简体中文 繁體中文 English 한국어 日本語 Español Bahasa Indonesia Tiếng Việt Português Монгол العربية हिन्दी Русский ئۇيغۇر تىلى

จับตา CPI สหรัฐฯ เดือนกันยายน เศรษฐกิจร้อนแรงหรือเย็นลง?

เผยแพร่เมื่อ: 2025-10-24

สำนักสถิติแรงงานสหรัฐฯ (Bureau of Labor Statistics) เตรียมประกาศข้อมูล ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนกันยายนในวันนี้ วันศุกร์ที่ 24 ตุลาคม เวลา 8:30 น. ตามเวลาสหรัฐฯตะวันออก (หรือ 21:30 น. ตามเวลา GMT+8)


นักเศรษฐศาสตร์คาดว่า เงินเฟ้อทั่วไปจะอยู่ที่ 3.1% เมื่อเทียบรายปี เพิ่มขึ้นจาก 2.9% ในเดือนสิงหาคม ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2024 ที่เงินเฟ้อแตะ 3.3%


ส่วน Core CPI ซึ่งไม่รวมราคาพลังงานและอาหาร คาดว่าจะทรงตัวที่ 3.1% เช่นเดิม รายงานฉบับนี้ถูกจับตาเป็นพิเศษเนื่องจากออกมาในช่วงที่รัฐบาลสหรัฐฯ ปิดทำการบางส่วน ทำให้เป็นข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญเพียงชุดเดียวของสัปดาห์ และอาจสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อตลาด


ทั้งนี้ นักลงทุนจะเฝ้ารอดูท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ที่มีกำหนดประชุมวันที่ 30–31 ตุลาคมนี้ เพื่อพิจารณาการ ปรับลดอัตราดอกเบี้ยแม้อัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่เหนือเป้าหมาย 2% ก็ตาม


คาดการณ์ดัชนี CPI เดือนกันยายนของสหรัฐฯ: 3.1% เทียบกับ 2.9% ก่อนหน้า

ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯ เร็วๆ นี้

สำนักสถิติแรงงานสหรัฐฯ (Bureau of Labor Statistics) ได้เลื่อนการเผยแพร่รายงานนี้จากวันที่ 15 ตุลาคม มาเป็นวันที่ 24 ตุลาคม เนื่องจากปัญหาการปิดทำการของรัฐบาล (Government Shutdown) ทั้งนี้เจ้าหน้าที่บางส่วนถูกเรียกกลับมาทำงานเป็นกรณีพิเศษเพื่อจัดทำรายงานนี้ เนื่องจากข้อมูลดังกล่าวมีผลต่อการคำนวณการปรับเพิ่มค่าครองชีพของโครงการประกันสังคม (Social Security Cost-of-Living Adjustments) [1]


CPI ทั่วไป (Headline CPI) คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.4% จากเดือนสิงหาคมถึงกันยายน ขณะที่ CPI พื้นฐาน (Core CPI) คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.3% ซึ่งหากเป็นไปตามคาด จะสะท้อนถึงการเร่งตัวของแรงกดดันด้านราคาเป็นเดือนที่สองติดต่อกัน และยิ่งห่างออกไปจาก เป้าหมายเงินเฟ้อ 2% ของเฟด


แบบจำลอง Nowcast ของธนาคารกลางคลีฟแลนด์ (Cleveland Fed) ที่อัปเดตเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม คาดว่า CPI รายเดือนเดือนกันยายนจะอยู่ที่ 0.38% หรือ 2.99% เมื่อเทียบรายปี ส่วน Core CPI อยู่ที่ 0.26% รายเดือน และ 2.95% รายปี สำหรับเดือนตุลาคม โมเดลดังกล่าวคาดว่าแรงกดดันเงินเฟ้อจะเริ่มชะลอลง โดย CPI ทั่วไปอยู่ที่ 0.19% รายเดือน และ 2.95% รายปี


ปัจจัยหนุนเงินเฟ้อสหรัฐฯ เดือนกันยายน


นโยบายภาษีนำเข้าของประธานาธิบดีทรัมป์ เป็นแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้ราคาสินค้าเพิ่มขึ้น งานวิจัยของ Goldman Sachs ชี้ว่า บริษัทต่าง ๆ ได้ผลักภาระภาษีนำเข้าราว 55% มายังผู้บริโภคในสหรัฐฯ โดยผลกระทบนี้จะค่อย ๆ สะท้อนผ่านห่วงโซ่อุปทาน หมายความว่าข้อมูลเดือนกันยายนยังสะท้อนผลกระทบเพียงบางส่วนเท่านั้น


