简体中文 繁體中文 English 한국어 日本語 Español Bahasa Indonesia Tiếng Việt Português Монгол العربية हिन्दी Русский ئۇيغۇر تىلى

เปิดโลกเทรด CFD คืออะไร ทำกำไรได้ง่ายกว่าที่คิด

เผยแพร่เมื่อ: 2025-10-20    อัปเดตเมื่อ: 2025-10-21

ประเด็นสำคัญ

  • CFD ช่วยให้คุณสะท้อนการเปลี่ยนแปลงราคาของสินทรัพย์โดยไม่ต้องซื้อสินทรัพย์นั้นจริง ๆ

  • คุณเทรดด้วยเลเวอเรจ หมายความว่าคุณลงทุนเพียงส่วนน้อยของมูลค่าจริง ซึ่งจะเพิ่มทั้งโอกาสทำกำไรและความเสี่ยงขาดทุน

  • บัญชี CFD ของนักลงทุนรายย่อยหลายรายมักขาดทุน ตัวอย่างเช่น ในสหราชอาณาจักร ประมาณ 61%–72% ของลูกค้ารายย่อยขาดทุนจากการเทรด CFD

  • เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายด้านการเงิน ค่าธรรมเนียมข้ามคืน การเรียกมาร์จิ้น และความเสี่ยงของคู่สัญญา CFD จึงเหมาะกับการเทรดระยะสั้นหรือใช้ป้องกันความเสี่ยงมากกว่าการซื้อและถือยาว


การเทรด CFD คืออะไร?

การเทรด CFD คืออะไร

CFD (Contract for Difference) คือสัญญาทางการเงินที่ช่วยให้คุณสามารถเก็งกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์ ไม่ว่าจะขึ้นหรือลง โดยไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของสินทรัพย์นั้นจริง ๆ


แม้แนวคิดนี้จะฟังดูเรียบง่าย แต่กลไก ค่าใช้จ่าย และความเสี่ยงของ CFD มีความซับซ้อนจริง และอาจมีผลลัพธ์ที่คาดไม่ถึง


บทความนี้นำเสนอการวิเคราะห์เชิงลึกเกี่ยวกับการเทรด CFD โดยศึกษารายละเอียดโครงสร้าง วิธีการใช้เลเวอเรจ แบบจำลองการกำหนดราคา หลักการบริหารความเสี่ยง กรอบระเบียบข้อบังคับ และข้อพิจารณาสำคัญสำหรับนักลงทุน


ลักษณะของสัญญา CFD: สิ่งที่คุณกำลังทำจริง ๆ

ลักษณะของสัญญา CFD

ลองจินตนาการว่าคุณและโบรกเกอร์ตกลงกันว่า ณ เวลา A คุณเปิดสถานะในสินทรัพย์หนึ่ง เมื่อคุณปิดสถานะที่เวลา B คุณจะแลกเปลี่ยนส่วนต่างระหว่างราคาปิดและราคาเปิด นี่คือหลักการของ CFD โดยสรุป


1. ความหมายและโครงสร้าง

  • คุณไม่ได้รับสินทรัพย์จริง ๆ

  • กำไร (หรือขาดทุน) ของคุณ = การเปลี่ยนแปลงราคา × ขนาดของตำแหน่ง (ซึ่งอาจมีตัวคูณ)

  • เนื่องจากคุณเทรดอนุพันธ์แทนการซื้อสินทรัพย์จริง คุณอาจหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายบางอย่างจากการเป็นเจ้าของ เช่น ไม่มี Stamp Duty สำหรับ CFD หุ้นสหราชอาณาจักร


2. โบรกเกอร์ในฐานะคู่สัญญา

  • แตกต่างจากการซื้อขายแบบดั้งเดิม หลายการเทรด CFD จะทำแบบ Over-the-Counter (OTC) โดยโบรกเกอร์เป็นคู่สัญญา

