简体中文 繁體中文 English 한국어 日本語 Español Bahasa Indonesia Tiếng Việt Português Монгол العربية हिन्दी Русский ئۇيغۇر تىلى

10 ตลาดหุ้นชั้นนำทั่วโลกที่นักลงทุนไม่ควรพลาด

2025-08-14

ตลาดหุ้นชั้นนำ 10 แห่งทั่วโลกที่นักลงทุนทุกคนควรติดตามในปี 2025 ได้แก่ ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (NYSE), แนสแด็ก (Nasdaq), ตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ (SSE), กลุ่มตลาดหุ้นญี่ปุ่น (JPX / โตเกียว), ยูโรเน็กซ์ (Euronext), ตลาดหุ้นลอนดอน (LSE), ตลาดหุ้นฮ่องกง (HKEX), ตลาดหุ้นแห่งชาติอินเดีย (NSE), ตลาดหุ้นเซินเจิ้น (SZSE) และกลุ่ม TMX (โตรอนโต)


การติดตามตลาดเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องข้อมูลทั่วไป แต่ช่วยให้นักลงทุนสามารถมองเห็นวัฏจักรสภาพคล่อง, โครงการ IPO, ภาวะความเป็นผู้นำของแต่ละภาคธุรกิจ และการไหลของเงินทุนข้ามพรมแดน ซึ่งล้วนส่งผลต่อผลตอบแทนการลงทุน


ในบทความนี้ คุณจะได้พบกับ 10 ตลาดหุ้นที่สำคัญที่สุดของโลกในปี 2025 พร้อมข้อมูลมูลค่าตลาดล่าสุด และสิ่งที่แต่ละตลาดหุ้นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ควรติดตามสำหรับพอร์ตการลงทุนของคุณ


10 ตลาดหุ้นชั้นนำของโลกตามมูลค่าตลาด (2025)

อันดับ ตลาดหุ้น ประเทศ/ภูมิภาค มูลค่าตลาด (ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ)
1 ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (NYSE) สหรัฐฯ 31.7
2 แนสแด็ก (Nasdaq) สหรัฐฯ 30.6
3 ตลาดหุ้นทรัพย์เซี่ยงไฮ้ (SSE) จีน 7.31
4 กลุ่มตลาดหุ้นญี่ปุ่น (โตเกียว) ญี่ปุ่น 6.9
5 ยูโรเน็กซ์ (Euronext) ทั่วยุโรป 6.0
6 ตลาดหุ้นลอนดอน (LSE) อังกฤษ 5.9
7 ตลาดหุ้นฮ่องกง (HKEX) ฮ่องกง 5.2
8 ตลาดหุ้นแห่งชาติอินเดีย (NSE) อินเดีย 5.16
9 ตลาดหุ้นเซินเจิ้น (SZSE) จีน 4.65
10 กลุ่ม TMX (Toronto SE) แคนาดา 3.82

1) ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (NYSE)

NYSE ยังคงเป็นรากฐานสำคัญของตลาดหุ้นทั่วโลก โดยเป็นที่ตั้งของบริษัทขนาดใหญ่ที่มีสภาพคล่องสูงจำนวนมากจากหลากหลายภาคส่วน


ตัวอย่างเช่น ตลาดติดตามบริษัทพลังงานขนาดใหญ่ ธนาคาร สินค้าอุปโภคบริโภค อุตสาหกรรม และมีจำนวนบริษัทเทคโนโลยีและสุขภาพเพิ่มขึ้นทั้งในรูปแบบการจดทะเบียนหลักและหุ้นขนาดใหญ่ที่มีตลาดรอง


ภาพรวมปี 2025 :

มูลค่าตลาดในประเทศของ NYSE อยู่ที่ประมาณ 31.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ รักษาตำแหน่งอันดับหนึ่งในโลกอย่างต่อเนื่อง


ความลึกของสภาพคล่อง การมีส่วนร่วมของสถาบันการเงิน และผลกระทบจากการรวมอยู่ในดัชนี (S&P 500/Dow) ทำให้ NYSE เป็นตัวชี้วัดความเสี่ยงของตลาดโลกประจำวัน


