เรียนรู้วิธีเทรด DAX Futures อย่างมั่นใจในบทความนี้ โดยครอบคลุมกลยุทธ์สำคัญสำหรับทั้งมือใหม่และมืออาชีพ
ตลาด DAX Futures ซึ่งอ้างอิงจากดัชนีหุ้นชั้นนำของเยอรมนี เป็นหนึ่งในตลาดที่มีสภาพคล่องสูงและน่าตื่นเต้นที่สุดในโลกการเงิน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการวางตำแหน่งทางการลงทุนแบบมีทิศทาง ใช้เป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยง หรือเก็งกำไรในระยะสั้น
บทความนี้ครอบคลุมทุกสิ่งที่คุณควรรู้ ตั้งแต่รายละเอียดของสัญญา ช่วงเวลาการซื้อขาย ไปจนถึงกลยุทธ์การเข้าเทรด การควบคุมความเสี่ยง และเทคนิคขั้นสูงในการวางแผนเทรดอย่างมีประสิทธิภาพ
DAX (Deutscher Aktienindex) เป็นดัชนีหุ้นชั้นนำของเยอรมนีที่รวบรวม 40 บริษัทขนาดใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์แฟรงก์เฟิร์ตปี 2025 ดัชนีนี้มีมูลค่ารวมเกือบ 1.9 ล้านล้านยูโร การเทรด DAX Futures สามารถทำได้ผ่านสัญญาหลายขนาด ได้แก่ FDAX (Full Size), FDXM (Mini-DAX), FDXS (Micro-DAX)
DAX Futures ขนาด Full Size แต่ละฉบับมีราคา 25 ยูโรต่อจุดดัชนี ส่วน Mini-DAX และ Micro-DAX มีราคาลดลงเหลือ 5 ยูโรและ 1 ยูโรตามลำดับ ทำให้นักเทรดรายย่อยเข้าถึงได้ง่ายขึ้น สัญญาเหล่านี้เป็นแบบชำระด้วยเงินสดและหมดอายุทุกไตรมาส (มี.ค., มิ.ย., ก.ย., ธ.ค.) ในวันศุกร์ที่สามของเดือน
DAX Futures เปิดให้ซื้อขายได้เกือบตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน ตั้งแต่คืนวันอาทิตย์ถึงบ่ายวันศุกร์ (ET) โดยให้สภาพคล่องที่โดดเด่นและสเปรดที่แคบ ซึ่งทำให้เป็นที่นิยมในหมู่นักเทรดรายวัน สวิง และผู้เล่นสถาบัน
FDAX เป็นสัญญาหลักที่มีสภาพคล่องมากที่สุด เหมาะสำหรับนักเทรดมืออาชีพหรือสถาบัน ส่วน FDXM และ FDXS มีขนาดเล็กกว่าตามลำดับ 1/5 และ 1/25 ของ FDAX จึงเหมาะสำหรับรายย่อยหรือผู้ที่ต้องการจัดการขนาดการเปิดสถานะอย่างละเอียด
มูลค่าต่อ Tick:
FDAX: 25 ยูโรต่อจุด โดยมักจะเคลื่อนไหวประมาณ 200 จุดต่อวัน (ประมาณ 5,000 ยูโรต่อวัน)
FDXM: 5 ยูโรต่อจุด
FDXS: 1 ยูโรต่อจุด
ข้อกำหนดมาร์จิ้นจะแตกต่างกันไปตามโบรกเกอร์และสัญญา ควรตรวจสอบให้ชัดเจนเพื่อหลีกเลี่ยงการถูก Margin Call
DAX Futures เปิดทำการตรงกับเวลาตลาดยุโรป คือ วันอาทิตย์เวลา 19:00 ถึงวันศุกร์เวลา 16:00 ตามเวลา ET โดยช่วงที่มีความเคลื่อนไหวสำคัญ ได้แก่:
เวลาตลาดยุโรปเปิด (ประมาณ 8:00 CET)
การประกาศข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของเยอรมนี
ตลาดสหรัฐฯ เปิดและมีข่าวสารออกมา ซึ่งมักส่งผลต่อฟิวเจอร์สยุโรป
เพื่อป้องกันการเคลื่อนไหวของราคาที่ไม่สามารถคาดเดาได้ นักเทรดระยะสั้นจะหยุดพักในช่วง 1-2 ชั่วโมงแรกของความผันผวน และทำการเทรดตามช่วงราคาที่กำหนดไว้ โดยเฉพาะภายใน 2 ชั่วโมงแรกหลังจากตลาดเปิด
สภาพคล่องสูงและสเปรดแคบ