  • นั่นหมายความว่าความเสี่ยงของคุณไม่ได้จำกัดแค่ความเสี่ยงตลาด แต่ยังมีความเสี่ยงด้านเครดิต/คู่สัญญา หากโบรกเกอร์ไม่สามารถปฏิบัติตามข้อตกลง การซื้อขายอาจไม่เสร็จสมบูรณ์ตามที่คาดไว้


3. การคำนวณกำไรขาดทุน

  • ตัวอย่างง่ายๆ: คุณซื้อ CFD 100 หน่วย ที่ราคา £10 และปิดที่ £11 → กำไร = (11 − 10) × 100 = £100

  • หากคุณขาย (เปิด short) และราคาขึ้นเป็น £11 คุณจะขาดทุน £100 (ไม่รวมค่าใช้จ่าย)

  • แม้ตัวอย่างจะเรียบง่าย แต่เลเวอเรจจริงหมายความว่าการเคลื่อนไหวราคาเดียวกันอาจทำให้เงินฝากของคุณหายไป หากมาร์จิ้นมีขนาดเล็ก


มาร์จิ้น เลเวอเรจ และขนาดตำแหน่ง


เลเวอเรจเปรียบเสมือนกล้องขยาย ที่สามารถทำให้กำไรดูใหญ่ หรือขาดทุนก็ดูใหญ่เช่นกัน การเข้าใจมาร์จิ้นและการกำหนดขนาดตำแหน่งอย่างเหมาะสมจึงเป็นเรื่องสำคัญ


1. พื้นฐานมาร์จิ้น

  • Initial margin (มาร์จิ้นเริ่มต้น) คือจำนวนเงินที่คุณต้องวางเพื่อเปิดตำแหน่งที่ใช้เลเวอเรจ

  • Maintenance margin (มาร์จิ้นรักษาตำแหน่ง) คือส่วนของเงินทุนขั้นต่ำที่บัญชีของคุณต้องคงไว้ขณะตำแหน่งยังเปิดอยู่

  • หากเงินทุนของคุณต่ำกว่าระดับนี้ โบรกเกอร์อาจส่ง Margin Call หรือปิดตำแหน่งของคุณโดยอัตโนมัติ


2. วิธีการทำงานของเลเวอเรจ

  • เลเวอเรจบอกว่าฝากเงินของคุณควบคุมมูลค่าตำแหน่งได้กี่เท่า

  • ตัวอย่าง: เลเวอเรจ 20:1 หมายความว่า £1 ของมาร์จิ้นควบคุมตำแหน่งมูลค่า £20 ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสกำไร แต่ก็ทำให้ขาดทุนเกินมาร์จิ้นได้

  • ในสหราชอาณาจักร เลเวอเรจสำหรับนักลงทุนรายย่อยถูกจำกัด เช่น 30:1 สำหรับคู่เงินหลัก ตามกฎระเบียบ


3. การกำหนดขนาดตำแหน่ง

  • กฎปฏิบัติ: กำหนดล่วงหน้าว่าคุณพร้อมเสียเงินทุนเท่าไรต่อการเทรดหนึ่งครั้ง (เช่น 1%)

  • จากนั้นตั้ง Stop และกำหนดขนาดตำแหน่งให้เมื่อ Stop ถูกทำงาน ขาดทุนยังอยู่ในขอบเขตที่ตั้งไว้