ติดตามเพื่อ : สัญญาณมหภาคระดับโลก หุ้นปันผล การหมุนเวียนระหว่างหุ้นมูลค่าและหุ้นเติบโต และอารมณ์ตลาดที่สะท้อนมายังสินทรัพย์อื่น ๆ


2) แนสแด็ก (Nasdaq)

Nasdaq คือหัวใจสำคัญของตลาดเทคโนโลยีโลก ครอบคลุมทั้งบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านแพลตฟอร์ม เซมิคอนดักเตอร์ คลาวด์ ความปลอดภัยทางไซเบอร์ ไบโอเทค และบริษัทรุ่นใหม่ที่เน้น AI การเคลื่อนไหวของราคาในตลาดนี้มักนำหน้าวัฏจักรเทคโนโลยีโลก


ภาพรวมปี 2025 :

มูลค่าตลาดในประเทศของ Nasdaq อยู่ที่ประมาณ 30.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ใกล้เคียงกับ NYSE สูงสุดในประวัติศาสตร์ โดยได้รับแรงหนุนจากการเติบโตของ AI และความต้องการเทคโนโลยีผู้บริโภคสหรัฐที่ยังแข็งแกร่ง


ติดตามเพื่อ : วงจร AI และเซมิคอนดักเตอร์, ความสามารถรับความเสี่ยงของหุ้นเติบโต, โอกาส IPO ของนักนวัตกรรมความเสี่ยงสูง และแนวโน้มผู้นำตลาดที่มักส่งผลต่อเอเชียและยุโรป


3) ตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ (SSE)

SSE เป็นกระดานหลักของจีนสำหรับบริษัทรัฐและหุ้น A-shares ขนาดใหญ่ ครอบคลุมภาคการเงิน พลังงาน อุตสาหกรรม และวัตถุดิบ ตลาดนี้สำคัญต่อการเข้าใจนโยบายจีน วัฏจักรเครดิต และแนวโน้มการผลิต


ภาพรวมปี 2025 :

มูลค่าตลาดในประเทศของ SSE ประมาณ 7.31 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ การเคลื่อนไหวในตลาดนี้สะท้อนถึงการเปลี่ยนนโยบาย เช่น การควบรวมกิจการ การลดหนี้ การพัฒนาสาธารณูปโภค และแนวโน้มการส่งออกที่สัมพันธ์กับเศรษฐกิจโลก


ติดตามเพื่อ : สัญญาณนโยบายเศรษฐกิจมหภาคของจีน แนวโน้มความต้องการสินค้าโภคภัณฑ์ และความเสี่ยงจากการปรับมูลค่าหุ้นในตลาดเกิดใหม่


4) กลุ่มตลาดหุ้นญี่ปุ่น (JPX / โตเกียว)

ตลาดญี่ปุ่นอยู่ในช่วงฟื้นฟูโครงสร้าง เช่น การปฏิรูประบบบริหาร การซื้อหุ้นคืนและการปรับปรุง ROE ซึ่งดึงดูดความสนใจนักลงทุนต่างชาติ ในขณะที่ค่าเงินเยนและแนวโน้มการย้ายฐานการผลิตส่งผลต่อผู้ส่งออกและอุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์


ภาพรวมปี 2025 :

มูลค่าตลาดในประเทศของ JPX ประมาณ 6.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ได้รับแรงหนุนจากการปรับโครงสร้างบริษัทและการฟื้นฟูวินัยทางการเงิน เรื่องราวหุ้นผสานกับแนวโน้มค่าเงิน ทำให้ JPX เป็นจุดสำคัญสำหรับการป้องกันความเสี่ยงและการหมุนพอร์ตของนักลงทุนทั่วโลก


ติดตามเพื่อ : ความคืบหน้าการปฏิรูประบบบริหาร ผลประกอบการผู้ส่งออกที่สัมพันธ์กับค่าเงิน และแนวโน้มอุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์


