简体中文 繁體中文 English 한국어 日本語 Español Bahasa Indonesia Tiếng Việt Português Монгол العربية हिन्दी Русский ئۇيغۇر تىلى

บิทคอยน์จะร่วงต่ำกว่า $100,000 อีกครั้งหลังการปรับฐานหรือไม่?

เผยแพร่เมื่อ: 2025-11-06

ประเด็นสำคัญ

  • ในวันที่ 4-5 พฤศจิกายน 2025 บิทคอยน์ร่วงลงต่ำกว่า $100,000 ชั่วคราว หลังปรับฐานลงประมาณ 20% จากจุดสูงสุดที่ $126,000

  • นักวิเคราะห์ระบุว่า การปรับฐานนี้เกิดจากการขายทำกำไรและการลดเลเวอเรจในตลาด มากกว่าจะเป็นสัญญาณเริ่มต้นของตลาดขาลงระยะยาว

  • แนวรับสำคัญยังคงอยู่ในช่วง $95,000 ถึง $100,000 ขณะที่หากหลุดแนวรับนี้ เป้าหมายการปรับฐานลึกลงอาจอยู่ที่บริเวณ $80,000

  • กระแสเงินไหลเข้ากองทุน ETF และภาวะเศรษฐกิจมหภาคจะมีบทบาทสำคัญในการตัดสินว่า บิทคอยน์จะทรงตัวหรือทดสอบจุดต่ำสุดใหม่ในช่วงสัปดาห์ถัดไป


บิทคอยน์ ในฐานะคริปโตเคอร์เรนซีตัวแรกของโลก ยังคงเผชิญความผันผวนของราคาอย่างต่อเนื่อง ในปี 2025 ล่าสุดราคาหลุดระดับจิตวิทยาสำคัญที่ $100,000 เมื่อวันที่ 4–5 พฤศจิกายน หลังจากพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งตลอดครึ่งปีแรกของปี


เมื่อบรรยากาศตลาดยังคงไม่แน่นอนจากปัจจัยเศรษฐกิจโลกและความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่เปลี่ยนแปลงไป คำถามสำคัญจึงเกิดขึ้น: บิทคอยน์จะร่วงต่ำกว่า $100,000 อีกครั้งหรือไม่?


บทความนี้จะวิเคราะห์การเคลื่อนไหวล่าสุดของราคา ปัจจัยพื้นฐานที่อยู่เบื้องหลัง ความเป็นไปได้ในอนาคต และสิ่งสำคัญที่นักลงทุนควรจับตามองในช่วงระยะเวลาข้างหน้า


บิทคอยน์ร่วงต่ำกว่า $100,000 ชั่วขณะในวันที่ 4–5 พฤศจิกายน

บิทคอยน์จะกลับมาหลุด $100K อีกหรือไม่?

อย่างที่กล่าวไปข้างต้น บิทคอยน์ร่วงลงต่ำกว่าระดับ $100,000 ระหว่างการปรับฐานครั้งใหญ่ในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน สูญเสียมูลค่ากว่า 20% จากจุดสูงสุดในเดือนตุลาคมที่แตะเหนือ $126,000


การร่วงลงดังกล่าวส่งผลให้เกิดการเทขายในวงกว้างทั่วตลาดคริปโต แม้อัลท์คอยน์ส่วนใหญ่จะปรับตัวลงตาม แต่บิทคอยน์ก็ฟื้นตัวกลับขึ้นมาอย่างรวดเร็ว กลับมายืนเหนือ $103,000 ได้อีกครั้งท่ามกลางสัญญาณการเข้าซื้อรอบใหม่


นักเทรดและนักวิเคราะห์ยังมีความเห็นแบ่งเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งมองว่านี่เป็นเพียงการปรับฐานเพื่อลดเลเวอเรจส่วนเกินตามปกติหลังราคาพุ่งแรง


ส่วนอีกฝ่ายมองว่า ความเคลื่อนไหวในตลาดออปชันและฟิวเจอร์สบ่งชี้ว่า นักลงทุนบางส่วนกำลังป้องกันความเสี่ยงจากการร่วงลึกยิ่งขึ้น เช่น การเลื่อนไปยังโซน $80,000–$90,000


ทำไมราคาบิทคอยน์ถึงร่วงต่ำกว่า $100,000?