  • หลีกเลี่ยงการเทหมดหน้าตักเพียงเพราะมาร์จิ้นอนุญาต

  • มักจะพบว่าการขาดทุนใหญ่เกิดจากตำแหน่งที่ใหญ่เกินไป


ต้นทุน การตั้งราคา และการดำเนินการ


การเทรดไม่ได้ฟรี ตารางด้านล่างสรุปต้นทุนหลักของการเทรด CFD


ประเภทค่าใช้จ่าย ความหมาย ใครเป็นผู้จ่าย / ผลกระทบ
สเปรด ความต่างระหว่างราคาซื้อและขายของโบรกเกอร์ เป็นค่าใช้จ่ายแฝงในทุกการเทรด — สเปรดกว้างขึ้น ต้นทุนสูงขึ้น
คอมมิชชั่น ค่าธรรมเนียมคงที่ต่อการเทรด (มักใช้กับ CFD หุ้นรายตัว) คุณต้องจ่ายเสมอ — ลดผลตอบแทนที่แท้จริง
ค่าธรรมเนียมข้ามคืน (Overnight financing / swap) ค่าใช้จ่าย (หรือรายได้) สำหรับการถือสถานะข้ามวัน สำคัญสำหรับการเทรดระยะยาว
สลิปเพจ & ค่าใช้จ่ายการดำเนินการ ความต่างระหว่างราคาที่คาดหวังกับราคาที่ถูกเติมเต็ม อาจลดความสามารถทำกำไร โดยเฉพาะตลาดผันผวนหรือสภาพคล่องต่ำ
ค่าแพลตฟอร์ม/ข้อมูล/บัญชีไม่เคลื่อนไหว ค่าสมัคร ใช้ข้อมูล ค่าใช้จ่ายบัญชีเฉื่อย ค่าใช้จ่ายเล็ก ๆ แต่สะสมเมื่อเวลาผ่านไป


ข้อสังเกต:

  1. การถือสถานะข้ามคืนจะมีค่าใช้จ่ายด้านการเงิน การถือหลายคืนจะเพิ่มต้นทุนสะสม

  2. สภาพคล่องต่ำหรือช่วงตลาดผันผวนสามารถเพิ่มสลิปเพจและขยายสเปรด ซึ่งถือเป็นความเสี่ยงโดยตัวมันเอง

  3. มาร์จิ้นต่ำไม่ได้หมายความว่าการเทรดจะถูกเสมอไป หากรวมต้นทุนแฝงอื่น ๆ แล้ว


ตลาดและตราสารที่สามารถเทรดผ่าน CFD

ตลาดและตราสารที่สามารถเทรดผ่าน CFD

หนึ่งในจุดดึงดูดของ CFD คือการเข้าถึงตลาดหลากหลายที่คุณอาจเข้าถึงได้ยาก แต่ก็หมายความว่ามีกฎเกณฑ์ สภาพคล่อง และโปรไฟล์ความเสี่ยงที่แตกต่างกัน


  1. หุ้นและดัชนี
    คุณสามารถเทรด CFD หุ้นรายตัวในตลาดหลักทรัพย์ใหญ่ ๆ และดัชนีทั้งตลาด (เช่น FTSE 100, S&P 500) สำหรับหุ้นมักมีค่าใช้จ่ายคอมมิชชั่น ส่วนดัชนีอาจจ่ายเพียงสเปรด


  2. ฟอเร็กซ์และสินค้าโภคภัณฑ์
    คู่สกุลเงินหลัก (GBP/USD, EUR/USD) และสินค้าโภคภัณฑ์ (ทองคำ น้ำมัน สินค้าเกษตร) เป็นสินทรัพย์ฐานของ CFD ที่นิยม


    สินทรัพย์เหล่านี้มักมีสภาพคล่องสูง แต่ยังมีค่าใช้จ่ายข้ามคืน/ค่าโรลโอเวอร์

  3. คริปโตและตราสารแปลกใหม่

    บางโบรกเกอร์เสนอ CFD ของสกุลเงินดิจิทัล


    สินทรัพย์เหล่านี้มีความผันผวนสูง และอยู่ภายใต้ข้อกำหนดด้านกฎระเบียบที่เข้มงวดในหลายประเทศ


    ในสหราชอาณาจักร CFD คริปโตสำหรับนักลงทุนรายย่อยมีข้อจำกัด


กลยุทธ์ CFD ที่นิยม: สิ่งที่นักลงทุนทำจริง

กลยุทธ์ CFD ที่นิยม

นี่คือ 4 วิธีที่ผู้คนใช้ CFD อย่างแพร่หลาย พร้อมคำอธิบายเกี่ยวกับความเหมาะสมและข้อควรระวัง


