2025-08-18
ทองคำ ถือเป็นสินทรัพย์เก่าแก่ที่สุดชนิดหนึ่งในโลกการเงิน แต่พฤติกรรมของมันกลับเกี่ยวพันอย่างใกล้ชิดกับเครื่องมือทางการเงินสมัยใหม่อย่างอัตราดอกเบี้ย หรือธนาคารกลางปรับอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ การบริหารการเติบโตทางเศรษฐกิจ และรักษาเสถียรภาพของค่าเงิน การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ล้วนส่งผลกระทบไปทั่วตลาดโลก ทำให้ราคาทองคำมักเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
หลายทศวรรษที่ผ่านมา นักวิเคราะห์และนักลงทุน ถกเถียงกันว่าการขึ้นลดของอัตราดอกเบี้ย มีผลกับทองยังไงในเบื้องต้น ความสัมพันธ์ดูเหมือนง่าย: อัตราดอกเบี้ยสูงทำให้ทองคำน่าสนใจน้อยลง เพราะไม่ให้ผลตอบแทน ขณะที่อัตราดอกเบี้ยต่ำลดต้นทุนโอกาสของการถือทองคำ อย่างไรก็ตาม ความเชื่อมโยงนี้ซับซ้อนกว่าที่คิด เพราะความคาดหวังเงินเฟ้อ การเคลื่อนไหวของค่าเงิน และความเชื่อมั่นของนักลงทุนล้วนมีบทบาทร่วมกับอัตราดอกเบี้ยในการกำหนดผลการดำเนินงานของทองคำ
เพื่อให้เข้าใจความซับซ้อนนี้ บทความนี้นี้จึงอธิบายถึงอัตราดอกเบี้ยส่งผลต่อราคาทองคำอย่างไร โดยอิงตัวอย่างประวัติศาสตร์ กลไกตลาด และแนวทางเชิงกลยุทธ์สำหรับนักลงทุน
ทองคำไม่ได้จ่ายดอกเบี้ยหรือเงินปันผล เมื่ออัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น หลักทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนคงที่ เช่น พันธบัตร จะน่าสนใจกว่า ดึงเงินลงทุนออกจากสินทรัพย์ที่ไม่ให้ผลตอบแทน ดังนั้นช่วงที่อัตราดอกเบี้ยสูง มักเห็นราคาทองคำอ่อนตัว
ในทางกลับกัน เมื่ออัตราดอกเบี้ยลดลง หรืออัตราดอกเบี้ยจริง (อัตรานาม – เงินเฟ้อ) เป็นลบ ทองคำมักมีผลงานดีขึ้น นักลงทุนจะไม่ได้ผลตอบแทนที่มีนัยสำคัญจากเงินสดหรือพันธบัตร ทำให้ความน่าสนใจของทองคำเพิ่มขึ้น ข้อโต้แย้งเรื่องต้นทุนโอกาสนี้ถือเป็นรากฐานของความสัมพันธ์ระหว่างอัตราดอกเบี้ยกับทองคำ และช่วยอธิบายพฤติกรรมระยะยาวของทองคำได้มาก
แม้อัตราดอกเบี้ยชื่อเรียก (nominal rate) จะเป็นที่สนใจ แต่สิ่งที่มีผลต่อทองคำจริง ๆ คืออัตราดอกเบี้ยจริง (real rate) หากเงินเฟ้ออยู่ที่ 5% ขณะที่อัตราดอกเบี้ยเพียง 3% อัตราดอกเบี้ยจริงจะเป็นลบที่ –2% เหตุการณ์เช่นนี้มักสนับสนุนทองคำ เพราะช่วยรักษากำลังซื้อ ในขณะที่เงินสดและพันธบัตรถูกตัดทอน
ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดคือทศวรรษ 1970 เงินเฟ้อพุ่งสูงในขณะที่อัตราดอกเบี้ยตามไม่ทัน ทำให้อัตราดอกเบี้ยจริงติดลบอย่างหนัก ราคาทองคำพุ่งขึ้นมากกว่า 20 เท่าในเวลาไม่ถึงหนึ่งทศวรรษ เช่นเดียวกับหลังวิกฤตการเงินปี 2008 ธนาคารกลางลดอัตราดอกเบี้ยเกือบเป็นศูนย์ ขณะที่ความกังวลเรื่องเงินเฟ้อยังคงอยู่ ส่งผลให้ทองคำพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2011
