของนักลงทุน ตลาดเริ่มตั้งคำถามว่า การแข่งขันในระยะถัดไปของ เทคโนโลยี AI จะต้องใช้ เงินลงทุน หนี้ และการใช้จ่ายมากเพียงใด และที่สำคัญกว่านั้นคือ ผลตอบแทนจะเกิดขึ้นเร็วพอหรือไม่ เพื่อรองรับระดับราคาหุ้นในปัจจุบัน


ภาพรวมตลาด: ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลงมากแค่ไหน?

ดัชนี ปิดตลาด เปลี่ยนแปลงรายวัน สะท้อนอะไร
S&P 500 6,721.43 -1.2% ตลาดโดยรวมอ่อนตัวลง แต่ยังไม่อยู่ในภาวะปั่นป่วน
Dow Jones 47,885.97 -0.5% หุ้นเศรษฐกิจดั้งเดิมและกลุ่มป้องกันความเสี่ยงช่วยพยุงตลาด
Nasdaq Composite 22,693.32 -1.8% กลุ่มหุ้นเติบโตและ AI เป็นแรงกดดันหลักของตลาด


แรงอ่อนตัวที่นำโดยหุ้นเทคโนโลยีส่งผลให้ตลาดปรับตัวลงเป็นวันที่สี่ติดต่อกัน ซึ่งเป็นรูปแบบที่มักขยายผลด้านลบของพาดหัวข่าวและบั่นทอนความเชื่อมั่น แม้ว่าการขายยังคงกระจุกตัวอยู่ในบางกลุ่มเป็นหลักก็ตาม


ทำไมหุ้นสหรัฐร่วงลงวันนี้? อธิบายปัจจัยสำคัญ

ทำไมหุ้นสหรัฐร่วงลงวันนี้

1) หุ้นผู้นำด้าน AI ถูกเทขาย และตลาดตอบสนองทันที

คำอธิบายหลักยังคงเป็นประเด็นที่สำคัญที่สุด คือ หุ้นผู้นำในธีม AI ปรับตัวลงอย่างรุนแรง และด้วยน้ำหนักของหุ้นเหล่านี้ที่สูงมาก จึงส่งผลกระทบต่อดัชนีทั้งระบบ ในเชิงบริบท มีรายงานเกี่ยวกับแผนจัดหาเงินทุนสำหรับศูนย์ข้อมูล (Data Centre) ขนาดใหญ่ที่เริ่มมีปัญหา ซึ่งกลายเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดแรงขายเป็นวงกว้างในหุ้นที่เกี่ยวข้องกับ AI และแรงกดดันดังกล่าวได้ฉุด Nasdaq ลงอย่างชัดเจน


เมื่อหุ้นที่เป็น “ผู้ชนะรายใหญ่” และเป็นตำแหน่งที่นักลงทุนถือกันอย่างหนาแน่นเริ่มปรับฐานพร้อมกัน ความเสียหายจึงสะท้อนออกมาในระดับดัชนี แม้ว่าหุ้นอีกจำนวนไม่น้อยจะยังปรับตัวบวกอยู่ก็ตาม


ประเด็นนี้มีความสำคัญ เพราะธีม AI ถูกประเมินราคาไว้ราวกับเป็นเส้นตรง โดยอุปสงค์เพิ่มขึ้น การลงทุนเพิ่มขึ้น และกำไรเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่การเคลื่อนไหวของตลาดในวันนี้เตือนนักลงทุนว่า การใช้จ่ายมีขีดจำกัด และแหล่งเงินทุนไม่ได้รับประกันเสมอไป เมื่อความไม่แน่นอนเกิดขึ้น ปฏิกิริยาปกติของตลาดคือ ลดสัดส่วนในดีลที่แออัดที่สุด


สิ่งที่สะท้อนจากจุดนี้

  • ตลาดเริ่มไม่ยอมจ่าย “ราคาเท่าไรก็ได้” เพื่อถือธีม AI

  • หุ้นที่ต้องพึ่งพาเงินลงทุน (Capex) สูงมักถูกลงโทษเป็นกลุ่มแรก เมื่อความกังวลด้านเงินทุนเพิ่มขึ้น

  • การปรับลงของดัชนีอาจดูรุนแรงกว่าค่าเฉลี่ยของหุ้นทั้งตลาด เพราะหุ้นขนาดใหญ่มีน้ำหนักสูงมาก