  • Day Trading และ Scalping
    เปิดและปิดตำแหน่งภายในวันเดียว บางครั้งเพียงไม่กี่นาทีหรือชั่วโมง ต้องใช้สเปรดแคบ การดำเนินการรวดเร็ว และวินัยด้านการจำกัดความเสี่ยง


  • Swing Trading
    ถือครองตำแหน่งเป็นวันหรือสัปดาห์ เพื่อตามแนวโน้มการเคลื่อนไหว เหมาะกับสินทรัพย์ที่มีโมเมนตัม แต่ต้องเผื่อค่าใช้จ่ายข้ามคืนและความเสี่ยงจากข่าวหรือช่องว่างราคา


  • Hedging หรือป้องกันความเสี่ยงพอร์ต
    การใช้ CFD เพื่อลดความเสี่ยงบางส่วน เช่น การ Short ดัชนีเพื่อป้องกันการถือหุ้นจริง เป็นการใช้งานขั้นสูง แต่ไม่หวือหวาเท่าการเก็งกำไรตรง ๆ


  • Directional Speculation / Event Trading

    คาดการณ์ผลกระทบจากเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิด เช่น รายงานกำไร ข้อมูลเศรษฐกิจ หรือแรงสั่นสะเทือนของสินค้าโภคภัณฑ์ แล้วใช้ CFD เพื่อทำกำไรตามคาดการณ์ มีความเสี่ยงสูง ผลตอบแทนสูงถ้าถูกต้อง แต่ขาดทุนรุนแรงหากผิดพลาด


ข้อควรระวัง: วิธีเหล่านี้ไม่สามารถทดแทนการมีแผนการเทรด Stop-loss การรับรู้ต้นทุนการดำเนินการ และโอกาสผิดพลาดได้ หลายมือใหม่เลือกกลยุทธ์โดยไม่เข้าใจความเสี่ยงอย่างเต็มที่


พื้นฐานการบริหารความเสี่ยง: ปกป้องขาดทุน


การเทรดดึงดูดความสนใจ แต่การป้องกันความเสี่ยงสร้างความเคารพ


1. Stop-loss และประเภทคำสั่งซื้อ

ใช้คำสั่ง Stop-loss และพิจารณาโบรกเกอร์ที่ให้บริการ Guaranteed Stop (แม้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม) หากไม่มี อาจเจอกับช่องว่างราคาขนาดใหญ่ เช่น ช่วงสุดสัปดาห์ ซึ่งอาจทำให้ขาดทุนเกินแผน


2. การควบคุมเลเวอเรจและการกระจายความเสี่ยง

เลเวอเรจสูงอาจดูน่าสนใจ แต่ก็เพิ่มโอกาสผิดพลาด จำกัดการเทรดแต่ละครั้งไม่เกินสัดส่วนเล็ก ๆ ของบัญชี และหลีกเลี่ยงการใส่เงินทั้งหมดในตำแหน่งเดียว


3.ความเสี่ยงด้านคู่สัญญา สภาพคล่อง และช่องว่างราคา

เนื่องจาก CFD ส่วนใหญ่เป็น OTC หากโบรกเกอร์มีปัญหา ตำแหน่งของคุณอาจมีความเสี่ยง ในช่วงสภาพคล่องต่ำหรือเหตุการณ์สำคัญ อาจเกิดสลิปเพจ — ปิดที่ราคาที่แย่กว่าที่คาด


4. ความเสี่ยงด้านพฤติกรรม

การตรวจสอบบ่อยเกินไป เทรดมากเกินไป แก้มือหลังขาดทุน ล้วนทำให้ผลการเทรดลดลง รายงานจากหน่วยงานกำกับดูแลแสดงให้เห็นว่า ผู้ใช้ CFD มักทำการเทรดหลายสิบครั้งต่อเดือน


กฎระเบียบและการคุ้มครองนักลงทุน: รู้จักสนามการเทรด

EBC ได้รับการยอมรับในฐานะโบรกเกอร์ FX ที่เชื่อถือได้ที่สุด และโบรกเกอร์ CFD ที่ดีที่สุด