ในทางกลับกัน ช่วงที่อัตราดอกเบี้ยจริงเป็นบวก มักจำกัดผลการดำเนินงานของทองคำ เช่น ในช่วงกลางทศวรรษ 1980 และปลายทศวรรษ 1990 เมื่อ Fed คงอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าระดับเงินเฟ้อ ราคาทองคำจึงนิ่งและไม่เติบโตมากนัก
อัตราดอกเบี้ยยังส่งผลต่อค่าเงิน โดยเฉพาะดอลลาร์สหรัฐ ดอลลาร์ที่แข็งค่ามักกดดันราคาทองคำ เพราะทองคำมีการกำหนดราคาเป็นดอลลาร์ทั่วโลก เมื่ออัตราดอกเบี้ยในสหรัฐเพิ่มขึ้น สินทรัพย์ดอลลาร์จะน่าสนใจขึ้น และทองคำที่ตีเป็นดอลลาร์มักปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับค่าเงิน
ในทางกลับกัน เมื่อมีการลดอัตราดอกเบี้ยหรือมีความคาดหวังว่ามาตรการการเงินจะผ่อนคลาย ดอลลาร์จะอ่อนค่าลง ในช่วงเช่นนี้ ราคาทองคำมักปรับตัวดีขึ้น ไม่เพียงเพราะต้นทุนโอกาสต่ำลง แต่ยังเพราะผู้ซื้อจากนอกสหรัฐพบว่าทองคำมีราคาถูกลงในสกุลเงินของตน
พลวัตของค่าเงินนี้อธิบายได้ว่า ความสัมพันธ์ระหว่างทองคำกับอัตราดอกเบี้ยไม่ได้เป็นมิติเดียว แต่ถูกกรองผ่านความแข็งแกร่งหรืออ่อนค่าของดอลลาร์โดยรวม
ในระยะสั้น ราคาทองคำอาจสวนทางกับความคาดหมาย มีช่วงเวลาที่ทองคำปรับตัวขึ้นแม้อัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น มักเกิดจากนักลงทุนคาดการณ์ถึงเงินเฟ้อ ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ หรือความไม่มั่นคงทางการเงิน ในทำนองเดียวกัน ทองคำอาจปรับตัวลดลงในช่วงอัตราดอกเบี้ยลดลง หากตลาดเชื่อว่ามุมมองการเติบโตดีขึ้นและความอยากเสี่ยงสูง
ข้อสรุปหลัก: ในระยะยาว อัตราดอกเบี้ยจริงที่ต่ำหรือติดลบต่อเนื่องมักสนับสนุนราคาทองคำ ขณะที่อัตราดอกเบี้ยจริงสูงต่อเนื่องมักกดดันผลการดำเนินงานของทองคำ
สภาพตลาดยุคปัจจุบันเพิ่มความซับซ้อนอีกขั้น นักลงทุนวันนี้ไม่เพียงแต่ลงทุนทองแท่งจริง แต่ยังผ่าน ETF ฟิวเจอร์ส และออปชั่น ซึ่งเครื่องมือเหล่านี้ทำให้ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยรุนแรงขึ้น เนื่องจากสามารถซื้อขายได้เร็วขึ้นและมีการเคลื่อนย้ายทุนมากขึ้น
นอกจากนี้ ทองคำยังต้องแข่งขันกับสินทรัพย์ทางเลือก เช่น คริปโตเคอร์เรนซี ที่บางคนเรียกว่า “ทองคำดิจิทัล” แม้ Bitcoin จะแสดงความสัมพันธ์ผกผันกับอัตราดอกเบี้ยจริงในบางช่วง แต่ความผันผวนของมันทำให้ทองคำยังคงเป็นรูปแบบการป้องกันความเสี่ยงที่มั่นคงและได้รับความเชื่อถือมากกว่า
อีกปัจจัยหนึ่งในยุคปัจจุบันคือพฤติกรรมของธนาคารกลาง ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ธนาคารกลางเป็นผู้ซื้อทองคำสุทธิ โดยเฉพาะในตลาดเกิดใหม่ ความต้องการนี้ช่วยสร้างแรงสนับสนุนเชิงโครงสร้างให้กับราคาทองคำ ไม่ว่าจะอยู่ในวัฏจักรอัตราดอกเบี้ยใดก็ตาม
สำหรับนักเทรดและนักลงทุน การเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างอัตราดอกเบี้ยกับทองคำสามารถช่วยในการจัดสรรและวางกลยุทธ์
