简体中文 繁體中文 English 한국어 日本語 Español Bahasa Indonesia Tiếng Việt Português Монгол العربية हिन्दी Русский ئۇيغۇر تىلى

ETF คืออะไร? ทำไมถึงเป็นกองทุนที่น่าลงทุนที่สุดในตอนนี้

เผยแพร่เมื่อ: 2025-05-27    อัปเดตเมื่อ: 2025-07-08

ETF หรือกองทุนรวมดัชนีที่สามารถซื้อขายได้ในตลาดหลักทรัพย์ กำลังได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วทั่วโลก ด้วยจุดเด่นเรื่องความยืดหยุ่น ลงทุนได้หลากหลาย และมีต้นทุนที่คุ้มค่า จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจทั้งสำหรับนักลงทุนมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้น และนักลงทุนมืออาชีพที่มองหาความคล่องตัวในการลงทุน


แล้ว ETF จริง ๆ คืออะไรกันแน่? และกองทุนแบบนี้ทำงานอย่างไร? บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจพื้นฐานของ ETF เพื่อให้คุณสามารถประเมินได้ว่ าเครื่องมือลงทุนประเภทนี้เหมาะกับเป้าหมายและกลยุทธ์ของคุณหรือไม่


ETF คืออะไร?

ETF คืออะไร?

ETF ย่อมาจาก “Exchange-Traded Fund” หรือ “กองทุนรวมดัชนีที่ซื้อขายได้ในตลาดหลักทรัพย์” ซึ่งเป็นกองทุนรวมที่ลงทุนในกลุ่มสินทรัพย์ต่าง ๆ เช่น หุ้น พันธบัตร หรือสินค้าโภคภัณฑ์ โดยสามารถซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้เช่นเดียวกับหุ้นรายตัว  แนวคิดหลักของ ETF คือการเปิดโอกาสให้นักลงทุนสามารถกระจายการลงทุนในหลักทรัพย์หลายรายการ หรือในกลุ่มอุตสาหกรรมเฉพาะ ผ่านผลิตภัณฑ์เดียวที่ซื้อขายได้สะดวกในตลาด


โดยต่างจากกองทุนรวมทั่วไปที่มีการกำหนดราคาวันละหนึ่งครั้งหลังปิดตลาด ETF สามารถซื้อขายได้ตลอดวันทำการในราคาที่เปลี่ยนแปลงตามกลไกตลาด เช่นเดียวกับหุ้น


ETF ทำงานอย่างไร?


ผู้ให้บริการ ETF จะสร้างกองทุนที่มีวัตถุประสงค์เพื่อติดตามผลตอบแทนของดัชนีกลุ่มอุตสาหกรรม หรือสินทรัพย์ประเภทใดประเภทหนึ่ง โดยจะซื้อสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องมารวมไว้ในกองทุน และเปิดให้นักลงทุนสามารถซื้อหน่วยลงทุนของ ETF ได้ ซึ่งแต่ละหน่วยก็จะสะท้อนถึงสัดส่วนความเป็นเจ้าของในสินทรัพย์ทั้งหมดของกองทุนนั้น


  • การซื้อขาย: หน่วยลงทุนของ ETF ถูกจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และสามารถซื้อขายได้ตลอดเวลาทำการของตลาด เช่นเดียวกับหุ้นทั่วไป ทำให้นักลงทุนสามารถปรับพอร์ตหรือเข้าซื้อขายได้อย่างรวดเร็วตามสภาพตลาด

  • การกำหนดราคา: ราคาของหน่วย ETF จะเปลี่ยนแปลงตลอดวันตามอุปสงค์และอุปทานในตลาด รวมถึงมูลค่าของสินทรัพย์ที่กองทุนถือครองอยู่

  • การสร้างและการไถ่ถอนหน่วยลงทุน: นักลงทุนสถาบันรายใหญ่ ซึ่งเรียกว่า “ผู้เข้าร่วมที่ได้รับอนุญาต (Authorised Participants) ”สามารถสร้างหรือไถ่ถอนหน่วย ETF ในขนาดใหญ่ (เรียกว่า Creation Units) ได้ ซึ่งกลไกนี้ช่วยให้ราคาของ ETF ใกล้เคียงกับมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน (NAV) อยู่เสมอ


ประเภทของ ETF

ประเภทของ ETF

ETF มีหลากหลายประเภท เพื่อตอบโจทย์วัตถุประสงค์การลงทุนที่แตกต่างกันของนักลงทุนแต่ละราย ดังนี้:


  • ETF หุ้น (Stock ETF): ติดตามดัชนีหรือกลุ่มหุ้นในอุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่ง เช่น ดัชนี S&P 500 หรือกลุ่มหุ้นเทคโนโลยี

  • ETF พันธบัตร (Bond ETF): ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรเอกชน หรือพันธบัตรขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

  • ETF สินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity ETF): ติดตามราคาสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น ทองคำ น้ำมัน หรือสินค้าเกษตร

  • ETF ตามกลุ่มอุตสาหกรรม (Sector and Industry ETF): มุ่งเน้นลงทุนในภาคส่วนเฉพาะ เช่น สุขภาพ พลังงาน หรืออสังหาริมทรัพย์

  • ETF ต่างประเทศ (International ETF): เปิดโอกาสให้นักลงทุนได้เข้าถึงตลาดหุ้นต่างประเทศ