5) ยูโรเน็กซ์ (Euronext)

Euronext เชื่อมศูนย์กลางหลักในยุโรป เช่น อัมสเตอร์ดัม ปารีส บรัสเซลส์ ดับลิน ลิสบอน มิลาน ให้เป็นตลาดรวมเดียว ครอบคลุมสินค้าหรู อุตสาหกรรมการเงิน พลังงาน และโครงการเปลี่ยนผ่านสีเขียว


ภาพรวมปี 2025 :

มูลค่าตลาดของ Euronext ประมาณ 6.0 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ การเปลี่ยนแปลงนโยบาย ECB กลยุทธ์อุตสาหกรรมยุโรป และแนวโน้มความต้องการสินค้าหรู มักสะท้อนผ่านบริษัทหลักใน Euronext


ติดตามเพื่อ : วงจรสินค้าฟุ่มเฟือย vs ผู้บริโภค ความคาดหมายอัตราดอกเบี้ยยุโรป การลงทุนสีเขียว และการจดทะเบียนข้ามประเทศในกลุ่มยุโรป


6) ตลาดหุ้นลอนดอน (LSE)

แม้กิจกรรม IPO จะชะลอตัวในช่วงหลายปีที่ผ่านมา LSE ยังคงเป็นศูนย์กลางระดมทุนสำคัญของโลก โดยเฉพาะในสินค้าพื้นฐาน การเงิน เภสัชกรรม และแบรนด์ผู้บริโภค เวลาทำการของลอนดอนเชื่อมเอเชียและสหรัฐฯ ทำให้ LSE เป็นจุดสำคัญในการโอนสภาพคล่อง


ภาพรวมปี 2025 :

มูลค่าตลาดในประเทศประมาณ 5.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีโครงการฟื้นฟูกิจกรรม IPO และเพิ่มสภาพคล่องอย่างต่อเนื่อง


LSE ยังคงสำคัญต่อ ETF ตลาดตราสารหนี้ และการจดทะเบียนรองที่เปิดโอกาสนักลงทุนต่างชาติ


ติดตามเพื่อ : นโยบายมหภาค/ธนาคารกลางแห่งสหราชอาณาจักร ราคาพลังงาน/สินค้าโภคภัณฑ์ในยุโรป และการจดทะเบียนข้ามประเทศที่อาจเปลี่ยนน้ำหนักดัชนีและเงินทุน


7) ตลาดหุ้นฮ่องกง (HKEX)

HKEX เป็นสะพานเชื่อมระหว่างตลาดทุนโลกกับตลาดจีนในประเทศ การไหลของหุ้น Southbound/Northbound Stock Connect, ADR homecomings,และ IPO ภูมิภาค ทำให้ HKEX เป็นตลาดสำคัญสำหรับการลงทุนในเอเชีย (ไม่รวมญี่ปุ่น)


ภาพรวมปี 2025 :

มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดภายในประเทศของ HKEX อยู่ที่ประมาณ 5.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ แนวโน้มตลาดผันผวนตามสัญญาณการเติบโตของจีน แนวทางนโยบาย และการเข้าจดทะเบียนของบริษัทในจีนแผ่นดินใหญ่ที่มองหาฐานนักลงทุนต่างชาติ


ติดตามเพื่อ : ขั้นตอนการเปิดให้บริการตลาดทุนจีน การจดทะเบียนหุ้นเทคโนโลยี/ผู้บริโภคจากผู้นำในแผ่นดินใหญ่ และการเปลี่ยนแปลงในการจัดสรรหุ้นตลาดเกิดใหม่ทั่วโลก


8) ตลาดหุ้นแห่งชาติอินเดีย (NSE)

อินเดียเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการเติบโตด้านหุ้นเร็วที่สุด ขับเคลื่อนด้วยกระแสเงินออมภายในประเทศ การขยายการผลิต การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล และนโยบายที่มั่นคง NSE เป็นผู้นำในด้านปริมาณการซื้อขายและตราสารอนุพันธ์ ครอบคลุมหุ้นขนาดใหญ่และขนาดกลางที่หลากหลาย