สภาพแวดล้อมด้านกฎระเบียบกำหนดสิ่งที่คุณทำได้และระดับความคุ้มครองที่คุณได้รับ


1. สถานะทางกฎหมายและความแตกต่างในแต่ละภูมิภาค

ในสหราชอาณาจักร CFD ถูกกฎหมายสำหรับนักลงทุนรายย่อย แต่ต้องอยู่ภายใต้การกำกับดูแลอย่างเข้มงวดโดย Financial Conduct Authority (FCA) ในบางประเทศ (เช่น สหรัฐอเมริกา) การเทรด CFD สำหรับนักลงทุนรายย่อยถูกห้าม


ตัวอย่างเช่น EBC ระบุว่า หน่วยงานในสหราชอาณาจักรถูกควบคุมโดย FCA (ref 927552) และให้บริการเข้าถึง CFD หลากหลายประเภท


2. การคุ้มครองนักลงทุนรายย่อย

ในสหราชอาณาจักร/สหภาพยุโรป กฎระเบียบประกอบด้วย: จำกัดเลเวอเรจสูงสุด (เช่น 30:1 สำหรับคู่เงินหลัก) ข้อควรระวังด้านความเสี่ยงที่บังคับใช้ การเผยแพร่สถิติขาดทุนของนักลงทุนรายย่อย และการป้องกันยอดคงเหลือติดลบ


EBC Financial Group ให้ความสำคัญกับความโปร่งใส โดยมีการเปิดเผยข้อมูลชัดเจนและสนับสนุนด้านการศึกษา เพื่อช่วยให้นักลงทุนเทรดอย่างรับผิดชอบ


3. ทำไมการเลือกโบรกเกอร์จึงสำคัญ

เนื่องจากคุณมักเทรดกับโบรกเกอร์โดยตรง (ในฐานะคู่สัญญา) สถานะทางกฎหมาย ความโปร่งใส การแยกเงินลูกค้า และชื่อเสียงของโบรกเกอร์มีความสำคัญมาก การเลือกโบรกเกอร์ที่มีการกำกับดูแลและมีทุนหนาเป็นพื้นฐานที่ไม่สามารถเจรจาต่อรองได้


4. ขนาดและแนวโน้มตลาด

ตลาดการเทรดด้วยเลเวอเรจสำหรับนักลงทุนรายย่อยในสหราชอาณาจักรกำลังเคลื่อนตัวไปสู่ผู้เทรดจำนวนน้อยลง แต่มีความมีส่วนร่วมสูงขึ้น


ตัวอย่างเช่น จำนวนผู้เทรดที่ใช้งานลดลงเหลือประมาณ 167,000 คนในปี 2025 แต่ระดับการมีส่วนร่วมสูงขึ้น


EBC Financial Group สอดคล้องกับแนวโน้มนี้ โดยเสนอแพลตฟอร์มและเครื่องมือวิเคราะห์ขั้นสูงสำหรับนักลงทุนที่จริงจัง


เริ่มต้น: เช็กลิสต์ทีละขั้นตอน

นี่คือแนวทางปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม


  • ศึกษาให้เข้าใจ: เริ่มจากทำความคุ้นเคยกับกลไกการเทรด มาร์จิ้น เลเวอเรจ และการใช้บัญชีทดลอง (Demo Account)

  • เลือกโบรกเกอร์ของคุณอย่างระมัดระวัง: ตรวจสอบการกำกับดูแล เช่น FCA หรือเทียบเท่า เปรียบเทียบสเปรด อัตราค่าธรรมเนียมข้ามคืน และตรวจสอบการเปิดเผยสถิติขาดทุนของลูกค้า

  • เปิดบัญชีทดลอง: ฝึกการเข้า/ออกออเดอร์ การตั้ง Stop, การกำหนดขนาดตำแหน่ง และการบริหารมาร์จิ้น

  • สร้างแผนการเทรด: กำหนดตราสารที่เลือก ความเสี่ยงต่อการเทรดแต่ละครั้ง (เช่น 1% ของบัญชี) ขาดทุนสูงสุดต่อวัน และเวลาที่จะเทรด