เหมาะกับการเข้าออกตำแหน่งอย่างรวดเร็ว ลดโอกาสเกิด Slippage เหมาะกับนักเทรดสายรุกหรือระบบอัตโนมัติ
เลเวอเรจและประสิทธิภาพของเงินทุน
สามารถควบคุมมูลค่าตำแหน่งที่สูงได้ด้วยเงินลงทุนเริ่มต้นที่น้อย ช่วยขยายโอกาสในการทำกำไร (และขาดทุน)
เปิด Long หรือ Short ได้อย่างอิสระ
DAX Futures สามารถทำกำไรทั้งขาขึ้นและขาลง โดยไม่มีข้อจำกัดแบบหุ้น
สะท้อนภาวะตลาดยูโรโซน
ดัชนี DAX มักนำหรือตอบสนองต่อดัชนีสหรัฐฯ และสะท้อนความเชื่อมั่นในตลาดยุโรป จึงใช้เป็นเครื่องชี้วัดแนวโน้มโลกได้อย่างดี
1. Mean Reversion (การกลับเข้าสู่ค่าเฉลี่ย)
งานวิจัยล่าสุดระบุว่า DAX Futures มักจะเคลื่อนไหวกลับสู่ค่าเฉลี่ยหลังจากเกิดจุดสูงสุดหรือต่ำสุดชั่วคราว ระบบหนึ่งที่ทำกำไรได้ดีใช้ Bollinger Bands ในกรอบเวลา 30 นาที และเปิดออเดอร์เมื่อราคาทะลุขอบบนหรือล่างของแถบ Bollinger ที่ตั้งไว้
กลยุทธ์นี้ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อการเทรดที่ดี โดยเฉพาะฝั่งขาย (Short) เมื่อนำสัญญา Mini หรือ Micro มาใช้เพื่อบริหารความเสี่ยง
อีกรูปแบบหนึ่งใช้กรอบเวลา 15 นาทีโดยจะเข้าซื้อ/ขายเมื่อราคาทะลุระดับสูงหรือต่ำของช่วงการซื้อขายก่อนหน้า ก่อนที่จะเกิดการกลับตัว กลยุทธ์นี้เน้นตรวจจับภาวะที่โมเมนตัมเริ่มอ่อนแรงแล้วจึงเข้าทำการซื้อขาย
2. Trend Following(ตามแนวโน้ม)
เทรดเดอร์จะตรวจจับแนวโน้มที่แข็งแกร่งและต่อเนื่อง ด้วยเครื่องมืออย่างเช่น ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่หรือระบบการทะลุกรอบแนวรับ/แนวต้าน (Channel Breakout) แล้วปล่อยให้กำไรเติบโตตามแนวโน้ม หลักการคล้ายกับแนวคิดคลาสสิกของ Trend Following คือซื้อเมื่อแนวโน้มเริ่มเป็นขาขึ้น และออกเมื่อโมเมนตัมเริ่มลดลง
กลยุทธ์นี้เหมาะสำหรับวันที่ตลาดมีแนวโน้มชัดเจนและมีแรงส่งสูง
3. Range Breakouts (ทะลุกรอบช่วงเปิดตลาด)
นักเทรดรายวันนิยมมองหาการทะลุกรอบราคาที่เกิดขึ้นใน 2 ชั่วโมงแรกหลังตลาดเปิด หาก DAX ทะลุกรอบแนวรับหรือแนวต้านอย่างชัดเจน พร้อมยืนยันด้วยปริมาณการซื้อขาย (Volume Confirmation) มักจะให้โอกาสในการทำกำไรแบบสเกลได้ในวันเดียว
4. RSI-Based Reversals (กลับตัวตาม RSI)
กลยุทธ์ที่ได้รับความนิยม คือการใช้ RSI (14) บนกราฟ 5 นาที เช่น เมื่อ RSI ลดลงต่ำกว่า 25 แล้วกลับมาปิดเหนือ 25 หรือเมื่อ RSI ขึ้นเหนือ 75 แล้วกลับลงมาแสดงถึงภาวะซื้อมากเกินไปหรือขายมากเกินไป
นักเทรดมักเลือกทำเพียงหนึ่งออเดอร์ที่มีโอกาสสำเร็จสูงต่อวัน โดยรักษาอัตราส่วนกำไรต่อขาดทุนไว้ที่ 1:3 เพื่อคงวินัยในการเทรด
5. Event-Driven (ตามข่าวสาร)
DAX มีความไวต่อข้อมูลเศรษฐกิจของเยอรมนีและสหภาพยุโรป นักเทรดมักปิดหรือปรับลดขนาดสถานะก่อนที่ข้อมูลสำคัญจะประกาศ (เช่น ดัชนี CPI การว่างงาน หรือแถลงการณ์นโยบาย) หรือทำการเทรดตามทิศทางการเบรกเมื่อคาดว่าจะเกิดความผันผวนต่อเนื่องหลังข่าว