2) ความคาดหวังเรื่องดอกเบี้ยยังคงเป็นประเด็นหลัก

แม้จะเป็นวันที่ตลาดขับเคลื่อนด้วยปัจจัยเฉพาะของหุ้น แต่อัตราดอกเบี้ยยังคงเป็นฉากหลังที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ นักเทรดยังคงพยายามประเมินว่า การผ่อนคลายนโยบายการเงินจะเกิดขึ้นได้มากแค่ไหน และเร็วเพียงใด


ความเห็นจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาคารกลางช่วยเติมเชื้อให้กับการถกเถียงเรื่องการลดดอกเบี้ย แต่ตลาดยังไม่มองว่าเป็นสัญญาณไฟเขียวที่ชัดเจน


อัตราผลตอบแทนพันธบัตรไม่จำเป็นต้องพุ่งขึ้น หุ้นก็สามารถปรับตัวลงได้ เมื่อระดับการประเมินมูลค่าสูงอยู่แล้ว เพียงแค่ความไม่แน่นอนก็เพียงพอ นักเทรดเข้าใจดีว่า การเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยของอัตราผลตอบแทนหรือความคาดหวังด้านดอกเบี้ย สามารถเปลี่ยนระดับความเสี่ยงที่นักลงทุนยอมถือข้ามคืนได้อย่างมีนัยสำคัญ


3) สภาพคล่องปลายปีขยายความผันผวน

การซื้อขายช่วงปลายปีมักมีลักษณะผิดปกติ กองทุนขนาดใหญ่ทำการปรับพอร์ต บางฝ่ายลดความเสี่ยง ขณะที่นักลงทุนบางรายล็อกกำไรหรือขายเพื่อบริหารภาษี เมื่อสภาพคล่องลดลง แรงขายเพียงเล็กน้อยก็สามารถกดดัชนีลงได้แรงกว่าปกติ


นอกจากนี้ ยังมีรายงานล่าสุดเกี่ยวกับความตึงตัวในตลาดเงินระยะสั้น ซึ่งอัตรา repo ที่สูงขึ้นอาจเป็นสัญญาณของสภาพคล่องที่เริ่มตึง แม้สิ่งเหล่านี้จะไม่ปรากฏชัดบนกราฟหุ้น แต่สามารถเพิ่มระดับความระมัดระวังให้กับทั้งระบบได้


4) การหมุนเงินเข้าสู่หุ้นป้องกันความเสี่ยงและพลังงาน

แม้หุ้นกลุ่มเติบโตจะปรับตัวลง แต่บางกลุ่มที่มีลักษณะป้องกันความเสี่ยงกลับทำผลงานได้ดีกว่าและมีความทนทานมากกว่า ขณะเดียวกัน หุ้นพลังงานได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้น จากปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์และความกังวลด้านอุปทาน


เมื่อหุ้นพลังงานทรงตัวได้ดีในขณะที่หุ้นเทคโนโลยีอ่อนแรง มักสะท้อนถึงการเปลี่ยนโหมดจาก “รับความเสี่ยง” ไปสู่การปกป้องพอร์ตการลงทุน


5) ตลาดหลุดระดับเทคนิคสำคัญ

การหลุดระดับทางเทคนิคที่ชัดเจนสามารถเปลี่ยนวันปรับลงธรรมดา ให้กลายเป็นการปรับฐานที่รุนแรงขึ้นได้ ตัวอย่างเช่น ดัชนีหลักปรับตัวหลุด เส้นค่าเฉลี่ยที่นักลงทุนจำนวนมากจับตา ซึ่งมักกระตุ้นแรงขายเชิงกลไกและคำสั่งหยุดขาดทุน (Stop-loss)


เมื่อผู้นำตลาดกระจุกตัวอยู่ในหุ้นขนาดใหญ่เพียงไม่กี่ตัว การปรับฐานจึงดูรุนแรงเป็นพิเศษ เพราะว่า

  • กลยุทธ์แบบ Passive และ Systematic ลดความเสี่ยงพร้อมกัน

  • ดีลเลอร์ทำเฮดจ์กระแสออปชันแบบอัตโนมัติ

  • กำไรที่สะสมอยู่กระจุกตัวในหุ้นชุดเดียวกับที่ทุกคนถือ


นี่จึงเป็นเหตุผลที่ในสถานการณ์เช่นนี้ Nasdaq มักร่วงแรงกว่า Dow เพราะไม่ใช่แค่ “Risk-off” แต่เป็นกระบวนการ ลดขนาดสถานะ (De-grossing) ในหุ้นผู้ชนะที่แออัดที่สุดของตลาด


