FED ลดดอกเบี้ย หนุน WTI ทะลุ 63 USD แต่บาทยังอ่อนต่อ?
简体中文 繁體中文 English 한국어 日本語 Español Bahasa Indonesia Tiếng Việt Português Монгол العربية हिन्दी Русский ئۇيغۇر تىلى

FED ลดดอกเบี้ย หนุน WTI ทะลุ 63 USD แต่บาทยังอ่อนต่อ?

เผยแพร่เมื่อ: 2025-09-22

22 ก.ย. 2025 - ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต (WTI) ขยับขึ้นมายืนเหนือระดับ 63.20 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในการซื้อขายช่วงเช้าวันศุกร์ตามเวลาเอเชีย ท่ามกลางความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่รุนแรงขึ้นทั้งในยุโรปและตะวันออกกลาง นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสถาบันปิโตรเลียมอเมริกัน (API) ที่จะประกาศในวันอังคาร


แรงกดดันด้านอุปทานและความมั่นคงด้านพลังงานในยุโรปยังคงเป็นประเด็นสำคัญ หลังจากมีรายงานว่าโปแลนด์ต้องส่งเครื่องบินขับไล่ร่วมกับพันธมิตรเพื่อคุ้มครองน่านฟ้า หลังรัสเซียโจมตีพื้นที่ทางตะวันตกของยูเครนใกล้ชายแดน นอกจากนี้ การตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ที่เพิ่งประกาศลดดอกเบี้ย และส่งสัญญาณลดเพิ่มอีก 2 ครั้งภายในปีนี้ ก็เป็นอีกปัจจัยที่สนับสนุนแนวโน้มความต้องการใช้น้ำมัน เพราะดอกเบี้ยต่ำมักเอื้อต่อการบริโภคพลังงาน


อย่างไรก็ดี ตลาดยังเผชิญแรงกดดันจากการคาดการณ์อุปทานน้ำมันที่อาจเพิ่มขึ้น และความกังวลต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่มีสัญญาณชะลอตัว โดยข้อมูลจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงาน (EIA) ระบุว่าสัปดาห์ที่ผ่านมา สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ ลดลงแรงจากการนำเข้าเน็ตต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่การส่งออกพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบสองปี แต่ในทางกลับกัน สต็อกน้ำมันกลั่นเพิ่มขึ้นถึง 4 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่คาดไว้เพียง 1 ล้านบาร์เรล สะท้อนถึงความกังวลต่ออุปสงค์ในประเทศ


หนุน WTI ทะลุ 63 USD - EBC


เงินบาทอ่อนต่อเนื่อง แรงขายต่างชาติยังกดตลาด


ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันจันทร์ที่ 31.87 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลงเล็กน้อยจากระดับปิดสัปดาห์ก่อนที่ 31.84 บาทต่อดอลลาร์ โดยเคลื่อนไหวในกรอบ 31.80-31.92 บาทต่อดอลลาร์ แม้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่แรงรีบาวด์ของราคาทองคำสู่ระดับ 3,685 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และแรงขายดอลลาร์จากฝั่งผู้ส่งออกช่วยชะลอการอ่อนค่าของเงินบาท


นักวิเคราะห์ประเมินว่า เงินบาทมีโอกาสทยอยอ่อนค่าต่อเนื่อง หากดอลลาร์ยังแข็งแกร่งจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาดีกว่าคาด แต่การอ่อนค่าจะไม่ราบรื่นนัก เพราะทุกครั้งที่เงินบาทเข้าใกล้ระดับแนวต้าน 31.85-32.00 บาทต่อดอลลาร์ มักเจอแรงขายดอลลาร์จากผู้ส่งออกเข้ามาสกัดกั้น


แรงกดดันเพิ่มเติมยังมาจากการขายสินทรัพย์ไทยโดยนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะตลาดหุ้นที่ยังเผชิญแรงขายต่อเนื่อง ส่วนตลาดบอนด์อาจชะลอแรงขายบ้าง หากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรไทยปรับลดลงในระดับที่จูงใจให้นักลงทุนกลับเข้ามาถือครอง


ชี้ชะตา PMI–เงินเฟ้อ–FED จุดโฟกัสตลาดการเงินสัปดาห์นี้


นักวิเคราะห์คาดว่า ตลาดการเงินโลกในสัปดาห์นี้จะให้ความสำคัญกับรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและบริการของประเทศเศรษฐกิจหลัก ข้อมูลเงินเฟ้อ PCE ของสหรัฐฯ รวมถึงยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน ซึ่งทั้งหมดจะเป็นตัวแปรสำคัญต่อการตัดสินใจเชิงนโยบายการเงินของ Fed


เงินบาท - EBC


สรุป


ราคาน้ำมันดิบ WTI ขยับขึ้นมายืนเหนือ 63.20 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากแรงหนุนทั้งความตึงเครียดภูมิรัฐศาสตร์ในยุโรปและตะวันออกกลาง รวมถึงการส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยของ Fed ที่ช่วยหนุนอุปสงค์พลังงาน อย่างไรก็ดี ปัจจัยด้านอุปทานที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และความกังวลต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่เริ่มส่งสัญญาณชะลอตัว ยังคงเป็นแรงกดดันต่อเสถียรภาพราคาน้ำมัน


ขณะเดียวกัน ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ที่ 31.87 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าจากสัปดาห์ก่อนหน้า และมีแนวโน้มแกว่งตัวในกรอบ 31.75–31.95 บาทต่อดอลลาร์ ท่ามกลางแรงกดดันจากเงินดอลลาร์แข็งค่าและแรงขายสินทรัพย์ไทยโดยนักลงทุนต่างชาติ ถึงแม้แรงขายดอลลาร์จากผู้ส่งออกและการรีบาวด์ของราคาทองคำจะช่วยจำกัดการอ่อนค่าบางส่วน แต่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังมองว่าเงินบาทมีความเสี่ยงอ่อนค่าต่อ หากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาดและหนุนให้ดอลลาร์แข็งค่าเพิ่มขึ้น


ข้อสงวนสิทธิ์: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนา (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ได้เป็นคำแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ

บทความแนะนำ
ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ผันผวน เงิน–ทองพุ่ง ส่วนน้ำมันอ่อนแรง
เงินเฟ้อสหรัฐฯ และการลดดอกเบี้ยของ RBNZ: ปัจจัยอะไรที่กำลังขับเคลื่อน AUD และ NZD ตอนนี้
คาดการณ์ดัชนี S&P 500 ปี 2026: อาจเเตะ 8,000-8,100
5 แนวโน้มสำคัญที่จะกำหนดทิศทางดอลลาร์ปี 2026
ตลาดหุ้นยุโรป: จุดหมายใหม่ของกระแสเงินทุนนักลงทุนในปี 2026