เผยแพร่เมื่อ: 2025-12-10
อัปเดตเมื่อ: 2025-12-11
อนุพันธ์ (Derivative) คือสัญญาทางการเงินที่มีมูลค่ามาจากสิ่งอื่นเป็นตัวอ้างอิง ไม่ว่าจะเป็นคู่สกุลเงิน ดัชนี อัตราดอกเบี้ย สินค้าโภคภัณฑ์ หรือหุ้น คุณไม่ได้เทรดสินทรัพย์นั้นโดยตรง แต่กำลังเทรดสัญญาที่ผูกกับการเปลี่ยนแปลงของราคาสินทรัพย์อ้างอิงนั้นแทน
สำหรับเทรดเดอร์ อนุพันธ์มีความสำคัญเพราะช่วยให้ใช้เงินทุนเริ่มต้นน้อยลง สามารถป้องกันความเสี่ยง (Hedging) และสร้างโอกาสทำกำไรได้ทั้งในตลาดขาขึ้นและขาลง แต่ในขณะเดียวกัน อนุพันธ์ก็เพิ่มทั้งโอกาสและความเสี่ยงไปพร้อมกันด้วยเช่นกัน
ในบริบทของการเทรด อนุพันธ์คือสัญญาที่มีราคาเปลี่ยนแปลงตามการเคลื่อนไหวของสินทรัพย์อ้างอิง เช่น EUR/USD, ทองคำ, น้ำมัน หรือดัชนีต่าง ๆ อนุพันธ์ที่พบได้ทั่วไป ได้แก่ ฟิวเจอร์ส ออปชัน ฟอร์เวิร์ด และ CFD

เทรดเดอร์ใช้อนุพันธ์เพื่อการเก็งกำไร ป้องกันความเสี่ยง (Hedging) และบริหารความเสี่ยงของพอร์ต เนื่องจากอนุพันธ์หลายประเภทใช้เลเวอเรจ การเคลื่อนไหวของราคาเพียงเล็กน้อยในสินทรัพย์อ้างอิงอาจทำให้เกิดกำไรหรือขาดทุนจำนวนมากในตำแหน่งอนุพันธ์ได้
เทรดเดอร์มักพบอนุพันธ์บนแพลตฟอร์มในรูปแบบ CFD, ออปชัน ฟิวเจอร์ส หรือสวอป เทรดเดอร์ CFD มักโฟกัสที่มาร์จิ้น เลเวอเรจ และสเปรด ส่วนเทรดเดอร์ฟิวเจอร์สให้ความสำคัญกับวันหมดอายุสัญญาและการโรลโอเวอร์ ขณะที่นักเทรดออปชันจะศึกษาความผันผวนและการกำหนดราคาใช้สิทธิ
ผู้เชี่ยวชาญ กองทุน และสถาบันขนาดใหญ่ใช้ออนุพันธ์เพื่อบริหารความเสี่ยงอย่างเข้มข้น ในขณะที่นักเทรดรายย่อยมักใช้งาน CFD และบางครั้งใช้ออปชัน

ลองนึกถึงตั๋วคอนเสิร์ตที่ขายหมดแล้ว คุณยังไม่มีตั๋วจริง แต่คุณทำข้อตกลงกับเพื่อนว่า หากราคาตั๋วจริงปรับเพิ่มขึ้นในอนาคต เพื่อนจะขายให้คุณในราคา ณ วันนี้ แต่ถ้าราคาตั๋วลดลง คุณสามารถยกเลิกข้อตกลงได้
ข้อตกลงนี้ไม่ใช่ตั๋วจริง แต่มูลค่าของมันขึ้นอยู่กับราคาตลาดของตั๋วจริง
อนุพันธ์ก็ทำงานในลักษณะเดียวกัน มันคือสัญญาที่มีมูลค่าเคลื่อนไหวตามราคาของสิ่งอื่น ทำให้คุณสามารถเก็งกำไรหรือรับความเสี่ยงจากการเคลื่อนไหวของราคาได้โดยไม่ต้องถือสินทรัพย์อ้างอิงจริง ๆ
อนุพันธ์มีอยู่เพราะมูลค่าของมันขึ้นอยู่กับสิ่งอื่นที่เรียกว่า สินทรัพย์อ้างอิง (Underlying Asset)