ภาพรวมปี 2025 :

มูลค่าตลาดภายในประเทศของ NSE อยู่ที่ประมาณ 5.16 ล้านล้านดอลลาร์ดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้สถานะของอินเดียแข็งแกร่งขึ้นในบรรดาบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านหุ้นระดับโลก และบ่งชี้ถึงรายได้ขององค์กรที่แข็งแกร่งในภาคการเงิน บริการไอที ผู้บริโภค และอุตสาหกรรม


ติดตามเพื่อ : กลยุทธ์การเติบโตผ่านการลงทุนของอินเดีย การปฏิรูป ผลกระทบจากการรวมดัชนี และการขยาย IPO ที่แตะสภาพคล่องของนักลงทุนปลีก/สถาบันของประเทศ


9) ตลาดหุ้นเซินเจิ้น (SZSE)

SZSE ทำหน้าที่เป็นผู้ขับเคลื่อนนวัตกรรมของจีน โดยมุ่งเน้นด้านเทคโนโลยี การผลิตขั้นสูง การดูแลสุขภาพ และห่วงโซ่อุปทานพลังงานใหม่ SZSE เสริมความแข็งแกร่งให้กับเซี่ยงไฮ้ด้วยการเข้าครอบครองตลาด A-share ซึ่งเป็นตลาดที่มีการเติบโตสูงและมีผู้ประกอบการเป็นผู้ประกอบการ


ภาพรวมปี 2025 :

มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดภายในประเทศของ SZSE อยู่ที่ประมาณ 4.65 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ติดตาม SZSE สำหรับความเชื่อมั่นของหุ้นขนาดเล็กและขนาดกลางในจีน รวมถึงข้อบ่งชี้ทางนโยบายที่มุ่งเน้นไปที่การสนับสนุนอุตสาหกรรมเชิงกลยุทธ์ (ยานยนต์ไฟฟ้า แบตเตอรี่ และระบบอัตโนมัติ)


ติดตามเพื่อ : ความกว้างของผลประกอบการหุ้นเติบโต สภาพคล่องภายในประเทศ และการถ่ายทอดนโยบายอุตสาหกรรมสู่บริษัทเอกชน


10) กลุ่ม TMX (Toronto)

ดัชนี TMX ของแคนาดาทำหน้าที่เป็นมาตรฐานระดับโลกสำหรับทรัพยากรด้านพลังงาน เหมืองแร่ และวัสดุศาสตร์ นอกจากนี้ยังมีธนาคาร โทรคมนาคม และภาคเทคโนโลยีที่กำลังขยายตัว ดัชนีนี้นำเสนอการกระจายพอร์ตการลงทุนที่เชื่อมโยงกับวัฏจักรสินค้าโภคภัณฑ์และพลวัตทางการค้าของอเมริกาเหนือ


ภาพรวมปี 2025

TMX Group มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดภายในประเทศประมาณ 3.82 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้ติดท็อป 10 ของโลก นำหน้าบริษัทขนาดใหญ่หลายแห่งในตลาดเกิดใหม่ เนื่องจากพลังงานและโลหะเป็นหัวใจสำคัญของการเปลี่ยนผ่านสู่ตลาดสีเขียว การจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของ TMX จึงมีข้อได้เปรียบที่ชัดเจนสำหรับธุรกิจในระยะยาว


ติดตามเพื่อ : วงจรการลงทุนน้ำมันและก๊าซ แนวโน้มโลหะมีค่า/โลหะพื้นฐาน และอัตรา/อัตราแลกเปลี่ยนของอเมริกาเหนือ


วิธีที่นักลงทุนติดตามตลาดหุ้น

ตลาดหุ้นชั้นนำ 10 อันดับแรกของโลก

อันดับแรก นักลงทุนจะสร้างกรอบติดตาม (follow framework) โดยเน้นช่วงเวลาการซื้อขาย เนื่องจากอิทธิพลของตลาดเปลี่ยนจากเอเชียไปยุโรปแล้วไปอเมริกาเหนือ