  • เริ่มต้นด้วยขนาดเล็ก: ใช้เลเวอเรจต่ำในช่วงแรก คอยติดตามการเทรด และจดบันทึกผลลัพธ์

  • ทบทวนและปรับปรุง: หลังจากเทรดหลายครั้ง ให้สะท้อนว่ากลยุทธ์ไหนได้ผลหรือไม่ได้ผล แล้วปรับแผนตามนั้น


สรุป


CFD เป็นวิธีที่ยืดหยุ่นในการเข้าถึงตลาดหลากหลาย และสามารถเก็งกำไรตามทิศทางราคาด้วยเงินทุนค่อนข้างน้อย


หากคุณตั้งใจจะเทรด CFD: เริ่มจากบัญชีทดลอง, ทำเหมือนธุรกิจ (แผนการเทรด, ขนาดตำแหน่ง, Stop-loss), เลือกโบรกเกอร์ที่ได้รับการกำกับดูแล, และเริ่มด้วยตำแหน่งขนาดเล็ก


โปรดจำไว้ว่า: การทำกำไรอย่างต่อเนื่องจาก CFD เป็นเรื่องยาก และการปกป้องขาดทุนมักสำคัญกว่าการไล่ตามกำไร


คำถามที่พบบ่อย


Q1: เวลาเทรด CFD เราถือสินทรัพย์จริงหรือไม่?

ไม่ — คุณไม่ได้ถือสินทรัพย์จริง คุณถืออนุพันธ์ที่สะท้อนการเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์นั้น


Q2: สามารถขาดทุนเกินเงินฝากได้หรือไม่ในการเทรด CFD?

มีโอกาสได้ ขณะที่โบรกเกอร์หลายรายในสหราชอาณาจักรให้การป้องกันยอดคงเหลือติดลบ (คุณจะไม่ขาดทุนเกินเงินทุนในบัญชี) แต่ในบางประเทศหรือภายใต้เงื่อนไขบางอย่าง อาจเกิดขาดทุนเกินเงินฝากได้


Q3: สัดส่วนของผู้เทรด CFD ที่ขาดทุนมีเท่าไร?

ผลสำรวจในอุตสาหกรรมระบุว่า ประมาณ 62%–82% ของนักลงทุน CFD รายย่อยขาดทุนในแต่ละปี


Q4: CFD เหมาะกับการลงทุนระยะยาวหรือไม่?

โดยทั่วไปไม่เหมาะ เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายข้ามคืน ผลกระทบจากเลเวอเรจ และธรรมชาติของอนุพันธ์ ทำให้ CFD เหมาะกับการเทรดระยะสั้นหรือใช้ป้องกันความเสี่ยง มากกว่ากลยุทธ์ "ซื้อและถือ"


Q5: ควรเลือกโบรกเกอร์ CFD อย่างไร?

ควรมองหาโบรกเกอร์ที่มีการกำกับดูแลเข้มแข็ง (เช่น FCA, ASIC, CySEC), มีความโปร่งใสด้านราคาและการเปิดเผยข้อมูล, เผยแพร่สถิติการขาดทุนของนักลงทุนรายย่อย, มีกฎมาร์จิ้น/เลเวอเรจชัดเจน, แยกเงินลูกค้าอย่างเหมาะสม และมีการดำเนินการเทรดที่เชื่อถือได้


ข้อสงวนสิทธิ์: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนา (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ได้เป็นคำแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ

บทความแนะนำ
เปิดโลกทอง CFD ฟิวเจอร์ส และ ETF ต่างกันยังไง?
เปิดโลกเทรด CFD สำหรับมือใหม่ เข้าใจได้ทันที!
เจาะลึกการเทรดสินค้าโภคภัณฑ์ มือใหม่ก็รวยได้
วิเคราะห์แนวโน้มตลาด bitcoin cfd ก้าวต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น?
แจก 5 เทคนิคใช้เลเวอเรจเทรด Forex ยังไงไม่ให้พอร์ตแตก