简体中文 繁體中文 English 한국어 日本語 Español Bahasa Indonesia Tiếng Việt Português Монгол العربية हिन्दी Русский ئۇيغۇر تىلى

รวม 4 กองทุน ETF ปันผลสูงโดดเด่นปี 2025 มีอะไรบ้าง

2025-09-23

ETF ปันผลสูง คือกองทุนที่เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการสร้างกระแสเงินสดสม่ำเสมอจากพอร์ตหุ้น เพราะไม่เพียงแค่สะท้อนการเติบโตของราคาหุ้นเหมือน ETF ทั่วไป แต่ยังเน้นการจ่ายปันผลสูงอย่างต่อเนื่องด้วย ทำให้ในบทความนี้ เราจะพาทุกท่านไปเปิดข้อมูลว่า ETF ปันผลสูง แตกต่าง ETF ธรรมดาอย่างไร ต้องระวังอะไรบ้างในการเลือก และ 4 ETF ปันผลสูงน่าสนใจประจำปี 2025 


เคลียร์ชัด ETF ปันผลสูงต่างกับ ETF ทั่วไปอย่างไร?


เมื่อเปรียบเทียบ ETF ปันผลสูง กับ ETF ทั่วไป จะเห็นความแตกต่างชัดเจนทั้งด้านวัตถุประสงค์และโครงสร้างพอร์ต ETF ปันผลสูงมุ่งสร้างกระแสเงินสดจากเงินปันผล โดยลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ที่มั่นคงและมีประวัติจ่ายปันผลต่อเนื่อง เช่น Utilities, Consumer Staples หรือ REITs หุ้นเหล่านี้มักถูกคัดเลือกตาม Dividend Yield สูงและความมั่นคงของผลกำไร ทำให้พอร์ตมีความเสถียรด้านกระแสเงินสด แม้ราคาหุ้นจะผันผวน


ขณะที่ ETF ทั่วไปเน้นสะท้อนดัชนีหรือเติบโตของราคาหุ้น ทำให้การคัดเลือกหุ้นไม่ได้มุ่งเน้นเงินปันผล เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการ Capital Gain ผลตอบแทนส่วนใหญ่เกิดจากการเพิ่มขึ้นของราคา NAV หรือราคาตลาดของหุ้นที่กองทุนถือ ซึ่งต่างจาก ETF ปันผลสูงที่เน้นรายได้ต่อเนื่อง


นอกจากนี้ ETF ปันผลสูงบางกองทุนใช้กลยุทธ์เสริม เช่น ขาย call option เพื่อเพิ่ม Yield หรือคัดเลือกหุ้นเติบโตปันผลสูงแบบ active management ในขณะที่ ETF ทั่วไปส่วนใหญ่เป็น passive management และไม่เน้นสร้างกระแสเงินสดเพิ่มเติม


  • ETF ปันผลสูง = เน้นกระแสเงินสดจากเงินปันผล, ETF ทั่วไป = เน้น Capital Gain

  • ETF ปันผลสูง คัดเลือกหุ้น Dividend Yield สูงและมั่นคง, ETF ทั่วไปคัดเลือกหุ้นตามดัชนีหรือ Sector

  • ETF ปันผลสูง ใช้กลยุทธ์เพิ่ม Yield เช่น ขาย call option, ETF ทั่วไป เป็นแบบ Passive management


ETF ปันผลสูงคืออะไร - EBC


สิ่งที่ต้องระวังใน ETF ปันผลสูง อย่าโฟกัสแต่ Dividend Yield


แม้ ETF ปันผลสูงจะเป็นเครื่องมือที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการสร้างกระแสเงินสดประจำ แต่การลงทุนประเภทนี้ก็มี ความเสี่ยงและข้อควรระวังเฉพาะตัว เช่น ความผันผวนของราคาหุ้นในพอร์ต, ความมั่นคงของบริษัทที่จ่ายปันผล, ค่าใช้จ่ายของกองทุน, รวมถึงการกระจายการลงทุนใน Sector และภูมิภาคต่าง ๆ ตามดังนี้


1. ความผันผวนของราคาหุ้นที่ ETF ลงทุน


แม้ ETF ปันผลสูงมักลงทุนในหุ้นที่มั่นคง แต่ราคาหุ้นยังคงมีความผันผวนสูง โดยเฉพาะในช่วงเศรษฐกิจผันผวน ดอกเบี้ยเปลี่ยนแปลง หรือเหตุการณ์ความเสี่ยงด้านตลาดทุน ซึ่งนักลงทุนต้องเข้าใจว่า Yield สูงไม่ได้หมายความว่าราคาหน่วยลงทุนจะคงที่