หมวด CPI ผลกระทบที่คาด ปัจจัยหลัก การวิเคราะห์
พลังงาน/น้ำมัน การเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ราคาน้ำมันดิบที่พุ่งสูงขึ้น หนุนการเร่งตัวของ CPI รวม
อาหาร แรงกดดันต่อเนื่อง ต้นทุนโลจิสติกส์และสภาพอากาศ แนวโน้มขาขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เครื่องแต่งกาย ปรับเพิ่มแรง ผลกระทบตรงจากภาษีนำเข้า กลุ่มสินค้าที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด
เฟอร์นิเจอร์และของใช้ในบ้าน เร่งตัวจากเดือนก่อน ภาษีนำเข้าสินค้าจีน ผลของภาษีเริ่มชัดเจน
ที่อยู่อาศัย ทรงตัวในระดับสูง ค่าเช่าที่ล่าช้าในการปรับขึ้น สัดส่วนใหญ่สุดของ CPI ที่ 33%


นักวิเคราะห์จาก TD Securities ระบุว่า เงินเฟ้อฝั่งสินค้า (Goods Inflation) เร่งตัวขึ้นจากผลของภาษีนำเข้า ขณะที่ เงินเฟ้อภาคบริการ (Service Inflation) เริ่มมีแนวโน้มชะลอ โดยเฉพาะในภาคที่อยู่อาศัย อย่างไรก็ตาม ต้นทุนที่อยู่อาศัยยังคงอยู่ในระดับสูง แม้จะเริ่มลดลงจากจุดสูงสุดก่อนหน้า


Kristy Akullian หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนของ BlackRock กล่าวเสริมว่า "ในหมวดสินค้าอย่างเสื้อผ้า เฟอร์นิเจอร์ และอุปกรณ์กีฬา เราเห็นการปรับขึ้นของราคาชัดเจน ซึ่งน่าจะสะท้อนผลของภาษีนำเข้าที่ถูกผลักมายังผู้บริโภคบางส่วน"


จากผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกน (University of Michigan) พบว่า แม้ราคาสินค้าจะสูงขึ้น แต่ความคาดหวังเงินเฟ้อของผู้บริโภคกลับลดลง โดยการคาดการณ์เงินเฟ้อในระยะ 1 ปี ลดลงจาก 4.9% ในเดือนกันยายน เหลือ 4.6% ในเดือนตุลาคม สะท้อนว่าผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังมองว่าแรงกดดันเงินเฟ้อในปัจจุบันเป็นเพียงชั่วคราว ไม่ใช่แนวโน้มระยะยาว


เฟดยังคงคาดว่าจะลดดอกเบี้ย แม้เงินเฟ้อเร่งตัวขึ้น


คณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) มีกำหนดประชุมในวันที่ 30–31 ตุลาคม เพียงไม่กี่วันหลังจากรายงาน CPI ถูกเผยแพร่ ข้อมูลจากตลาดพันธบัตรชี้ว่านักลงทุนเกือบทั้งหมดคาดว่าเฟดจะปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25% ในการประชุมครั้งนี้ ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยกองทุนเฟดลดจากช่วง 4.00%–4.25% เหลือ 3.75%–4.00% และมีการคาดการณ์ว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนธันวาคม สู่ระดับ 3.50%–3.75% ภายในสิ้นปีนี้


สิ่งนี้ก่อให้เกิดความขัดแย้งอย่างเห็นได้ชัด นั่นคือ เงินเฟ้อกำลังเร่งตัว แต่เฟดยังคงลดดอกเบี้ย อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่เฟดมองว่า ตลาดแรงงานที่ชะลอตัวลง เป็นเหตุผลหลักที่สมเหตุสมผลในการผ่อนคลายนโยบายการเงิน แม้แรงกดดันด้านราคายังสูงอยู่ ประธานเฟด เจอโรม พาวเวลล์ (Jerome Powell) ระบุว่า คณะกรรมการจะดำเนินการอย่างระมัดระวัง และปรับนโยบายตามข้อมูลเศรษฐกิจที่ทยอยเข้ามา