1. มูลค่าที่ร้อนแรงเกินไปและการขายทำกำไร

  • ในปี 2025 ราคาบิทคอยน์พุ่งขึ้นอย่างร้อนแรงจากระดับเหนือ $90,000–$95,000 ในเดือนเมษายน ไปสู่กว่า $125,000 ในเดือนตุลาคม ทำให้นักลงทุนจำนวนหนึ่งเริ่มขายทำกำไร ส่งผลให้เกิดแรงกดดันด้านราคา

  • นักวิเคราะห์เตือนว่า มูลค่าของสินทรัพย์ในภาค AI และบล็อกเชนเติบโตเร็วเกินไปในช่วงที่ผ่านมา จึงเกิดการปรับฐานตามธรรมชาติ


2. ปัจจัยเศรษฐกิจมหภาคและนโยบายการเงิน

  • ความไม่แน่นอนด้านนโยบายดอกเบี้ย โดยเฉพาะในสหรัฐฯ ทำให้ตลาดมีท่าทีระมัดระวังมากขึ้น ส่งผลให้ความต้องการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงอย่างคริปโตลดลง

  • สถานการณ์ชัตดาวน์ของรัฐบาลสหรัฐฯ และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ยิ่งซ้ำเติมความเชื่อมั่นของนักลงทุน


3. ปัจจัยด้านกฎระเบียบและสถาบัน

  • แรงกดดันจากหน่วยงานกำกับดูแลทั่วโลกต่อคริปโตเริ่มเข้มข้นขึ้น ร่วมกับการปรับพอร์ตหรือชำระบัญชีของสถาบันขนาดใหญ่ ยิ่งเพิ่มความผันผวนให้กับตลาดคริปโตโดยรวม


บิทคอยน์กำลังบอกอะไรเราในตอนนี้?

บิทคอยน์จะร่วงต่ำกว่า $100,000 อีกรอบหรือไม่

1. มุมมองด้านราคา

บิทคอยน์ทำจุดสูงสุดใหม่เหนือระดับ $126,000 ในช่วงต้นเดือนตุลาคม 2025 ก่อนจะปรับฐานลงในเดือนพฤศจิกายน และร่วงต่ำกว่า $100,000 ชั่วคราว


การปรับฐานนี้สะท้อนถึง “การรีเซ็ตวัฏจักร” มากกว่าการจบขาขึ้นในภาพรวม


2. ความผันผวนและการถูกบังคับขาย

มีรายงานหลายฉบับระบุว่า มีการถูกชำระบัญชีจำนวนมากจากฝั่งที่เปิดสถานะซื้อด้วยการกู้ยืมหรือเงินทบ (มาร์จิ้น) บนแพลตฟอร์มเทรดหลักในช่วงที่ราคาปรับตัวลงระยะแรก ระบบสัญญาซื้อขายล่วงหน้าและการเทรดด้วยมาร์จิ้นของแต่ละกระดานจึงบังคับให้ปิดสถานะอัตโนมัติ ซึ่งยิ่งกระตุ้นให้เกิดแรงขายเพิ่มขึ้นและกดราคาตลาดปัจจุบันให้ลดลงไปอีก


รูปแบบการลดภาระหนี้หรือเลเวอเรจเช่นนี้ มักทำให้การปรับฐานรุนแรงในระยะสั้น แต่กินเวลาไม่นาน


3. สถานะในตลาดอนุพันธ์

ตลาดออปชันบ่งชี้ว่ามีการเข้าซื้อสัญญา Put เพิ่มขึ้น สะท้อนการป้องกันความเสี่ยงจากการร่วงลง นักเทรดสายสถาบันบางรายคาดว่าราคามีโอกาสทดสอบโซน $80,000–$90,000 ขณะที่รายอื่นมองว่าจะเข้าสู่ช่วงสะสมตัว (Consolidation)


พฤติกรรมการป้องกันความเสี่ยงลักษณะนี้มักเกิดขึ้นก่อนช่วงที่ตลาดมีความไม่แน่นอนสูงในระยะสั้น


