ราคาน้ำมันดิบวันนี้พุ่ง รับแรงหนุนจากความต้องการโลก

2025-08-07
สรุป

ติดตามราคาน้ำมันดิบเบรนท์และ WTI แบบเรียลไทม์ พร้อมปัจจัยขับเคลื่อนตลาด การคาดการณ์จากผู้เชี่ยวชาญ และความเคลื่อนไหววันนี้มีความหมายอย่างไรต่อผู้บริโภคและเศรษฐกิจโลก

ราคาน้ำมันดิบปัจจุบัน ณ วันที่ 7 สิงหาคม 2025


ราคาน้ำมันดิบเบรนท์วันนี้


ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ (Brent) ซื้อขายอยู่ที่ประมาณ 67.24 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.36 ดอลลาร์ (+0.57%) ในวันนี้


ราคาน้ำมันดิบ WTI วันนี้


ราคาน้ำมัน WTI (West Texas Intermediate) ซื้อขายอยู่ที่ประมาณ 64.73 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.34 ดอลลาร์ (+0.38%) ในวันนี้


ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนถึงการฟื้นตัวของราคาน้ำมัน หลังจากที่ราคาปรับลดลงติดต่อกันเป็นเวลา 5 วัน โดยได้รับแรงหนุนจากความต้องการใช้น้ำมันในสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่ง และการลดลงของปริมาณน้ำมันดิบในคลังเชิงพาณิชย์ของสหรัฐฯ ที่มากกว่าที่คาดไว้


รายงานอีกฉบับระบุราคาที่สูงขึ้นเล็กน้อย โดยเบรนท์อยู่ที่ 67.51 ดอลลาร์ และ WTI ที่ 65.03 ดอลลาร์ ซึ่งได้รับแรงหนุนจากปัจจัยด้านอุปสงค์และความกังวลด้านอุปทานเช่นกัน


ปัจจัยขับเคลื่อนตลาดน้ำมันดิบในวันนี้

ปัจจัยขับเคลื่อนตลาดน้ำมันดิบในวันนี้

  • ความต้องการที่แข็งแกร่งในสหรัฐฯ และการลดลงของสต็อกน้ำมัน

  1. ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังของสหรัฐฯ ลดลงถึง 3 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 1 สิงหาคม เหลือประมาณ 423.7 ล้านบาร์เรล ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีในช่วงเวลาเดียวกันประมาณ 6%

  2. การลดลงดังกล่าวเกิดจากการนำเข้าน้ำมันที่ลดลง (ลดลง 174,000 บาร์เรลต่อวัน) การส่งออกที่เพิ่มขึ้น (เพิ่มขึ้น 620,000 บาร์เรลต่อวัน) และการใช้กำลังการกลั่นในระดับสูง (96.9%)

  3. ปัจจัยเหล่านี้สะท้อนถึงกิจกรรมการกลั่นและการส่งออกที่แข็งแกร่ง ซึ่งมีส่วนช่วยให้ราคาน้ำมันฟื้นตัวขึ้น


  • ข้อจำกัดด้านอุปทานและความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์

  1. ตลาดยังคงผันผวนท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และรัสเซีย รวมถึงคำขู่ของทรัมป์เรื่องมาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติม และการเก็บภาษีนำเข้าจากอินเดีย 25% พร้อมทั้งอาจมีมาตรการในลักษณะเดียวกันต่อจีน ซึ่งส่งผลให้แนวโน้มในตลาดน้ำมันยังคงไม่แน่นอน

  2. หากมีการชะลอหรือยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย หรือเกิดความคืบหน้าในการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ กับรัสเซีย ก็อาจช่วยลดความกังวลด้านอุปทานได้ แม้ความไม่แน่นอนจะยังคงอยู่


  • อุปทานที่จำกัดเทียบกับความต้องการที่เพิ่มขึ้น

  1. แม้ว่า OPEC+ จะให้คำมั่นว่าจะเพิ่มผลผลิต 2.5 ล้านบาร์เรลต่อวันระหว่างเดือนมีนาคมถึงกันยายน แต่ในความเป็นจริง กลับเพิ่มขึ้นเพียง 540,000 บาร์เรลต่อวันในช่วงเดือนเมษายนถึงมิถุนายน

  2. ความต้องการใช้พลังงานในฤดูร้อน เช่น การผลิตไฟฟ้าในตะวันออกกลาง และการสะสมคลังน้ำมันของจีน ยังคงดูดซับอุปทานส่วนใหญ่ในตลาด