ภาพใหญ่เบื้องหลังแรงขายในวันนี้

หากมองให้ชัดขึ้น จะช่วยได้มากหากคิดว่าตลาดหุ้นสหรัฐมี “สองตลาด” ที่อยู่ร่วมกัน ได้แก่

  • ตลาดของเรื่องราว (Story Market): นักลงทุนเข้าซื้อธีมอย่าง AI ผลิตภาพ และการเติบโต

  • ตลาดงบดุล (Balance-Sheet Market): นักลงทุนจับตาอัตราดอกเบี้ย ต้นทุนทางการเงิน และระดับเลเวอเรจที่ระบบการเงินสามารถรองรับได้


เมื่อใดที่ตลาดหุ้นแข็งแกร่ง ตลาดงบดุลมักถูกมองข้าม แต่เมื่อความเสี่ยงด้านเงินทุนเริ่มปรากฏ ตลาดงบดุลจะกลับมามีอำนาจควบคุมทิศทางทันที และภาพที่เห็นในวันนี้ดูเหมือนจะเป็นกรณีหลังอย่างชัดเจน


การวิเคราะห์เทคนิคตลาดหุ้นสหรัฐ: จุดที่นักเทรดกำลังโฟกัส

สินทรัพย์ มุมมอง (รายวัน) RSI (14) MACD (12,26) การอ่านความผันผวน สะท้อนอะไร
S&P 500 Strong Sell 27.999 -27.85 ATR บ่งชี้ความผันผวนสูง โมเมนตัมอยู่ในภาวะ Oversold แรงขายยังครอบงำ
Nasdaq 100 Strong Sell 26.442 -172.45 ATR ผันผวนสูง แรงขาลงหนักกว่า S&P ตลาดยังเปราะบาง
Dow Jones Strong Sell 37.657 -77.17 ATR ผันผวนสูง อ่อนตัว แต่ยังไม่ Oversold เท่ากลุ่มเทคโนโลยี
SPY (ETF S&P 500) Strong Sell 28.414 -2.66 ATR ผันผวนสูง เคลื่อนไหวตามดัชนี: Oversold แต่แนวโน้มยังเป็นขาลง


ระดับแนวรับ–แนวต้านที่ต้องจับตา (ระยะสั้น)

ระดับเหล่านี้มีความสำคัญ เพราะอยู่ใกล้ตัวเลขกลมและแนวโน้มที่นักลงทุนจำนวนมากเฝ้าดู


S&P 500

  • แนวรับ: 6,700 และ 6,650

  • แนวต้าน : 6,800 และโซน 6,900


หากระดับ 6,700 ไม่สามารถยืนได้เมื่อปิดตลาด นักเทรดมักมองการรีบาวด์เป็นโอกาสขาย จนกว่าโมเมนตัมจะฟื้นตัวชัดเจน


Nasdaq 100

  • แนวรับ : บริเวณสวิงล่าสุดแถวโซน 24,5xx–24,7xx (แนวจิตวิทยา)

  • แนวต้าน : โซนที่เคยหลุดลงมา และการกลับขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยหลัก (สัญญาณซ่อมแนวโน้ม)


Dow Jones

  • แนวรับ: 47,500–47,700

  • แนวต้าน: 48,300–48,500


Dow Jones ทำหน้าที่เป็นตัวชี้วัดความแข็งแกร่งสัมพัทธ์ หากดัชนีนี้เริ่มทรงตัวได้ในขณะที่ Nasdaq ยังปรับลงต่อไป ประเด็นหลักของตลาดจะยังคงอยู่ที่การหมุนกลุ่มอุตสาหกรรม (Sector Rotation) มากกว่าการเทขายทั้งกระดาน


สิ่งที่ต้องจับตาต่อไป

ทำไมหุ้นสหรัฐร่วงลงวันนี้

  1. ดัชนี CPI สหรัฐ (พ.ย. 2025) — วันที่ 18 ธ.ค. เวลา 8:30 น. ตามเวลา ET: เป็นตัวกระตุ้นโดยตรงต่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตร ค่าเงินดอลลาร์ และการประเมินมูลค่าหุ้นเติบโต

  2. ข่าวการลงทุน (Capex) ด้าน AI: ต้องจับตาว่ามีสัญญาณใดบ้างที่บ่งชี้ว่าแผนการใช้จ่ายถูกเลื่อนออกไป แหล่งเงินทุนมีเงื่อนไขแย่ลง หรือการลงทุนยังไม่แปลงเป็นอุปสงค์จริง

  3. ความกว้างของตลาด: หากหุ้นส่วนใหญ่เริ่มปรับตัวลงตามกลุ่มเทคโนโลยี ความเสี่ยงจะยกระดับจาก “การหมุนกลุ่ม” ไปสู่ภาวะ “Risk-off”


คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

1) ทำไมหุ้นสหรัฐร่วงลงวันนี้?

