2025-09-22
22 ก.ย. 2025 - ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต (WTI) ขยับขึ้นมายืนเหนือระดับ 63.20 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในการซื้อขายช่วงเช้าวันศุกร์ตามเวลาเอเชีย ท่ามกลางความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่รุนแรงขึ้นทั้งในยุโรปและตะวันออกกลาง นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสถาบันปิโตรเลียมอเมริกัน (API) ที่จะประกาศในวันอังคาร
แรงกดดันด้านอุปทานและความมั่นคงด้านพลังงานในยุโรปยังคงเป็นประเด็นสำคัญ หลังจากมีรายงานว่าโปแลนด์ต้องส่งเครื่องบินขับไล่ร่วมกับพันธมิตรเพื่อคุ้มครองน่านฟ้า หลังรัสเซียโจมตีพื้นที่ทางตะวันตกของยูเครนใกล้ชายแดน นอกจากนี้ การตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ที่เพิ่งประกาศลดดอกเบี้ย และส่งสัญญาณลดเพิ่มอีก 2 ครั้งภายในปีนี้ ก็เป็นอีกปัจจัยที่สนับสนุนแนวโน้มความต้องการใช้น้ำมัน เพราะดอกเบี้ยต่ำมักเอื้อต่อการบริโภคพลังงาน
อย่างไรก็ดี ตลาดยังเผชิญแรงกดดันจากการคาดการณ์อุปทานน้ำมันที่อาจเพิ่มขึ้น และความกังวลต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่มีสัญญาณชะลอตัว โดยข้อมูลจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงาน (EIA) ระบุว่าสัปดาห์ที่ผ่านมา สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ ลดลงแรงจากการนำเข้าเน็ตต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่การส่งออกพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบสองปี แต่ในทางกลับกัน สต็อกน้ำมันกลั่นเพิ่มขึ้นถึง 4 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่คาดไว้เพียง 1 ล้านบาร์เรล สะท้อนถึงความกังวลต่ออุปสงค์ในประเทศ
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันจันทร์ที่ 31.87 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลงเล็กน้อยจากระดับปิดสัปดาห์ก่อนที่ 31.84 บาทต่อดอลลาร์ โดยเคลื่อนไหวในกรอบ 31.80-31.92 บาทต่อดอลลาร์ แม้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่แรงรีบาวด์ของราคาทองคำสู่ระดับ 3,685 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และแรงขายดอลลาร์จากฝั่งผู้ส่งออกช่วยชะลอการอ่อนค่าของเงินบาท
นักวิเคราะห์ประเมินว่า เงินบาทมีโอกาสทยอยอ่อนค่าต่อเนื่อง หากดอลลาร์ยังแข็งแกร่งจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาดีกว่าคาด แต่การอ่อนค่าจะไม่ราบรื่นนัก เพราะทุกครั้งที่เงินบาทเข้าใกล้ระดับแนวต้าน 31.85-32.00 บาทต่อดอลลาร์ มักเจอแรงขายดอลลาร์จากผู้ส่งออกเข้ามาสกัดกั้น
แรงกดดันเพิ่มเติมยังมาจากการขายสินทรัพย์ไทยโดยนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะตลาดหุ้นที่ยังเผชิญแรงขายต่อเนื่อง ส่วนตลาดบอนด์อาจชะลอแรงขายบ้าง หากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรไทยปรับลดลงในระดับที่จูงใจให้นักลงทุนกลับเข้ามาถือครอง
นักวิเคราะห์คาดว่า ตลาดการเงินโลกในสัปดาห์นี้จะให้ความสำคัญกับรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและบริการของประเทศเศรษฐกิจหลัก ข้อมูลเงินเฟ้อ PCE ของสหรัฐฯ รวมถึงยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน ซึ่งทั้งหมดจะเป็นตัวแปรสำคัญต่อการตัดสินใจเชิงนโยบายการเงินของ Fed
ราคาน้ำมันดิบ WTI ขยับขึ้นมายืนเหนือ 63.20 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากแรงหนุนทั้งความตึงเครียดภูมิรัฐศาสตร์ในยุโรปและตะวันออกกลาง รวมถึงการส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยของ Fed ที่ช่วยหนุนอุปสงค์พลังงาน อย่างไรก็ดี ปัจจัยด้านอุปทานที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และความกังวลต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่เริ่มส่งสัญญาณชะลอตัว ยังคงเป็นแรงกดดันต่อเสถียรภาพราคาน้ำมัน
ขณะเดียวกัน ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ที่ 31.87 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าจากสัปดาห์ก่อนหน้า และมีแนวโน้มแกว่งตัวในกรอบ 31.75–31.95 บาทต่อดอลลาร์ ท่ามกลางแรงกดดันจากเงินดอลลาร์แข็งค่าและแรงขายสินทรัพย์ไทยโดยนักลงทุนต่างชาติ ถึงแม้แรงขายดอลลาร์จากผู้ส่งออกและการรีบาวด์ของราคาทองคำจะช่วยจำกัดการอ่อนค่าบางส่วน แต่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังมองว่าเงินบาทมีความเสี่ยงอ่อนค่าต่อ หากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาดและหนุนให้ดอลลาร์แข็งค่าเพิ่มขึ้น
ข้อสงวนสิทธิ์: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนา (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ได้เป็นคำแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