  3. IEA ระบุว่าตลาดยังคงตึงตัวมากกว่าที่ตัวเลขสถิติจะบ่งชี้ โดยการกลั่นที่เพิ่มขึ้นตามฤดูกาลและสัญญาฟิวเจอร์สราคาถูกในอนาคต (backwardation) ชี้ให้เห็นว่าอุปทานจริงยังมีจำกัด

  4. แม้ว่า OPEC+ จะให้คำมั่นว่าจะเพิ่มการผลิตเพิ่มเติมอีก 411,000 บาร์เรลในเดือนกรกฎาคม5 48,000 บาร์เรลในเดือนสิงหาคม และ 547,000 บาร์เรลในเดือนกันยายน แต่บรรดาเทรดเดอร์ยังคงสงสัยว่า ผู้ผลิตหลายรายอาจไม่สามารถส่งมอบน้ำมันได้ตามปริมาณที่ประกาศไว้



WTI เทียบกับเบรนท์: มาตรฐานอ้างอิงราคาน้ำมันและผลกระทบต่อตลาด

การเปลี่ยนแปลงราคาน้ำมันดิบ WTI ในช่วงปีที่ผ่านมา

  • แหล่งกำเนิดและคุณภาพ:

  1. WTI: น้ำมันดิบเบนช์มาร์กของสหรัฐฯ มีลักษณะเบาและหวาน (light and sweet) มีการซื้อขายในตลาด NYMEX

  2. เบรนท์: น้ำมันเบนท์มาร์กจากทะเลเหนือ มีคุณภาพหนักกว่าและเปรี้ยวกว่าน้ำมัน WTI เล็กน้อย มีการซื้อขายในตลาด ICE


  • สเปรดการซื้อขาย:

ในอดีต WTI เคยมีราคาสูงกว่าเบรนท์ ตั้งแต่ปี 2011 เป็นต้นมา WTI มักซื้อขายที่ราคาต่ำกว่าเบรนท์ เนื่องจากปัญหาคอขวดด้านโลจิสติกส์และอุปทานส่วนเกินภายในสหรัฐฯ


  • พฤติกรรมปัจจุบัน:

ราคาน้ำมันเบรนท์ยัยังคงเป็นตัวชี้นำราคาน้ำมันในตลาดโลก ขณะที่ราคาน้ำมัน WTI สะท้อนถึงสภาวะตลาดสหรัฐฯ ที่เข้มงวดยิ่งขึ้น



แนวโน้มและมุมมองของนักวิเคราะห์

การเปลี่ยนแปลงราคาน้ำมันดิบ (เบรนท์) ตลอดทั้งปี

  • แนวโน้มระยะสั้น:

นักวิเคราะห์คาดว่าราคาน้ำมันจะยังคงอยู่ในช่วง 60–70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยมีแรงหนุนจากความต้องการในสหรัฐฯ และอุปทานที่ปรับตัวอย่างจำกัด


  • โครงสร้างตลาดแบบ Backwardation:

ตลาดน้ำมันดิบทางกายภาพยังคงตึงตัว และราคาสัญญาซื้อขายล่วงหน้าระยะใกล้สูงกว่าระยะไกล


  • มุมมองของ IEA:

แม้ว่าอุปทานทั่วโลกจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แต่ความต้องการยังเติบโตช้า และกำลังการกลั่นทั่วโลกก็ถูกใช้งานเต็มที่ โดยสถานการณ์นี้ยังสนับสนุนราคาน้ำมันในระยะสั้น แต่มีความเสี่ยงด้านอุปทานล้นตลาดในระยะยาว


  • ความเสี่ยงที่ต้องจับตา:

  1. ความต้องการใช้น้ำมันของจีน โดยการนำเข้าในเดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้น 11.5% เมื่อเทียบกับปีก่อน แต่ลดลง 5.4%จ ากเดือนมิถุนายน

  2. กำลังการผลิตส่วนเกินอาจเกิดขึ้นได้ นักวิเคราะห์จาก S&P Global และบริษัทอื่นๆ คาดการณ์ว่าราคาอาจลดลงต่ำกว่า 60 ดอลลาร์ภายในไตรมาสที่ 4 หากอุปสงค์ลดลงหรืออุปทานเพิ่มขึ้นเร็วกว่าที่คาดไว้


ผลกระทบต่อผู้บริโภคและตลาด


  • ภาคพลังงาน:

บริษัทต่าง ๆ เช่น Exxon, Chevron และอื่น ๆ กำลังเตรียมรับมือกับรายได้ที่ลดลงเนื่องจากความผันผวนของราคาและผลกระทบจากภาษีศุลกากร