1) เลือกรูปแบบการเทรดของคุณ
ตัดสินใจว่าคุณเป็นนักเทรดรายวัน (Day Trader) เปิด-ปิดสถานะภายในวันเดียว แบบ Swing ถือสถานะหลายวัน หรือระยะยาว ถือสถานะเป็นสัปดาห์หรือเดือน เวลาที่คุณสามารถให้และกลยุทธ์จะต่างกันตามสไตล์
2) เลือกขนาดสัญญาที่ถูกต้อง
Micro-DAX (FDXS) และ Mini-DAX(FDXM) เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น
ใช้ FDAX ขนาดเต็มเมื่อคุณมั่นใจในกลยุทธ์และการบริหารเงินทุนของคุณ
3) กำหนดกลยุทธ์และเงื่อนไขการเข้าเทรด
เลือกวิธีที่ผ่านการพิสูจน์แล้ว เช่น RSI Reversal, Mean Reversion, Breakout หรือ Trend Following
ทดลองย้อนหลัง (Backtest) และทำความเข้าใจเงื่อนไขที่กลยุทธ์นั้นทำงานได้ดีหรือแย่
4) ตั้งกฎบริหารความเสี่ยงที่ชัดเจน
อย่าเสี่ยงเกิน 1–2% ของเงินทุนต่อการเทรดหนึ่งครั้ง
ใช้คำสั่ง Stop-Loss เสมอและอย่าเปลี่ยนแปลงมันด้วยอารมณ์ระหว่างเทรด
ปรับขนาดสถานะตามความผันผวนและขนาดของสัญญา
5) เลือกหน้าต่างการกำหนดเวลาการซื้อขาย
ให้ความสำคัญกับกรอบเวลาที่สอดคล้องกับกลยุทธ์ของคุณ เช่น 2 ชั่วโมงแรกหลังจากเปิดตลาดในยุโรป หรือระหว่างเวลาประกาศภาวะเศรษฐกิจมหภาคของสหรัฐฯ
6) จำกัดความถี่ในการซื้อขายของคุณ
โดยเฉพาะในช่วงเริ่มต้นให้ตั้งเป้าเทรดเฉพาะ 1–2 ออเดอร์คุณภาพต่อวัน เพื่อช่วยลดการเทรดเกินเหตุและความล้าจากการตัดสินใจ
7) ใช้สมุดบันทึกการเทรด
จดทุกการเทรดว่าทำไมถึงเข้าเทรด ผลลัพธ์เป็นอย่างไร เรียนรู้อะไรจากมัน โดยเมื่อเวลาผ่านไปสมุดบันทึกนี้จะกลายเป็นโค้ชที่ดีที่สุดของคุณ
การเทรด DAX Futures มอบโอกาสที่หลากหลาย ด้วยความคล่องตัวสูง เลเวอเรจ และความสามารถในการทำกำไรในทุกทิศทางของตลาด สำหรับมือใหม่ แนะนำให้เริ่มจากสัญญา FDXS หรือ FDXM ควบคู่กับกลยุทธ์ที่มีความชัดเจน เช่น RSI Reversal หรือ Breakout จากกรอบช่วงเปิดตลาด
สำหรับมืออาชีพ กลยุทธ์อย่าง Multi-Day Reversal หรือ Trend Following ที่มีวินัยและการควบคุมความเสี่ยงที่ดีสามารถสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงได้ในระยะยาว
ข้อสงวนสิทธิ์: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนา (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ได้เป็นคำแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ
ตอบทุกข้อสงสัย ปฏิทินเศรษฐกิจ คืออะไร พร้อมเปิดวิธีใช้งานอย่างละเอียดสำหรับเทรดเดอร์สายยิงออเดอร์แบบเกาะติดทุกสถานการณ์ในตลาด Forex
2025-07-26กระจ่างชัด ดัชนี CPI คืออะไร ทำไมถึงสำคัญกับตลาดการเงินโลก โดยเฉพาะ Forex เพราะไขความแตกต่างระหว่าง CPI และ Core CPI
2025-07-25ในปี 2025 อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านจะลดลงหรือไม่? เจาะลึกมุมมองผู้เชี่ยวชาญ แนวโน้มเศรษฐกิจ และผลกระทบต่อผู้ซื้อบ้าน และนักลงทุนอสังหาฯ
2025-07-25