4. กระแสเงินจากสถาบัน

ในช่วงการปรับฐาน กระแสเงินไหลเข้ากองทุน ETF บิทคอยน์แบบซื้อขายสปอตเริ่มชะลอตัว แม้ความต้องการลงทุนระยะยาวจากสถาบันยังคงแข็งแกร่ง แต่การชะลอตัวนี้ทำให้แรงพยุงราคาในระยะสั้นลดลงไปด้วย


บิทคอยน์มีโอกาสร่วงต่ำกว่า $100,000 อีกหรือไม่? (มุมมองทางเทคนิค)

การวิเคราะห์ทางเทคนิคไม่ใช่คำทำนายที่แน่นอน แต่ช่วยให้เรามองเห็น “ความเป็นไปได้” ของทิศทางราคา

ระดับ คำอธิบาย มุมมองตลาด (พ.ย. 2025)
$125K–$126K จุดสูงสุดเดิม (All-time high) แนวต้านสำคัญ
$110K–$105K โซนฟื้นตัวระยะสั้น ต้องกลับขึ้นมายืนได้เพื่อยืนยันขาขึ้น
$100K–$95K แนวรับสำคัญของรอบนี้ พื้นที่สำคัญที่ต้องปกป้อง
$85K–$80K โซนปริมาณซื้อขายสูง เป้าหมายการปรับฐานลึก


1) แนวรับสำคัญระยะสั้น:

ช่วง $95,000–$100,000 เคยเป็นโซนสะสมสำคัญในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา การหลุดระดับ $100,000 ทำให้มีช่องว่างให้ราคาถอยลงไปทดสอบแนวรับถัดไปบริเวณ $80,000–$85,000 ซึ่งเป็นโซนที่ทั้งข้อมูลออปชันและปริมาณการซื้อขายเดิมบ่งชี้ไว้ล่วงหน้า


2) แนวต้านที่ต้องฝ่าให้ได้:

ระดับ $105,000–$110,000 และถัดไปที่ $118,000–$125,000 เป็นโซนที่ต้องกลับมายืนเหนือให้ได้ เพื่อให้ฝ่ายขาขึ้นกลับมาควบคุมตลาด


การปิดแท่งเทียนรายสัปดาห์เหนือ $110,000 จะเป็นสัญญาณดีว่าโอกาสฟื้นตัวระยะกลางเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ


3) โมเมนตัมและค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่:

ตัวชี้วัดโมเมนตัมระยะสั้นเคยส่งสัญญาณ “ขายมากเกินไป” หลังการร่วงครั้งล่าสุด ซึ่งมักทำให้เกิดการดีดกลับ แต่หากการปรับฐานยืดเยื้อ ระดับค่าเฉลี่ยระยะกลางอย่าง 50 วัน และ 200 วัน อาจเป็นตัวกำหนดทิศทางต่อไป


ปัจจัยเศรษฐกิจและตลาดการเงินที่ต้องจับตา

1. การปรับฐานของหุ้นเทคโนโลยี:

  • ปี 2025 ความสัมพันธ์ระหว่างบิทคอยน์และหุ้นเทคโนโลยีโลกรัดตัวมากขึ้น

  • เมื่อหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ปรับตัวลง โดยเฉพาะในช่วงขาลงของ NASDAQ แรงเสี่ยง (Risk appetite) ต่อสินทรัพย์ดิจิทัลก็มักลดลงตามไปด้วย [2]


2. แนวโน้มดอกเบี้ยและสภาพคล่อง:

  • การเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยจริง (Real Yield) และปริมาณสภาพคล่องในระบบเป็นตัวชี้ขาดสำคัญ

  • หากธนาคารกลางเริ่มชะลอหรือส่งสัญญาณปรับลดดอกเบี้ย บิทคอยน์มีโอกาสดีดตัวเร็ว เนื่องจากแรงเก็งกำไรและเงินทุนความเสี่ยงจะกลับมา


3. กระแสเงินจาก ETF และนักลงทุนสถาบัน:

แม้กองทุน ETF บิทคอยน์จะดึงเม็ดเงินสถาบันเข้ามามากพอสมควรในรอบขาขึ้นที่ผ่านมา แต่เมื่อกระแสนี้ชะลอในช่วงตลาดผันผวน ก็ทำให้แรงพยุงราคาหายไปในระยะสั้น


