หุ้น Meta พุ่งแรง 11.4% หลังรายงานงบ Q2 สุดปัง

เมื่อบริษัท Meta Platforms (NASDAQ: META) รายงานผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2025 เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคมที่ผ่านมา ก็สร้างแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ในวอลล์สตรีท หุ้น META กระโดดขึ้นเกือบ 11–12% ในช่วงการซื้อขายหลังปิดตลาด เนื่องจากผลประกอบการทั้งด้านรายได้และกำไรสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ พร้อมกับแนวโน้มในอนาคตที่เป็นบวก

บทความนี้จะวิเคราะห์ปัจจัยเบื้องหลังการพุ่งขึ้นของราคาหุ้น ทิศทางใหม่ของบริษัทที่มุ่งสู่ AI ตัวเลขทางการเงินความเสี่ยงจากการแข่งขัน และคำถามสำคัญว่า หุ้น META ยังน่าซื้ออยู่หรือไม่หลังจากราคาพุ่งแรง?

ผลประกอบการไตรมาส 2 ของ Meta : ตัวเลขที่เหนือความคาดหมาย

Meta ทำรายได้ 47.52 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 22% จากปีก่อน สูงกว่าคาดการณ์เดิมที่ 44.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่กำไรต่อหุ้น (EPS) อยู่ที่ 7.14 ดอลลาร์สหรัฐ สูงกว่าที่คาดไว้ (5.88–5.89 ดอลลาร์สหรัฐ) อย่างมีนัยสำคัญ

ไฮไลท์การดำเนินงาน:

• กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 18.34 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จาก 13.47 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปีที่ผ่านมา (เพิ่มขึ้น 36%)

• อัตรากำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นจาก 38% เป็น 43%

• ผู้ใช้งานรายวันของกลุ่มแอป (Facebook, Instagram, WhatsApp, Threads) อยู่ที่ 3.48 พันล้านคนเพิ่มขึ้น 6% โดยเฉลี่ยในเดือนมิถุนายน

• จำนวนการแสดงโฆษณาเพิ่มขึ้น 11% และราคาต่อโฆษณาเพิ่มขึ้น 9% ดันรายได้โฆษณาหลักขึ้น 21% เป็น 46.56 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

รายได้จากการดำเนินงานอยู่ที่ 20.44 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากรายได้รวม 47.52 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สะท้อนให้เห็นถึงประสิทธิภาพการดำเนินงาน แม้ต้นทุนรวมจะเพิ่มขึ้น 12% เป็น 27.07 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ กระแสเงินสดอิสระ (Free Cash Flow) อยู่ที่ 8.55 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่กระแสเงินสดจากการดำเนินงานรวมอยู่ที่ 25.56 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ Meta ยังคืนเงินให้ผู้ถือหุ้นผ่านการซื้อหุ้นคืนมูลค่า 9.76 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และจ่ายเงินปันผล 1.33 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ราคาหุ้น META พุ่งขึ้น 11–12% ทำสถิติใหม่

ราคาหุ้น META พุ่งขึ้น 11–12% ในช่วงหลังปิดตลาดแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ราว 777–780 ดอลลาร์สหรัฐ ก่อนจะปรับตัวลงมาอยู่ที่ประมาณ 695  ดอลลาร์สหรัฐ ณ การปิดตลาดวันถัดไป

ตลาดตอบสนองเชิงบวกต่อผลประกอบการที่ดีกว่าคาด พร้อมกับการคาดการณ์รายได้ไตรมาส 3 ที่อัปเกรดเป็น 47.5–50.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 46.2–46.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ปัจจัยที่เป็นแรงผลักดันให้ราคาหุ้น Meta พุ่งสูงขึ้น?