ตัวอย่างเช่น หากคุณลงทุนใน ETF ปันผลสูงที่มีน้ำหนักหุ้นพลังงานสูง ในช่วงที่ราคาน้ำมันลดลง 20% ราคาหุ้นที่ ETF ถืออาจลดลงตามไปด้วย ทำให้ NAV ของ ETF ลดลง แม้ยังได้รับเงินปันผลตามปกติ ผลตอบแทนรวม (Total Return) อาจต่ำกว่า Yield เฉลี่ยที่โฆษณาได้


2. ความไม่แน่นอนของเงินปันผล


เงินปันผลของ ETF ขึ้นอยู่กับ ผลกำไรและนโยบายการจ่ายปันผลของบริษัทที่ ETF ถือ หากบริษัทลดหรืองดจ่ายปันผล Yield จริงอาจต่ำกว่า Yield เฉลี่ยที่ประกาศ นอกจากนี้บาง ETF บที่ใช้ กลยุทธ์เพิ่ม Yield เช่นขาย call option ก็ยังเสี่ยงต่อการลดปันผลในช่วงที่ตลาดผันผวนหรือหุ้นตกต่ำ การประเมินความเสถียรของเงินปันผลและประวัติการจ่ายเงินปันผลหลายปีจึงเป็นเรื่องสำคัญ


3. ค่าใช้จ่ายของกองทุน (Expense ratio)


แม้จะเป็น ETF แต่บางกองทุนปันผลสูงมี Expense ratio สูงกว่า ETF ทั่วไป ค่าใช้จ่ายเหล่านี้จะลดทอนผลตอบแทนสุทธิจากเงินปันผล ทำให้ Yield ที่นักลงทุนได้รับจริงต่ำกว่า Yield เฉลี่ย โดยเฉพาะถ้าถือในระยะยาวหลายปี ผลตอบแทนสะสมอาจแตกต่างกันหลายเปอร์เซนต์


นักลงทุนควรพิจารณาค่าใช้จ่ายรวมของ ETF รวมถึง Trading Cost และ Tax Impact ซึ่งมีผลต่อผลตอบแทนรวม การเลือก ETF ที่มี Expense ratio ต่ำแต่ Yield สูงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการลงทุนระยะยาว


4. การกระจุกตัวของ Sector


ETF ปันผลสูงมักลงทุนใน Sector ที่จ่ายปันผลสูง เช่น Utilities, REITs หรือ Energy Sector ซึ่งทำให้ Exposure กระจุกตัว หาก Sector เหล่านี้ประสบปัญหา Yield ของ ETF จะได้รับผลกระทบมาก ยกตัวอย่างเช่น หาก ETF ปันผลสูงมีน้ำหนัก REITs 40% และเกิดเหตุการณ์อสังหาริมทรัพย์ชะลอตัวจนลดปันผล 30% Yield รวมของ ETF อาจลดจาก 5% เหลือ 3.5% ส่งผลต่อรายได้ของนักลงทุนอย่างมีนัยสำคัญ


5. ภูมิภาคและความเสี่ยงเศรษฐกิจ


บาง ETF ปันผลสูงลงทุนในหุ้นต่างประเทศหรือ Emerging Markets ซึ่งอาจมี ความเสี่ยงค่าเงินและความผันผวนเศรษฐกิจ Yield สูงแต่ผลตอบแทนอาจไม่แน่นอนตามสภาพเศรษฐกิจและอัตราแลกเปลี่ยน เช่น ETF ที่เน้นหุ้นยุโรปจ่าย Yield เฉลี่ย 4.5% แต่หากค่าเงินยูโรอ่อนค่าลง 10% ผลตอบแทนจากเงินปันผลของนักลงทุนต่างชาติจะลดเหลือราว 3.05% นักลงทุนจึงควรพิจารณา ความเสี่ยงด้านสกุลเงิน และการป้องกันความเสี่ยง (Hedging) หากลงทุนใน ETF ต่างประเทศ


สิ่งที่ต้องระวังใน ETF ปันผลสูง - EBC


รวม 4 ETF ปันผลสูงน่าสนใจประจำปี 2025 


การลงทุนใน ETF ปันผลสูงไม่ใช่เพียงแค่เลือก Yield สูงที่สุด แต่ต้องพิจารณา กลยุทธ์การลงทุน, ขนาดกองทุน, ค่าใช้จ่าย และสภาพคล่อง เพื่อให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของนักลงทุน ซึ่งในปี 2025 มี ETF ปันผลสูงหลายตัวที่โดดเด่นและเหมาะกับการสร้างกระแสเงินสดต่อเนื่อง แต่ละกองทุนมีคุณสมบัติแตกต่างกัน ซึ่งนักลงทุนควรเข้าใจรายละเอียดเชิงลึกก่อนตัดสินใจ