  • ETF เชิงธีมหรือสมาร์ทเบต้า (Thematic or Smart Beta ETF): ใช้กลยุทธ์ที่อิงตามกฎเกณฑ์เพื่อมุ่งเป้าไปยังปัจจัยเฉพาะ เช่น หุ้นคุณค่าต่ำ หุ้นเติบโตสูง หรือหุ้นที่มีความผันผวนต่ำ


ประโยชน์ของการลงทุนใน ETF


ETF มอบข้อได้เปรียบหลายประการให้แก่นักลงทุน ดังนี้:


  • การกระจายความเสี่ยง: โดยการถือครองสินทรัพย์หลายประเภท ETF ช่วยลดความเสี่ยงเมื่อเทียบกับการลงทุนในหลักทรัพย์รายตัว

  • ต้นทุนต่ำ: ETF มักมีค่าธรรมเนียมการจัดการต่ำกว่ากองทุนที่บริหารเชิงรุก ทำให้เป็นวิธีการลงทุนที่คุ้มทุน

  • สภาพคล่องสูง: ETF สามารถซื้อขายได้ตลอดเวลาทำการของตลาดหลักทรัพย์ ทำให้นักลงทุนมีความยืดหยุ่นและเข้าถึงการลงทุนได้ง่าย

  • ความโปร่งใส: โดยทั่วไป ETF จะเปิดเผยรายการสินทรัพย์ที่ถือครองอยู่ทุกวัน ทำให้นักลงทุนทราบได้อย่างชัดเจนว่าตนเองถืออะไรอยู่

  • ประสิทธิภาพทางภาษี: ด้วยโครงสร้างเฉพาะของ ETF และกลไกการสร้างหรือไถ่ถอนหน่วยลงทุน ทำให้ ETF มีความได้เปรียบทางภาษีมากกว่ากองทุนรวมทั่วไป


ความเสี่ยงและข้อควรพิจารณา

แม้ว่า ETF จะมีข้อดีมากมาย แต่ก็ยังมีความเสี่ยงที่นักลงทุนควรตระหนัก ดังนี้:


  • ความเสี่ยงจากตลาด: มูลค่าของ ETF อาจผันผวนขึ้นหรือลงตามการเคลื่อนไหวของตลาดหรือกลุ่มอุตสาหกรรมที่กองทุนติดตาม

  • ความคลาดเคลื่อนจากดัชนี (Tracking Error): ETF อาจไม่สามารถสะท้อนผลตอบแทนของดัชนีอ้างอิงได้อย่างสมบูรณ์ เนื่องจากค่าธรรมเนียมการจัดการหรือข้อจำกัดในการจำลองดัชนี

  • ความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง: ETF บางประเภทที่เฉพาะเจาะจงมากหรือมีปริมาณซื้อขายน้อย อาจซื้อขายได้ยากหรือมีผลกระทบต่อราคาเมื่อมีคำสั่งซื้อขายขนาดใหญ่

  • ต้นทุน: แม้โดยรวมจะมีต้นทุนต่ำ แต่ ETF ก็ยังมีค่าธรรมเนียมการจัดการ ค่าคอมมิชชั่นในการซื้อขาย และส่วนต่างราคาซื้อ-ขาย (Bid-Ask Spread) ที่อาจส่งผลต่อผลตอบแทนโดยรวม


วิธีการลงทุนใน ETF


หากต้องการลงทุนใน ETF คุณจะต้องมีบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ เมื่อเปิดบัญชีเรียบร้อยแล้ว คุณสามารถค้นหา ETF ที่สอดคล้องกับเป้าหมายการลงทุนของคุณ และทำการซื้อขายได้เช่นเดียวกับหุ้นรายตัว การศึกษาข้อมูลของ ETF นั้นสำคัญมาก เช่น รายการสินทรัพย์ที่ถืออยู่ ค่าธรรมเนียม และประวัติผลการดำเนินงาน ก่อนตัดสินใจลงทุน


สรุป


ETF ผสมผสานข้อดีของหุ้นและกองทุนรวมเข้าด้วยกัน ช่วยให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงตลาดและสินทรัพย์หลากหลายประเภทได้อย่างยืดหยุ่น มีการกระจายความเสี่ยงและมีต้นทุนที่่ต่ำ


ทำความเข้าใจว่า ETF คืออะไร และวิธีการทำงานของกองทุนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ คุณจะสามารถตัดสินใจลงทุนได้อย่างมีข้อมูล และสร้างพอร์ตการลงทุนที่สอดคล้องกับเป้าหมายทางการเงินของคุณได้ดียิ่งขึ้น


คำเตือน: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นคำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็นคำแนะนำ) ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำของ EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ

บทความแนะนำ
เปิดเหตุผลที่ SCHB ETF คือหุ้นรวมตลาดน่าลงทุนปี 2025
CFD vs ETF วิเคราะห์กลยุทธ์และความเสี่ยง 2025
เจาะลึก PFF ETF ตัวช่วยสร้างรายได้ปันผลอย่างมั่นคง
VCSH ETF กองทุนพันธบัตรสั้น ศักยภาพระยะยาว
ลงทุนกองทุนดัชนีรายเดือน พลิกเงินก้อนโตในอนาคต