Mark Zuckerberg ซีอีโอของ Meta ได้เน้นเป้าหมายในการพัฒนา "ปัญญาประดิษฐ์ส่วนบุคคลระดับซูเปอร์" โดยมีการเสริมทัพผู้เชี่ยวชาญด้าน AI เช่น Alexandr Wang (อดีตซีอีโอของ Scale AI), Shengjia Zhao (อดีตนักวิจัยจาก OpenAI) และ Nat Friedman (อดีตซีอีโอ GitHub)

ขณะเดียวกัน ประสิทธิภาพของโฆษณาก็เพิ่มขึ้นจากเครื่องมือ AI ที่ช่วยกำหนดกลุ่มเป้าหมายอย่างแม่นยำ ช่วยเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุนของผู้ลงโฆษณา ส่งผลให้ Meta มีอำนาจในการตั้งราคามากขึ้น

นอกจากนี้ ยังมีผู้ลงโฆษณาเกือบ 2 ล้านรายที่ใช้เครื่องมือ AI ของ Meta เพื่อสร้างวิดีโอและภาพ ช่วยเพิ่มปริมาณและประสิทธิภาพของโฆษณา อีกทั้ง Reality Labs ซึ่งจำหน่ายแว่นตาอัจฉริยะ Ray-Ban ที่เสริมด้วย AI ยังมีรายได้เพิ่มขึ้นเกือบ 5% ในไตรมาสนี้

สุดท้าย Meta คาดว่าจะใช้จ่ายด้านการลงทุน (CapEx) 66–72 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2025 และอาจสูงถึง 105 พันล้านดอลลาร์ในปี 2026 เพื่อรองรับโครงสร้างพื้นฐานของปัญญาประดิษฐ์ระดับโลกในอนาคต

การประเมินมูลค่าหุ้น Meta และความแข็งแกร่งทางการเงิน

การพุ่งขึ้นของราคาหุ้นหลังตลาดปิดส่งผลให้มูลค่าตลาดของ Meta เข้าใกล้ระดับ 1.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นจุดสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์ และทำให้ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีเพิ่มขึ้นเกือบ 19%

Meta มีกำไรต่อหุ้น (EPS) อยู่ที่ 7.14 ดอลลาร์สหรัฐ และมีอัตราส่วนราคาต่อกำไร (P/E) ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 22 เท่า ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีอยู่ราว 20% แม้บางฝ่ายมองว่าหุ้นอาจมีราคาที่สูงเกินจริง แต่ก็มีนักวิเคราะห์จำนวนมากเห็นว่าระดับราคานี้สมเหตุสมผล เนื่องจาก Meta มีความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดอิสระ (Free Cash Flow) ได้แข็งแกร่ง และมีแนวโน้มการสร้างรายได้จากเทคโนโลยี AI ที่ชัดเจน

Meta ปิดไตรมาส 2 ด้วยเงินสด รายการเทียบเท่าเงินสด และหลักทรัพย์รวมกว่า 47 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งช่วยให้บริษัทมีสภาพคล่องเพียงพอในการรองรับทั้งการลงทุน การคืนผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้น แม้จะเผชิญความไม่แน่นอนจากปัญหาทางกฎหมายและเศรษฐกิจโลก

ความเสี่ยงและอุปสรรคที่อาจเกิดขึ้น

1. ความเสี่ยงจากการลงทุนใน AI

นักวิเคราะห์บางรายเตือนว่า Meta อาจตกอยู่ในภาวะ "ภาพฝันลม ๆ แล้ง ๆ " ที่เชื่อว่า “ถ้าสร้างไว้เดี๋ยวคนก็จะมาเอง” โดยยังไม่มีหลักประกันว่าการลงทุนจำนวนมหาศาลในโครงการ AI จะสร้างผลตอบแทนได้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อค่าใช้จ่ายฝ่ายทุน (CapEx) อาจพุ่งแตะ 105 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2026 ขณะเดียวกัน Reality Labs ก็ยังขาดทุนต่อเนื่อง