สินทรัพย์อ้างอิงอาจเป็นคู่สกุลเงิน ดัชนีหุ้น ผลตอบแทนพันธบัตร อัตราดอกเบี้ย โลหะมีค่า หรือสินค้าโภคภัณฑ์ เมื่อราคาของสินทรัพย์อ้างอิงขยับ ราคาของอนุพันธ์ก็จะตอบสนองตาม นี่คือความเชื่อมโยงพื้นฐานที่ทำให้สัญญาอนุพันธ์มีความหมาย
มีหลายปัจจัยที่กำหนดราคาอนุพันธ์ ได้แก่:
การเคลื่อนไหวของสินทรัพย์อ้างอิง: เมื่อสินทรัพย์อ้างอิงปรับขึ้นหรือลง ราคาอนุพันธ์ก็มักจะเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกัน
ความผันผวน: เมื่อความไม่แน่นอนในตลาดเพิ่มขึ้น ราคาของออปชันจะสูงขึ้น และสเปรดของ CFD อาจขยายกว้างขึ้น
อัตราดอกเบี้ยและการจัดหาเงินทุน: การเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยข้ามคืนส่งผลต่อต้นทุนของ CFD ราคาในตลาดฟิวเจอร์ส และมูลค่าของสวอป
การเสื่อมค่าตามเวลา (Time Decay): ออปชันจะค่อย ๆ สูญเสียมูลค่าเมื่อใกล้วันหมดอายุ แม้ว่าราคาของสินทรัพย์อ้างอิงจะไม่เปลี่ยนเลยก็ตาม
| ประเภท | คืออะไร | จุดเด่นสำคัญ | การใช้งานทั่วไป |
|---|---|---|---|
| ฟิวเจอร์ส | สัญญาซื้อขายสินทรัพย์ล่วงหน้าที่กำหนดราคาไว้ตายตัว | ซื้อขายผ่านตลาดอนุพันธ์ตามกติกามาตรฐาน | เทรดสินค้าโภคภัณฑ์ ดัชนี ค่าเงิน |
| ออปชัน | สิทธิ ไม่ใช่ภาระผูกพัน ในการซื้อหรือขายที่ราคาเฉพาะเจาะจง | มีการเสื่อมค่าตามเวลา (Time Decay) | บริหารความเสี่ยง เก็งกำไรทิศทางหรือความผันผวน |
| Forwards | ข้อตกลงส่วนตัวแบบระหว่างสองฝ่ายเพื่อซื้อขายล่วงหน้า | กำหนดเงื่อนไขเอง ไม่ซื้อขายผ่านตลาดกลาง | ใช้ป้องกันความเสี่ยงด้านค่าเงินและสินค้าโภคภัณฑ์ |
| สวอป | การแลกเปลี่ยนกระแสเงินสดระหว่างสองฝ่าย | มักผูกกับอัตราดอกเบี้ยหรืออัตราแลกเปลี่ยน | จัดการความเสี่ยงอัตราดอกเบี้ยหรือค่าเงิน |
| CFD | สัญญาเก็งกำไรส่วนต่างราคาแบบชำระด้วยเงินสด | ไม่ต้องถือสินทรัพย์จริง | เทรดระยะสั้นในดัชนี โลหะ ค่าเงิน |
อนุพันธ์มีบทบาทสำคัญในตลาดการเงินโลก เพราะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่น ใช้เลเวอเรจ และช่วยถ่ายโอนความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยอนุพันธ์ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถ:
ป้องกันพอร์ตจากความผันผวนของราคา
แสดงมุมมองทิศทางตลาดด้วยเงินทุนที่ใช้ไม่มาก
เข้าถึงตลาดหรือผลิตภัณฑ์ที่อาจเข้าถึงยากในรูปแบบปกติ
เทรดความผันผวน อัตราดอกเบี้ย หรือความสัมพันธ์ระหว่างสินทรัพย์ต่าง ๆ ได้อย่างแม่นยำมากขึ้น