เมื่อธนาคารกลางอยู่ในรอบการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยพร้อมอัตราดอกเบี้ยจริงเป็นบวก ผลการดำเนินงานของทองคำอาจต่ำกว่าคาด แนะนำให้ลดสัดส่วนการลงทุนหรือใช้กลยุทธ์เทรดระยะสั้น ในทางกลับกัน ในช่วงรอบการผ่อนคลาย หรือเมื่อคาดการณ์เงินเฟ้อสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยชื่อจริง ทองคำมักทำผลงานได้ดี จึงควรพิจารณาสัดส่วนการลงทุนที่มากขึ้น
ที่สำคัญ นักลงทุนควรสนใจไม่เพียงแค่อัตราดอกเบี้ยปัจจุบัน แต่รวมถึงความคาดหวังของตลาด เพราะตลาดมักเคลื่อนไหวล่วงหน้าก่อนนโยบายอย่างเป็นทางการ หากนักลงทุนเชื่อว่าการลดอัตราดอกเบี้ยกำลังจะเกิดขึ้น ราคาทองคำอาจปรับตัวดีขึ้นก่อนการปรับจริงครั้งแรก
เมื่อพิจารณากลยุทธ์เหล่านี้ นักลงทุนยังควรใช้ทองคำเป็นเครื่องป้องกันอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันหรือไม่?
นักวิจารณ์บางคนมองว่าความเชื่อมโยงระหว่างทองคำกับอัตราดอกเบี้ยอ่อนตัวลง โดยชี้ให้เห็นช่วงเวลาที่มีความเบี่ยงเบน เช่น ในรอบการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยปี 2015–2019 ราคาทองคำยังคงทรงตัวได้ค่อนข้างดี ซึ่งบ่งชี้ว่าปัจจัยอื่น ๆ เช่น ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ สามารถมีอิทธิพลมากกว่ากลไกอัตราดอกเบี้ย
อย่างไรก็ตาม เมื่อดูข้อมูลย้อนหลังหลายทศวรรษ ความสัมพันธ์ระหว่างอัตราดอกเบี้ยจริงกับราคาทองคำถือเป็นหนึ่งในความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจมหภาคที่เชื่อถือได้ที่สุดในตลาด แม้ว่าจะไม่สมบูรณ์แบบในทุกความผันผวนระยะสั้น แต่ก็ยังเป็นปัจจัยหลักที่นักลงทุนไม่ควรมองข้าม
สรุปดอกเบี้ย มีผลกับทองยังไงขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ผลการดำเนินงานของทองคำไม่สามารถแยกจากสภาพแวดล้อมอัตราดอกเบี้ยโดยรวมได้ อัตราดอกเบี้ยจริงที่สูงมักกดดันทองคำ ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยจริงที่ลดลงหรือเป็นลบช่วยหนุนราคาทองขึ้น อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังต้องพิจารณาอัตราเงินเฟ้อ การเคลื่อนไหวของสกุลเงิน ความต้องการจากธนาคารกลาง และความเชื่อมั่นของตลาด เมื่อวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างอัตราดอกเบี้ยกับทองคำ
สำหรับพอร์ตการลงทุนสมัยใหม่ ทองคำยังคงทำหน้าที่เป็นเครื่องป้องกันความเสี่ยงและตัวกระจายความเสี่ยง แม้จะไม่ได้สร้างผลตอบแทนสูงในทุกสภาพตลาด แต่ความสัมพันธ์กับอัตราดอกเบี้ยทำให้ทองคำเป็นเครื่องมือที่มีคุณค่าสำหรับการบริหารความเสี่ยง ความเข้าใจในความเชื่อมโยงนี้ช่วยให้นักลงทุนจัดพอร์ตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะมองทองคำเป็นการประกันความเสี่ยง การเก็งกำไร หรือการรักษาสมบัติระยะยาว
ข้อสงวนสิทธิ์: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนา (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ได้เป็นคำแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