2. ความเสี่ยงด้านกฎระเบียบในหลายประเทศ

Meta เผชิญความท้าทายด้านกฎหมายต่อต้านการผูกขาด (Antitrust) อย่างต่อเนื่องในสหภาพยุโรป ซึ่งอาจนำไปสู่การบังคับให้แยก Instagram หรือ WhatsApp ออกจากบริษัทแม่ นอกจากนี้ยังมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับกฎหมายด้านความเป็นส่วนตัว ข้อมูล และการควบคุมเนื้อหาทั่วโลก

3. การประเมินมูลค่าหุ้นที่สูงเกินไป

การที่หุ้นมี P/E อยู่ที่ 22 เท่า ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต ทำให้เกิดความกังวลว่ากำไรในอนาคตจะเพียงพอรองรับราคาหุ้นในระดับนี้หรือไม่

4. ความผันผวนของค่าใช้จ่ายและอัตรากำไร

คาดว่าค่าใช้จ่ายจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในปี 2026 จากค่าตอบแทนพนักงานที่สูงขึ้นและการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน การรักษาอัตรากำไรจากการดำเนินงานให้อยู่ในระดับสูงกว่า 43% อาจเป็นเรื่องยากหากต้นทุนเพิ่มขึ้นเร็วกว่ารายได้

มุมมองนักลงทุน: ควรซื้อ ถือ หรือเฝ้าระวังด้วยความระมัดระวัง?

ควรซื้อหาก...

คุณเชื่อว่าโมเมนตัมของ Meta ในด้าน AI จะเป็นแรงขับเคลื่อนการเติบโตในระยะยาว ช่วยผลักดันรายได้จากโฆษณาและเพิ่มการมีส่วนร่วมของผู้ใช้งาน หากกลยุทธ์การลงทุนของคุณเน้นโครงสร้างพื้นฐานด้านโซเชียลและ AI ในระยะยาว ระดับราคาหุ้นปัจจุบันอาจถือว่าคุ้มค่า

ควรถือหรือทำกำไรหาก...

คุณถือหุ้นอยู่แล้วและต้องการล็อกกำไรใกล้จุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แต่ยังต้องการคงสถานะบางส่วนไว้เพื่อรับผลบวกจากแนวโน้มรายได้ไตรมาส 3 และการพัฒนา AI ของบริษัท

ควรเฝ้าระวังอย่างระมัดระวังหาก...

คุณกังวลกับรอบการใช้จ่ายลงทุนขนาดใหญ่ (CapEx) มูลค่าหุ้นที่สูงกว่าค่าเฉลี่ย หรือความเสี่ยงด้านกฎระเบียบ การรอจังหวะที่ตลาดย่อตัวหรือเผชิญกับความรู้สึกเชิงลบอาจเปิดโอกาสให้เข้าซื้อในราคาที่เหมาะสมกว่า

สรุป

โดยสรุปผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2025 ของ Meta ได้สร้างความประทับใจอย่างมาก ด้วยการทำผลงานเหนือกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ พร้อมกับการแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของธุรกิจโฆษณาและความก้าวหน้าเชิงกลยุทธ์ในด้าน AI ส่งผลให้ราคาหุ้นพุ่งแรง แม้ Meta จะลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์ในโครงสร้างพื้นฐานและบุคลากรด้าน AI แต่ตลาดก็ดูเหมือนจะตอบรับเชิงบวกต่อวิสัยทัศน์นี้ อย่างน้อยก็ในช่วงนี้

ไม่ว่าคุณจะเลือกซื้อ ถือ หรือรอดูท่าที สิ่งสำคัญอยู่ที่มุมมองของคุณต่อการสร้างรายได้จาก AI ความเสี่ยงด้านกฎระเบียบ และความยั่งยืนของมูลค่าหุ้นในระดับสูง สำหรับนักลงทุนที่เน้นการเติบโต Meta ยังคงมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่น่าสนใจ แต่ราคาหุ้นที่สูงและการใช้จ่ายที่ทะเยอทะยานก็เป็นสัญญาณให้ต้องใช้ความระมัดระวังและมีวินัยในการลงทุนเช่นกัน

ข้อสงวนสิทธิ์: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนา (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ได้เป็นคำแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