กระแสเงินไหลเข้าสู่ ETF และภาวะเศรษฐกิจมหภาคโดยรวม จะเป็นตัวชี้ชัดว่า บิทคอยน์จะสามารถทรงตัวเหนือระดับแนวรับสำคัญได้หรือจะลงไปทดสอบโซนลึกกว่านี้ในช่วงสัปดาห์ข้างหน้า


3 สถานการณ์ที่เป็นไปได้สำหรับทิศทางของบิทคอยน์ในระยะสั้นบิทคอยน์จะร่วงต่ำกว่า $100,000 อีกหรือไม่

สถานการณ์ที่ 1: การฟื้นตัวเล็กน้อยและเข้าสู่ช่วงสะสมตัว (ความเป็นไปได้ ~45%)

บิทคอยน์เคลื่อนไหวในกรอบ $95,000 ถึง $118,000 เป็นเวลาหลายสัปดาห์ ขณะที่เลเวอเรจถูกลดลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป นักขุดชะลอการขาย และกระแสเงินจาก ETF เริ่มทรงตัว


ความผันผวนลดลง ตลาดออปชันกลับสู่สมดุล และแรงซื้อเริ่มกลับมาใกล้ระดับกลางของกรอบราคา


ปัจจัยบ่งชี้สถานการณ์นี้: ปริมาณการบังคับขาย (liquidation) ลดลง ยอดคงเหลือในกระดานเทรดคงที่ และมีเงินไหลเข้ากองทุน ETF แบบค่อยเป็นค่อยไป


สถานการณ์ที่ 2: รับฐานลึกสู่โซน $80,000 (ความเป็นไปได้ ~30%)

หากมีปัจจัยเศรษฐกิจลบเพิ่มเติม หรือหุ้นเทคโนโลยีโลกอยู่ในภาวะ “เทขายเสี่ยง” (risk-off) อย่างต่อเนื่อง อาจทำให้สภาพคล่องจากต่างประเทศหดตัว ขณะที่ข้อมูลตลาดอนุพันธ์ชี้ว่ามีการป้องกันความเสี่ยงลงไปถึงโซน $80,000 นักขุดและวาฬคริปโต (ผู้ถือรายใหญ่) ก็อาจเร่งขายออกในภาวะอ่อนแรง


สัญญาณเตือน: ปริมาณการซื้อสัญญา Put เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ไม่สามารถกลับไปยืนเหนือ $105,000 ภายในหนึ่งสัปดาห์ และยอดโอนเหรียญเข้าสู่กระดานเทรดพุ่งสูงขึ้น


สถานการณ์ที่ 3: ฟื้นตัวแบบ V-Shaped กลับขึ้นเหนือ $120,000 อย่างรวดเร็ว (ความเป็นไปได้ ~25%)

เกิดการยอมจำนน (Capitulation) ในช่วงสั้น เมื่อผู้ซื้อ รวมถึงสถาบันและเงินไหลเข้าจากกองทุน ETF เข้ามาซื้อสวนในจังหวะราคาอ่อนตัว การปิดสถานะชอร์ต (Short Covering) จุดชนวนให้เกิดการดีดตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว


เงื่อนไขสำคัญ: ข่าวดีด้านสภาพคล่องมหภาค การกลับมาซื้อกองทุน ETF อย่างแข็งแกร่ง และการที่สถานะเปิด (Open Interest) ลดลงรวดเร็ว ซึ่งเป็นสัญญาณว่าการลดเลเวอเรจเสร็จสิ้น


แม้การฟื้นตัวแบบนี้จะเกิดขึ้นรวดเร็ว แต่ต้องมีสัญญาณ “รับความเสี่ยง” (Risk-on) ที่ชัดเจนเพื่อให้โมเมนตัมยั่งยืนต่อเนื่อง


ระดับราคาสำคัญที่เทรดเดอร์ควรจับตา

เทรดระยะสั้น (Short-Term Trading):

จับตาช่วง $95,000–$102,000 ซึ่งเป็น “โซนต่อสู้” ระยะสั้น หากราคาหลุดต่ำกว่า $95,000 อาจเปิดทางให้ร่วงลงไปทดสอบแนวรับสำคัญในช่วง $80,000–$85,000