ราคาหุ้นใน HKEX, SSE/SZSE, JPX จะกำหนดโทนของตลาดช่วงค่ำคืนขณะที่ Euronext และ LSE ช่วยปรับความเสี่ยงในช่วงเปิดตลาดยุโรป จากนั้นไม้ต่อจะถูกส่งไปยัง NYSE/Nasdaq ซึ่งปริมาณการซื้อขายสูงสุด การติดตามจังหวะเหล่านี้ช่วยให้คุณวางข่าวสารและผลประกอบการในบริบทที่เหมาะสม


เชื่อมแต่ละตลาดกับธีมเศรษฐกิจมหภาค


  • NYSE/Nasdaq = การเติบโตทั่วโลกและความเสี่ยงด้านเทคโนโลยี

  • SSE/SZSE/HKEX = วงจรนโยบายจีน การผลิต และความต้องการของผู้บริโภคในเอเชีย

  • JPX = การปฏิรูปรวมบริษัทและผู้ส่งออกที่ไวต่อค่าเงิน

  • Euronext/LSE = แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยยุโรป วงจรสินค้าฟุ่มเฟือย/อุตสาหกรรม และสินค้าโภคภัณฑ์

  • TMX = พลังงาน/โลหะเบต้า หุ้นป้องกันความเสี่ยงในอเมริกาเหนือ

  • NSE = การเติบโตเชิงโครงสร้างของอินเดีย กระแสเงินภายในประเทศ และวงจรที่ขับเคลื่อนโดยการลงทุน


นอกจากนี้ ควรใช้มูลค่าตลาดรวม (market-cap leadership) เป็นสัญญาณความกว้างของตลาด เมื่อมูลค่าตลาดรวมของ NYSE/Nasdaq เพิ่มขึ้นเทียบกับตลาดอื่นความเสี่ยงทั่วโลกมักเน้นไปที่เทคโนโลยีและการเติบโตสหรัฐ


เมื่อ Euronext/LSE นำหน้า หุ้นป้องกันความเสี่ยงและหุ้นมูลค่าอาจเป็นที่นิยม การเพิ่มขึ้นของ JPX หรือ NSE อาจบ่งบอกการเปลี่ยนแปลงความเป็นผู้นำภูมิภาค การปรับพอร์ต และการไหลของ ETF เข้าในตลาดเหล่านี้


สรุป


โดยสรุป หากคุณมีเวลาติดตามตลาดเพียงไม่กี่แห่ง ให้เลือกเป็นตลาด 10 แห่งที่ระบุไว้ข้างต้น


เพราะตลาดเหล่านี้กำหนดราคาความเสี่ยงในแต่ละโซนเวลา เป็นศูนย์กลางของ IPO และ M&A โลก และให้อ่านแนวโน้มเศรษฐกิจมหภาคได้ชัดเจนที่สุด ตั้งแต่ AI และเซมิคอนดักเตอร์ (Nasdaq), สินค้าฟุ่มเฟือยและอุตสาหกรรม (Euronext), ทรัพยากร (TMX), การปรับมูลค่าตามการปฏิรูป (JPX,NSE), ไปจนถึงตลาดจีนที่ไวต่อการนโยบาย (SSE/SZSE/HKEX)


ข้อสงวนสิทธิ์: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนา (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ได้เป็นคำแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ

บทความแนะนำ
7 หุ้นบลูชิพจ่ายปันผลสูง นักลงทุนไม่ควรพลาด
หุ้นสหรัฐ เปิดกี่โมง? คำถามที่นักลงทุนต้องรู้
เจาะลึกหุ้น 7 นางฟ้า คืออะไร พร้อมวิเคราะห์ชัดทุกมิติ
รู้จัก NYSE คืออะไร อาณาจักรตลาดหุ้นที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก
การวิเคราะห์หุ้นและข้อมูลเชิงลึกด้านการลงทุนของ Meta