ในตลาดยุคใหม่ อนุพันธ์ยังช่วยสนับสนุนสภาพคล่องและกระบวนการค้นหาราคา (Price Discovery) ซึ่งส่งผลต่อทุกอย่างตั้งแต่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ไปจนถึงการจัดหาเงินทุนของบริษัทขนาดใหญ่
ลองนึกภาพว่าเทรดเดอร์ซื้อ CFD ที่ติดตามราคาของดัชนีหนึ่ง ซึ่งกำลังซื้อขายอยู่ที่ 5,000 จุด เทรดเดอร์เปิดสถานะเล็ก ๆ ที่มูลค่า 1 ดอลลาร์ต่อ 1 จุด หากดัชนีปรับขึ้นไปที่ 5,040 จุด CFD จะมีกำไร 40 ดอลลาร์ เทรดเดอร์ไม่เคยเป็นเจ้าของดัชนีจริง ๆ สัญญาเพียงติดตามการเปลี่ยนแปลงของราคาเท่านั้น
ถ้าดัชนีลดลงไปที่ 4,960 จุด เทรดเดอร์จะขาดทุน 40 ดอลลาร์ การเคลื่อนไหวเท่ากัน แต่เกิดในทิศทางตรงข้าม

สัญญา CFD จะขยับขึ้นลงตามดัชนีแบบจุดต่อจุด นี่แสดงให้เห็นว่าอนุพันธ์ช่วยให้เทรดเดอร์ได้รับผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ โดยไม่ต้องถือสินทรัพย์จริง ๆ และยังแสดงให้เห็นด้วยว่ากำไร–ขาดทุนสามารถขยายตัวได้เร็ว แม้ราคาเปลี่ยนเพียงเล็กน้อย
การใช้เลเวอเรจมากเกินไป: การขยับเพียงเล็กน้อยอาจกลายเป็นการขาดทุนใหญ่
มองข้ามค่าใช้จ่ายในการถือสถานะ (Funding Costs): ถือ CFD ระยะยาวอาจมีต้นทุนสูง
เทรดใกล้วันหมดอายุสัญญาโดยไม่เข้าใจการโรลโอเวอร์: ฟิวเจอร์สและออปชันอาจขยับแรงแบบไม่คาดคิด
สับสนผลของความผันผวน: ออปชันอาจสูญมูลค่า แม้ทิศทางราคาจะถูกต้อง
เทรดมากเกินไปเพราะใช้มาร์จิ้นน้อย: นำไปสู่การขาดทุนเร็วและควบคุมไม่ได้
ตรวจสอบว่าสิ่งใดเป็นตัวกำหนดมูลค่าของอนุพันธ์นั้น ทบทวนเทรนด์ตลาด ข่าวล่าสุด ระดับความผันผวน และช่วงการเคลื่อนไหวเฉลี่ยในแต่ละวัน เพื่อเข้าใจพฤติกรรมราคาที่อาจเกิดขึ้น
CFD, ฟิวเจอร์ส และออปชัน มีลักษณะการตอบสนองต่อเวลา วิธีการชำระราคา และสภาวะตลาดที่แตกต่างกัน ตรวจสอบว่าสัญญานั้นชำระด้วยเงินสดหรือส่งมอบสินทรัพย์จริง รวมถึงเข้าใจผลกระทบจาก Time Decay หรือกลไก Rollover ที่อาจทำให้ราคาขยับ
สเปรดที่กว้างอาจบ่งชี้ความไม่แน่นอนหรือความเสี่ยงที่สูงขึ้น ขณะเดียวกันสภาพคล่องต่ำเพิ่มโอกาสเกิด Slippage หากมีข้อมูล Depth of Market ควรตรวจสอบเพื่อดูว่าการเปิดหรือปิดสถานะทำได้ง่ายเพียงใด
ฟิวเจอร์สและออปชันมีวันหมดอายุที่ส่งผลโดยตรงต่อการกำหนดราคา เมื่อใกล้วันชำระราคา ควรระวังต้นทุน Rollover การปรับราคา และความเปลี่ยนแปลงของสภาพคล่อง