หากบิทคอยน์สามารถกลับมายืนเหนือ $110,000 ได้ภายในไม่กี่ช่วงการซื้อขาย โมเมนตัมจะเปลี่ยนกลับไปเป็นขาขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ


นักลงทุนสายสวิง (Swing Investor):

ใช้กลยุทธ์ถัวเฉลี่ยต้นทุน (DCA) แบบแบ่งไม้ หากเชื่อมั่นในศักยภาพระยะยาว เช่น แบ่งซื้อครั้งละ 20% ตามสัญญาณทางเทคนิค เพื่อลดความเสี่ยงด้านเวลา (Timing Risk)


นักลงทุนระยะยาว (HODL):

โฟกัสไปที่ปัจจัยพื้นฐาน เช่น อัตราการนำไปใช้งานจริง กระแสเงินจากกองทุน ETF และแนวนโยบายกำกับดูแล มากกว่าการผันผวนของราคาในแต่ละวัน


แม้การปรับฐานแรงอาจทำให้ความเชื่อมั่นสั่นคลอน แต่ในอดีตมักเป็นโอกาสสะสมสินทรัพย์สำหรับผู้ที่มีความอดทนและมุมมองระยะยาว


คำถามที่พบบ่อย

Q1: บิทคอยน์หลุดต่ำกว่า $100,000 แบบถาวรหรือไม่?

ไม่ใช่การหลุดถาวร การร่วงในเดือนพฤศจิกายน 2025 ต่ำกว่า $100,000 เกิดขึ้นเพียงชั่วครู่ ก่อนที่ราคาจะดีดกลับมายืนเหนือ $103,000 ได้อย่างรวดเร็ว


Q2: บิทคอยน์จะลงไปต่ำกว่า $100,000 อีกครั้งแน่นอนหรือไม่?

ไม่แน่เสมอไป แม้ว่าเคยหลุด $100K มาแล้ว แต่การจะหลุดระดับนี้อีกหรือไม่ ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น สถานะตลาดอนุพันธ์ กระแสเงิน ETF พฤติกรรมของนักขุด และบรรยากาศความเสี่ยงโดยรวมในตลาด


Q3: ระดับ $80,000 มีโอกาสเป็นเป้าหมายจริงหรือไม่?

ใช่ ระดับนี้ปรากฏในข้อมูลจากตลาดอนุพันธ์ ฝั่งการป้องกันความเสี่ยง (Hedge) และสัญญาณทางเทคนิคบางส่วน


บทสรุป

การร่วงของบิทคอยน์ต่ำกว่า $100,000 อย่างรวดเร็วในเดือนพฤศจิกายน 2025 ถือเป็น “การปรับฐานตามรอบ” หลังจากการพุ่งขึ้นอย่างร้อนแรงก่อนหน้า


แม้ความผันผวนระยะสั้นยังคงอยู่ แต่แนวโน้มระยะยาวยังได้รับแรงหนุนจากการเติบโตของการใช้งานจริง การเข้ามาของกองทุน ETF และกลไกความขาดแคลนของบิทคอยน์เอง


นักลงทุนควรใช้ข้อมูลเชิงลึกมาประกอบการตัดสินใจ โดยติดตามแนวรับ–แนวต้านสำคัญ ทิศทางสภาพคล่อง และสัญญาณเศรษฐกิจมหภาค มากกว่าการไหลไปตามเสียงรบกวนในตลาดระยะสั้น


ข้อสงวนสิทธิ์: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนา (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ได้เป็นคำแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ

บทความแนะนำ
ทำไมคริปโตยังร่วง แม้เฟดเริ่มลดดอกเบี้ยแล้ว?
ทำไมคริปโตถึงล่มสลาย? ราคาจะฟื้นตัวหรือไม่?
ตลาดให้ความสนใจกับราคาทองแดงและการขาดดุลแพลตตินัม
เจาะลึกสาเหตุ “มาร์จิ้นคอล (Margin Call)” และวิธีป้องกันก่อนสาย
USD/JPY พุ่งแตะ 153 ทองทะลุ $4,100 ตลาดมั่นใจ FED ลดดอกเบี้ยแน่