เจฟฟรีย์ โรช หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ LPL Financial กล่าวถึงสถานการณ์นี้ว่า “เงินเฟ้อในตอนนี้ถือว่าร้อนแรงชั่วคราว แต่คำสำคัญคือชั่วคราว” เขามองว่า ภาษีนำเข้าเป็นเพียงแรงกระแทกชั่วคราวต่อราคาสินค้า มากกว่าจะเป็นสัญญาณของการเร่งตัวถาวรของเงินเฟ้อ ขณะที่เฟดคาดว่า เงินเฟ้อจะยังคงอยู่เหนือเป้าหมาย 2% ไปอีกราวหนึ่งปี แต่บางนักเศรษฐศาสตร์เชื่อว่าการชะลอตัวของเงินเฟ้ออาจเกิดขึ้นเร็วกว่านั้น


นักเศรษฐศาสตร์จาก Citigroup แสดงความกังวลเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือของข้อมูลเศรษฐกิจระหว่างช่วงปิดทำการของรัฐบาล เนื่องจากการเก็บข้อมูลแบบเรียลไทม์ถูกจำกัด ทำให้สำนักสถิติแรงงาน (BLS) ประสบความยากลำบวนในการรวบรวมข้อมูลครบถ้วน อย่างไรก็ตาม หน่วยงานรัฐบาลได้ออกมายืนยันว่า ความถูกต้องและความน่าเชื่อถือของข้อมูลยังคงอยู่ในระดับมั่นคง


ตลาดจะตอบสนองต่อความประหลาดใจของตัวเลข CPI อย่างไร: 3 สถานการณ์หลัก


การประกาศข้อมูล CPI ในวันนี้เวลา 8:30 น. ตามเวลาสหรัฐฯตะวันออก (ET) คาดว่าจะสร้างแรงกระเพื่อบทันทีในทุกประเภทสินทรัพย์ เนื่องจากเป็นตัวชี้วัดเศรษฐกิจสำคัญเพียงรายการเดียว ที่เผยแพร่ระหว่างช่วงที่รัฐบาลสหรัฐฯ ปิดทำการบางส่วน [2]


ระดับ CPI ที่รายงาน ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ตลาดหุ้น อัตราผลตอบแทนพันธบัตร ความน่าจะเป็นที่เฟดจะลดดอกเบี้ยเดือนธันวาคม
สูงกว่า 3.3% แข็งค่าขึ้นแรง ร่วงลงชัดเจน เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ลดลงต่ำกว่า 50%
3.1% (ตามคาดการณ์ตลาด) แข็งค่าปานกลาง ผันผวนไม่แน่นอน เพิ่มขึ้นเล็กน้อย คงอยู่เหนือ 85%+
ต่ำกว่า 2.9% อ่อนค่าลงอย่างเห็นได้ชัด พุ่งขึ้นจากความหวัง “Soft Landing” ลดลง เพิ่มขึ้นเกิน 95%


ก่อนการประกาศข้อมูล ค่าเงินดอลลาร์เคลื่อนไหวอย่างระมัดระวัง โดยตลาดอัตราแลกเปลี่ยนรอทิศทางที่ชัดเจน หากตัวเลขออกมาสูงกว่าคาดอย่างมาก ดอลลาร์มีแนวโน้มจะแข็งค่าขึ้นเทียบกับสกุลหลัก เนื่องจากความคาดหวังต่อการลดดอกเบี้ยของเฟดจะลดลง ในทางกลับกัน หากตัวเลขออกมาต่ำกว่าคาด จะช่วยหนุนการปรับขึ้นของตลาดหุ้นต่อเนื่อง และกดดันค่าเงินดอลลาร์ให้อ่อนตัว


ตลาดหุ้นอาจเผชิญแรงขายทำกำไรหากเงินเฟ้อออกมาสูงกว่าคาด เนื่องจากตลอดช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีหุ้นปรับขึ้นจากความเชื่อว่าเฟดจะยังคงผ่อนคลายนโยบาย ข้อมูลที่สะท้อนว่าเงินเฟ้อเร่งตัวอาจบั่นทอนความเชื่อนี้และกระตุ้นให้เกิดการขายทำกำไรระยะสั้น


ตลาดพันธบัตรรัฐบาล (Treasury Yields) จะตอบสนองโดยตรงต่อผลของตัวเลขเงินเฟ้อและความคาดหวังต่อการตัดสินใจของเฟดในลำดับถัดไป อัตราผลตอบแทนพันธบัตรได้ขยับขึ้นเล็กน้อยในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เนื่องจากนักลงทุนเริ่มปรับพอร์ตเพื่อรับมือกับความเป็นไปได้ที่ CPI จะออกมาสูงขึ้น โดยเฉพาะ พันธบัตรอายุ 2 ปี ซึ่งมีความไวต่อการเปลี่ยนแปลงนโยบายของเฟดในระยะสั้น อาจเคลื่อนไหวแรงขึ้นตามการประเมินโอกาสที่เฟดจะลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธันวาคม


กำหนดการสำคัญที่ต้องจับตา

คาดการณ์ดัชนี CPI ของสหรัฐฯ

เหตุการณ์สำคัญที่เกี่ยวข้องกับนโยบายการเงินและข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐฯ:


  • 24 ตุลาคม เวลา 8:30 น. ET: การประกาศรายงาน CPI เดือนกันยายน (วันนี้)

  • 30–31 ตุลาคม: การประชุมคณะกรรมการ FOMC ของเฟด คาดว่าจะลดดอกเบี้ย 0.25%

  • 13 พฤศจิกายน เวลา 8:30 น. ET: การประกาศรายงาน CPI เดือนตุลาคม

  • 17–18 ธันวาคม: การประชุมเฟด คาดว่าจะมีการปรับลดดอกเบี้ยครั้งที่สอง


รายงานในวันนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของเส้นทางเงินเฟ้อ ผลลัพธ์จะช่วยชี้ว่าราคาสินค้ากำลังกลับมาเร่งตัวจริงหรือเป็นเพียงความผันผวนชั่วคราวจากภาษีนำเข้า ซึ่งจะเห็นภาพชัดขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ตัวเลขเดือนกันยายนนี้จะเป็นตัวชี้วัดว่า เงินเฟ้อยังอยู่ในแนวโน้มชะลอลงสู่เป้าหมาย 2% ของเฟดหรือไม่ หรือว่าความคืบหน้าเริ่มชะงัก


เจฟฟรีย์ โรช จาก LPL Financial มองว่าแรงกดดันจากภาษีนำเข้าเป็นเพียงปัจจัยชั่วคราว ขณะที่คริสตี้ อะคัลเลียน จาก BlackRock ชี้ว่า ในบางหมวดสินค้า เช่น เสื้อผ้าและเฟอร์นิเจอร์ มีสัญญาณของผลกระทบจากภาษีนำเข้าอย่างชัดเจน ข้อถกเถียงจึงอยู่ที่ว่า ตัวเลข 3.1% ของเดือนกันยายนนี้เป็นเพียงจุดพุ่งชั่วคราวหรือสัญญาณเริ่มต้นของแนวโน้มที่น่ากังวลกว่า


สำหรับเทรดเดอร์และนักลงทุน ความผันผวนของตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้นทันทีเมื่อข้อมูลเผยแพร่เวลา 8:30 น. ET โดยอาจเกิดความเคลื่อนไหวแรงทั้งในตลาดเงิน สินทรัพย์หุ้น และพันธบัตร เนื่องจากในช่วงที่รัฐบาลปิดทำการ ขาดข้อมูลเศรษฐกิจอื่น ๆ รายงานฉบับนี้จึงมีน้ำหนักอย่างมากในการกำหนดทิศทางความเชื่อมั่นของตลาดและคาดการณ์การตัดสินใจของเฟด [3]


ข้อสงวนสิทธิ์: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็น (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ได้เป็นคำแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ


แหล่งที่มา

[1] https://edition.cnn.com/2025/10/23/economy/us-cpi-september-inflation-preview

[2] https://www.reuters.com/world/asia-pacific/dollar-calm-traders-brace-us-inflation-data-2025-10-24/

[3] https://www.cbsnews.com/news/cpi-report-inflation-september-2025-forecast-social-security-cola/

บทความแนะนำ
เงินเฟ้อญี่ปุ่นทะยาน 2.9%! ตลาดจับตา USD/JPY จะพุ่งหรือดิ่งต่อ?
XLY ETF น่าลงทุนหรือไม่ในปี 202? สิ่งที่นักลงทุนควรรู้
ทำไมสกุลเงินเวียดนามถึงอ่อนค่า? เผยปัจจัยสำคัญที่ควรรู้
ดอลลาร์สหรัฐฯ ร่วงลง 12.5%: อะไรอยู่เบื้องหลังการร่วงลงในปี 2025?
ทองร่วงต่ำกว่า 4,000 USD หลัง CPI สหรัฐเลื่อนเผยแพร่–เฟดจ่อหั่นดอกเบี้ย