การถือสัญญาที่มีเลเวอเรจข้ามคืนมักมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ซึ่งเมื่อสะสมในระยะยาวอาจกระทบผลกำไรสุทธิได้ โดยเฉพาะในตลาดที่เคลื่อนไหวช้า
ตรวจสอบสิ่งเหล่านี้ทุกครั้งก่อนเข้าเทรด และในตลาดที่เคลื่อนไหวเร็ว หรือเมื่อมีข่าวใหญ่ ควรกลับมาตรวจสอบซ้ำ เพื่อให้สมมติฐานเดิมของคุณยังคงถูกต้องเสมอ
สินทรัพย์อ้างอิง: สินทรัพย์อ้างอิงที่ใช้เป็นพื้นฐานในการกำหนดมูลค่าของอนุพันธ์
เลเวอเรจ: การใช้เงินลงทุนที่ยืมมาหรือเงินลงทุนที่สร้างขึ้นมาเพื่อควบคุมตำแหน่งการลงทุนที่ใหญ่ขึ้น
การป้องกันความเสี่ยง: การลดความเสี่ยงด้วยการเปิดสถานะชดเชย
ไม่จำเป็นเสมอไป เทรดเดอร์รายย่อยจำนวนมากใช้อนุพันธ์แบบง่าย ๆ เช่น CFD เพราะสามารถกำหนดขนาดสถานะได้ยืดหยุ่น แต่อนุพันธ์ต้องใช้วินัยในการบริหารความเสี่ยงสูง เนื่องจากเลเวอเรจสามารถขยายผลของความผิดพลาดได้
โดยทั่วไปจะเคลื่อนในทิศทางเดียวกัน แต่ความเร็วอาจไม่เท่ากัน เลเวอเรจ ค่าใช้จ่ายในการถือสถานะ ความผันผวน และ Time Decay สามารถทำให้ราคาอนุพันธ์เคลื่อนไหวต่างจากสินทรัพย์อ้างอิงเล็กน้อย โดยเฉพาะในตลาดที่เคลื่อนเร็วหรือใกล้วันหมดอายุสัญญา
มีโอกาสเสี่ยงมากกว่า เพราะเลเวอเรจทำให้ทั้งกำไรและขาดทุนขยายตัว ตลาด Spot เคลื่อนแบบธรรมดา แต่อนุพันธ์เคลื่อนเร็วกว่า จึงต้องวางแผนรัดกุม ตั้งจุดออกชัดเจน และเข้าใจต้นทุนเพิ่มเติม เช่น Funding และ Spread
เทรดเดอร์ส่วนใหญ่เริ่มต้นด้วย CFD เพราะเข้าใจง่าย: เข้าเทรด–ออกเทรด ไม่มีวันหมดอายุ ฟิวเจอร์สและออปชันให้ความยืดหยุ่นมากกว่า แต่ต้องเข้าใจความผันผวน Time Decay และโครงสร้างมาร์จิ้นอย่างลึกซึ้ง ผู้เริ่มต้นควรใช้เลเวอเรจต่ำและขนาดสถานะเล็ก ๆ
อนุพันธ์คือสัญญาที่มูลค่าของมันขึ้นอยู่กับสินทรัพย์อ้างอิง ทำให้เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ทรงพลังที่สุดในตลาดการเงินยุคใหม่ ไม่ว่าจะใช้เพื่อป้องกันความเสี่ยง การเก็งกำไร หรือเพิ่มประสิทธิภาพของพอร์ต อนุพันธ์มีบทบาทสำคัญต่อสภาพคล่องและการบริหารความเสี่ยงในตลาดทั่วโลก
การเข้าใจโครงสร้าง ข้อดี และความเสี่ยงของอนุพันธ์ จะช่วยให้เทรดเดอร์สามารถนำไปใช้ได้อย่างมีกลยุทธ์และมีความรับผิดชอบมากขึ้น
ข้อสงวนสิทธิ์: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนา (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ได้เป็นคำแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