  • ผู้บริโภคและตลาดเกิดใหม่:

  1. ราคาน้ำมันเบรนท์และ WTI ที่สูงขึ้นส่งผลให้ราคาน้ำมันที่ปั๊มขึ้นและอัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น โดยเฉพาะในเศรษฐกิจที่ต้องพึ่งพาการนำเข้า

  2. ความผันผวนของสกุลเงินอาจเกิดขึ้นตามมา ดังที่เห็นในตลาดเงินรูปี หลังจากเหตุการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลาง


  • ข้อกังวลด้านการค้าและการคลัง:

ภัยคุกคามจากภาษีศุลกากรอาจส่งผลกระทบต่ออัตรากำไรการกลั่นและกระแสการค้า โดยเฉพาะตลาดที่พึ่งพาน้ำมันดิบจากรัสเซียในราคาส่วนลด


เครื่องมือสำหรับเทรดเดอร์น้ำมัน


  • ติดตามข้อมูลข่าวสาร: ติดตาม Reuters, IEA, EIA และ Investing.com เพื่อรับข้อมูลราคาและรายงานแบบเรียลไทม์

  • ดูข้อมูลสำคัญ: เช่น สต็อกน้ำมันในสหรัฐฯ การตัดสินใจของ OPEC+ ความเคลื่อนไหวทางภูมิรัฐศาสตร์ และการเก็บภาษีนำเข้า

  • กลยุทธ์การเทรด:

  1. จับตาโครงสร้างราคาแบบ Backwardation เพื่อเลือกจังหวะการลงทุน

  2. วิเคราะห์สเปรดระหว่างเบรนท์และ WTI รวมถึงพฤติกรรมความต้องการ

  3. เตรียมพร้อมรับความเสี่ยงจากฤดูกาลที่มีความต้องการลดลง ปัญหาภาษี และการส่งออกจากประเทศใหม่ เช่น เวเนซุเอลา


สรุปข้อมูลสำคัญ


ราคาน้ำมันดิบวันนี้: ข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญของตลาดโดยสังเขป
หัวข้อ ข้อมูลเชิงลึก
ราคาน้ำมันเบรนท์ ~$67.24 ต่อบาร์เรล (เพิ่มขึ้น ~0.57%)
ราคาน้ำมัน WTI ~$64.73 ต่อบาร์เรล (เพิ่มขึ้น ~0.38%)
ปัจจัยขับเคลื่อนหลัก การลดลงของสต็อกในสหรัฐฯ การผลิตของ OPEC+ ตึงตัว ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์
โครงสร้างตลาด ตลาดจริงยังคงตึงตัว (Backwardation)
แนวโน้ม เคลื่อนไหวในกรอบ $60–70 ระยะสั้น มีความเสี่ยงขาลง
ความเสี่ยงที่ต้องระวัง มาตรการภาษี ความต้องการในจีน ข้อจำกัดด้านกำลังการผลิตของ OPEC+
ผลกระทบ ราคาน้ำมันแพงขึ้น กดดันต้นทุนผู้บริโภคและรายได้บริษัทพลังงาน


ข้อสงวนสิทธิ์: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนา (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ได้เป็นคำแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ

อธิบาย ETF XLU ใน 4 ประเด็นง่ายๆ

อธิบาย ETF XLU ใน 4 ประเด็นง่ายๆ

แยกย่อยสิ่งสำคัญของ ETF XLU ตั้งแต่การมุ่งเน้นตามภาคส่วนไปจนถึงบทบาทในพอร์ตโฟลิโอที่หลากหลาย

2025-08-11
รูปแบบแท่งเทียนต่อเนื่องเทียบกับตัวบ่งชี้

รูปแบบแท่งเทียนต่อเนื่องเทียบกับตัวบ่งชี้

เปรียบเทียบรูปแบบแท่งเทียนต่อเนื่องกับตัวบ่งชี้ทางเทคนิคเพื่อดูว่ารูปแบบใดเหมาะกับกลยุทธ์ของคุณที่สุด

2025-08-11
รู้จัก S&P 500 คืออะไร ดัชนีที่ครองใจนักลงทุนทั่วโลก

รู้จัก S&P 500 คืออะไร ดัชนีที่ครองใจนักลงทุนทั่วโลก

ดัชนี S&P 500 คือกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่ 500 บริษัทชั้นนำสหรัฐฯ ที่สะท้อนเศรษฐกิจอเมริกา เจาะลึกโครงสร้างเกณฑ์คัดเลือก พร้อมแนะนำกองทุน ETF S&P 500

2025-08-08