QQQI (NASDAQ-100 Index Income ETF)


QQQI เป็น ETF ปันผลสูงที่เน้น หุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ใน NASDAQ-100 แต่ปรับพอร์ตเพื่อเน้นสร้างกระแสเงินสดจากเงินปันผล ซึ่งเหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนจากเงินปันผลควบคู่กับการเติบโตของราคาหุ้น ETF ตัวนี้ใช้วิธีคัดเลือกหุ้นที่มี Dividend Yield สม่ำเสมอและมีแนวโน้มเติบโต ทำให้พอร์ตมีความสมดุลระหว่างความเสี่ยงของหุ้นเทคโนโลยีและกระแสเงินสด


ความโดดเด่นของ QQQI คือความสามารถในการ รวมคุณสมบัติหุ้นเติบโตสูงและการจ่ายปันผลสูงเข้าด้วยกัน ซึ่งช่วยให้นักลงทุนได้รับทั้ง Capital Gain และกระแสเงินสด นอกจากนี้ ETF นี้ยังมีสภาพคล่องสูงและการกระจาย Sector ค่อนข้างดี ทำให้ความเสี่ยงจากหุ้นรายตัวลดลง


  • เปิดตัว: 2024

  • Expense ratio: 0.15%

  • AUM: 4.25 พันล้านดอลลาร์

  • Dividend Yield เฉลี่ย: 13.70%


JEPQ (JPMorgan Equity Premium Income ETF)


JEPQ เป็น ETF ปันผลสูงที่ใช้ กลยุทธ์ขาย call option บนหุ้นคุณภาพสูงในสหรัฐฯ เพื่อสร้างกระแสเงินสดเพิ่มเติม ซึ่งทำให้ Yield สูงกว่ากองทุนทั่วไป การลงทุนของ JEPQ เน้นหุ้นขนาดใหญ่ที่มั่นคง พร้อมกับ Premium Income จาก Option Strategy ที่ช่วยลดความเสี่ยงในช่วงตลาดผันผวน


แม้กลยุทธ์จะซับซ้อน แต่เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการ รายได้ต่อเนื่องสูงกว่าปกติ และพร้อมรับความเสี่ยงจาก Option Strategy บางส่วน กองทุนมีการกระจายลงทุนหลาย Sector และจัดพอร์ตแบบ active management ทำให้สามารถปรับตัวตามสภาพตลาดได้


  • เปิดตัว: 2022

  • Expense ratio: 0.35%

  • AUM: 29.53 พันล้านดอลลาร์

  • Dividend Yield เฉลี่ย: 10.78%


JEPI (JPMorgan Equity Premium Income ETF)


JEPI ใช้กลยุทธ์คล้ายกับ JEPQ แต่มี ขนาด AUM ใหญ่กว่าและการกระจายการลงทุนกว้างกว่า ทำให้นักลงทุนที่เน้นความมั่นคงของพอร์ตและ Yield สูงสามารถเข้าถึง ETF ที่มีความเสี่ยงจัดการได้ดี โดย JEPI เน้นหุ้นคุณภาพสูงที่จ่ายปันผลสม่ำเสมอ และสร้าง Premium Income จากการขาย call option ซึ่งเพิ่มผลตอบแทนจากเงินปันผล


ความโดดเด่นของ JEPI คือการ ผสมผสานระหว่างการเติบโตของหุ้นและกระแสเงินสดสูง เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนรวมทั้ง Capital Gain และ Dividend Yield สูง กองทุนมีความโปร่งใสสูงและสภาพคล่องดี ทำให้นักลงทุนสามารถซื้อขายได้ง่าย


  • เปิดตัว: 2020

  • Expense ratio: 0.35%

  • AUM: 41.2 พันล้านดอลลาร์

  • Dividend Yield เฉลี่ย: 8.35%


SCHD (Schwab U.S. Dividend Equity ETF)


SCHD เป็น ETF ปันผลสูงที่เน้น หุ้นสหรัฐฯ ขนาดใหญ่ที่มีประวัติการจ่ายปันผลต่อเนื่อง แตกต่างจาก JEPQ และ JEPI ที่ใช้กลยุทธ์ Option SCHD เป็นกองทุน passive management ที่เน้นสร้าง กระแสเงินสดมั่นคงและต้นทุนต่ำ ทำให้เหมาะกับนักลงทุนระยะยาวที่ต้องการผลตอบแทนแบบสม่ำเสมอ