ปัจจัยหลักคือความกังวลที่กลับมาอีกครั้งเกี่ยวกับต้นทุนและแหล่งเงินทุนของการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน AI ซึ่งกดดันหุ้นเทคโนโลยีและฉุด Nasdaq ลง ขณะที่ความไม่แน่นอนด้านดอกเบี้ยและสภาพคล่องช่วงปลายปีก็เพิ่มแรงกดดัน


2) การปรับฐานครั้งนี้นำโดยหุ้นเทคโนโลยีหรือไม่?

ใช่ การร่วงลงอย่างหนักของหุ้นขนาดใหญ่และหุ้นที่เกี่ยวข้องกับ AI เป็นแรงฉุดหลักของดัชนี ขณะที่กลุ่มป้องกันความเสี่ยงยังทรงตัวได้ดีกว่า


3) ตอนนี้ตลาดอยู่ในภาวะ Oversold หรือยัง?

สำหรับ S&P 500 ค่า RSI ใกล้ระดับ 28 บ่งชี้ว่าโมเมนตัมอ่อนแรงมากและเข้าสู่ภาวะ Oversold


4) แนวรับสำคัญของ S&P 500 หลังการร่วงลงวันนี้อยู่ที่ใด?

โซนที่ต้องจับตาคือ บริเวณเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน ใกล้ระดับ 6,778 จุด และ แนวรับจากความผันผวนต่ำใกล้ 6,598 จุด


5) สัญญาณใดบ่งชี้ว่าแรงขายเริ่มคลี่คลาย?

การปิดตลาดอย่างมั่นคง กลับขึ้นเหนือโซนเส้นค่าเฉลี่ย 20 วัน ใกล้ 6,789 จุด และค่อย ๆ ขยับเข้าใกล้ เส้นค่าเฉลี่ย 50 วัน แถว 6,827 จุด จะเป็นสัญญาณแรกว่าแรงขายเริ่มอ่อนแรง


บทสรุป

โดยสรุป การปรับตัวลงของตลาดในวันพุธ ไม่ใช่ความผันผวนแบบไร้ทิศทาง แต่เป็นสัญญาณว่าตลาดเริ่ม เข้มงวดกับหุ้น AI ที่มีราคาสูงและอ่อนไหวต่อภาระหนี้ มากขึ้น พร้อมทั้งลดความเสี่ยงก่อนการประกาศ CPI


หากข้อมูลเงินเฟ้อออกมาไม่ร้อนแรงและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรยังสงบ ภาวะ Oversold อาจจุดชนวนให้เกิดการรีบาวด์แรงได้ แต่หาก CPI สูงกว่าคาด คาดว่าหุ้นเทคโนโลยีจะยังเป็นจุดกดดันหลัก และการรีบาวด์ใด ๆ มีแนวโน้มจะเจอแรงขายอย่างรวดเร็ว


ข้อสงวนสิทธิ์: เนื้อหานี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนาให้เป็น (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรนำไปใช้เป็นหลักในการตัดสินใจ ความเห็นใดๆ ที่ปรากฏในเนื้อหานี้ไม่ได้เป็นการแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่าการลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือกลยุทธ์การลงทุนใดๆ เหมาะสมสำหรับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ

บทความแนะนำ
หุ้นเอเชียดิ่งหนัก! KOSPI รั้งหัวขบวนขาลงในภูมิภาค
ดอลลาร์สหรัฐวันนี้เผชิญแรงขาย หลังเฟดลดดอกเบี้ย ดัน DXY ร่วงต่อเนื่อง
ทำไมหุ้น NuScale Power ร่วง? วิเคราะห์หุ้น SMR
USDCNY ร่วงแตะระดับ 7.08 จุดต่ำสุดรอบใหม่ ตลาดกำลังจับตาทิศทางต่อไปจะเป็นอย่างไร?
ค่าเงินบาทแข็ง! เจาะลึกโอกาสและความเสี่ยงในตลาดโลก