ETF ตัวนี้มี Expense ratio ต่ำเพียง 0.06% และสภาพคล่องสูง การกระจาย Sector กว้าง ทำให้ความเสี่ยงจากการกระจุกตัวลดลง นอกจากนี้ Yield เฉลี่ย 3.6% ถือว่าพอเหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการกระแสเงินสดต่อเนื่องโดยไม่ต้องพึ่งกลยุทธ์ซับซ้อน


  • เปิดตัว: 2011

  • Expense ratio: 0.06%

  • AUM: 71.6 พันล้านดอลลาร์

  • Dividend Yield เฉลี่ย: 3.7%


ETF ปันผลสูงน่าสนใจ - EBC


คำถามที่พบบ่อย (FAQ)


Q: ETF ปันผลสูงมีความเสี่ยงอย่างไร?

A: นอกจากความผันผวนของราคาหุ้น ยังมีความเสี่ยงจากการลดหรืองดจ่ายปันผล และความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจที่กระทบหุ้นที่ลงทุน


Q: ETF ปันผลสูงเหมาะกับใคร?

A: เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการสร้างกระแสเงินสดจากเงินปันผลอย่างต่อเนื่อง และต้องการกระจายความเสี่ยงโดยลงทุนผ่าน ETF


Q: Expense ratio สูงจะส่งผลต่อผลตอบแทนอย่างไร?

A: ค่าใช้จ่ายสูงจะลดทอนผลตอบแทนสุทธิจากเงินปันผล นักลงทุนควรเปรียบเทียบ Expense ratio กับ Yield เฉลี่ยของกองทุนเพื่อประเมินผลตอบแทนจริง


สรุป


ETF ปันผลสูง เป็นเครื่องมือที่เน้นสร้างกระแสเงินสดสม่ำเสมอจากเงินปันผล หุ้นที่กองทุนถือมักเป็นหุ้นขนาดใหญ่มั่นคง เช่น Utilities, Consumer Staples และ REITs ซึ่งช่วยให้พอร์ตมีความเสถียรด้านรายได้ แม้ราคาหุ้นอาจผันผวน Yield เฉลี่ยของ ETF ปันผลสูงในปี 2025 อยู่ระหว่าง 3–7% ขึ้นอยู่กับกลยุทธ์และ Sector ที่ลงทุน


ในทางกลับกัน ETF ทั่วไป มุ่งสะท้อนดัชนีหรือการเติบโตของราคาหุ้น เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการ Capital Gain ผลตอบแทนส่วนใหญ่เกิดจากการเพิ่มขึ้นของราคา NAV หรือราคาตลาดของหุ้นในพอร์ต ETF ปันผลสูงบางกองทุนยังใช้กลยุทธ์เสริม เช่น ขาย call option หรือคัดเลือกหุ้นเติบโตปันผลสูงแบบ active management เพื่อเพิ่ม Yield ในขณะที่ ETF ทั่วไปส่วนใหญ่เป็น passive management และไม่เน้นสร้างกระแสเงินสดเพิ่มเติม


สุดท้าย นักลงทุนควรพิจารณาความเสี่ยงเฉพาะของ ETF ปันผลสูง เช่น ความผันผวนของหุ้น, ความมั่นคงของเงินปันผล, ค่าใช้จ่ายของกองทุน, การกระจาย Sector และภูมิภาค การวิเคราะห์ปัจจัยเหล่านี้ช่วยให้เห็นภาพรวมของผลตอบแทนและความเสี่ยงได้ชัดเจน สำหรับปี 2025 ETF ปันผลสูงเด่น ๆ เช่น QQQI, JEPQ, JEPI และ SCHD แสดงถึงความหลากหลายทั้งด้านกลยุทธ์, Yield และขนาดกองทุน


คำเตือน: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นคำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็นคำแนะนำ) ความคิดเห็นใด ๆ ในเอกสารนี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำของ EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใด ๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ

บทความแนะนำ
กองทุน HDV ETF: สินทรัพย์ที่นักลงทุนต้องรู้จัก
ทำไม VYM ETF จึงเป็นตัวเลือกยอดนิยมของนักลงทุนเน้นปันผล?
เกษียณสบาย รับรายเดือนง่าย ๆ ด้วย SCHD ETF
SDY ETF แหล่งรายได้ปันผลที่เชื่อถือได้และมั่นคง
เปิดเหตุผลที่ SCHB ETF คือหุ้นรวมตลาดน่าลงทุนปี 2025