简体中文 繁體中文 English 한국어 日本語 Español Bahasa Indonesia Tiếng Việt Português Монгол العربية हिन्दी Русский ئۇيغۇر تىلى

ซื้อทองดีไหม? เคราะห์แนวโน้มและทิศทางตลาด

เผยแพร่เมื่อ: 2025-05-28

ทองคำกลายเป็นจุดสนใจหลักในตลาดโลก โดยทุบสถิติราคาสูงสุดติดต่อกันในปี 2025 ซึ่งราคาทองคำพุ่งทะลุเหนือระดับ 3,400 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และความผันผวนอยู่ในระดับสูงสุดในรอบหลายปี นักลงทุนจำนวนมากจึงตั้งคำถามว่า “ซื้อทองดีไหม ?”


บทความนี้จะวิเคราะห์ราคาทองคำที่แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ปัจจัยที่ขับเคลื่อนราคาทองในปัจจุบัน และการคาดการณ์จากนักวิเคราะห์สำหรับช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า


ราคาทองคำพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์: ปัจจัยเบื้องหลังการพุ่งสูงขึ้นนี้

อัตราทองคำ 2025

การพุ่งขึ้นของราคาทองคำในปี 2025 ถือเป็นปรากฏการณ์ประวัติศาสตร์ ในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม ราคาทองคำแตะระดับสูงสุดที่ประมาณ 3,433 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพิ่มขึ้นเกือบ 27% นับตั้งแต่ต้นปี และทำผลงานได้ดีกว่าหุ้นและสินทรัพย์ปลอดภัยอื่น ๆ การเพิ่มขึ้นนี้ได้รับแรงหนุนจากปัจจัยหลายประการ ดังนี้:


  • การซื้อของธนาคารกลาง: ธนาคารกลางทั่วโลกยังคงสะสมทองคำในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาสแรกของปี 2025 มียอดซื้อถึง 244 ตัน ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตอย่างมาก ความต้องการนี้ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง เมื่อธนาคารกลางเริ่มกระจายการถือครองสำรองออกจากสินทรัพย์สหรัฐฯ และป้องกันความผันผวนของค่าเงิน


  • ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์: ความขัดแย้งที่ยังคงดำเนินอยู่ในยูเครน ตะวันออกกลาง รวมถึงข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐฯ จีน และยุโรป ที่เพิ่มขึ้นล้วนส่งเสริมความน่าสนใจของทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย


  • ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ: ความกังวลเกี่ยวกับภาวะถดถอย เงินเฟ้อที่ยืดเยื้อ และความกังวลภาวะเศรษฐกิจซบเซา (stagflation) ทำให้นักลงทุนระมัดระวังมากขึ้น และหันไปลงทุนทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากความปั่นป่วนในตลาดและการลดค่าของเงินตรา


  • คาดการณ์อัตราดอกเบี้ย: ความคาดหวังที่ว่าธนาคารกลางหลัก ๆ โดยเฉพาะธนาคารกลางยุโรป (ECB) และอาจรวมถึงธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงปลายปีนี้ ทำให้สินทรัพย์ที่ไม่ให้ผลตอบแทนอย่างทองคำ กลายเป็นทางเลือกที่น่าสนใจมากขึ้น


ตอนนี้ตลาดทองคำเป็นอย่างไรบ้าง?


หลังจากราคาทองคำแตะจุดสูงสุดในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม ทองคำมีการปรับฐานลงเล็กน้อย โดยลดลงมาอยู่ที่ประมาณ 3,200 ดอลลาร์ ท่ามกลางตลาดหุ้นโลกที่ฟื้นตัวและความตกลงหยุดพักการทำสงครามการค้าชั่วคราวระหว่างสหรัฐฯ กับจีน อย่างไรก็ตาม ราคาทองก็ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว โดยกลับขึ้นเหนือระดับ 3,300 ดอลลาร์ภายในปลายเดือนพฤษภาคม ความผันผวนยังคงสูง โดยมีการแกว่งตัวรายวันมากกว่า 50 ดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ


แนวโน้มสำคัญที่กำลังส่งผลต่อตลาดในขณะนี้ ได้แก่:


  • เงินทุนจากสถาบันและกองทุน ETF: นักลงทุนสถาบันและกองทุน ETF ที่ลงทุนในทองคำเพิ่มการไหลเข้าของเงินทุน สะท้อนถึงการสนับสนุนราคาทองที่กว้างขวาง


  • ความต้องการทางกายภาพ: การสั่งซื้อทองคำแท่งจริงเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะในสหรัฐฯ และยุโรป แสดงให้เห็นถึงความต้องการสินทรัพย์ที่จับต้องได้ในช่วงที่มีความไม่แน่นอนทั่วโลก


  • กิจกรรมของธนาคารกลาง: ธนาคารกลางยังคงเป็นผู้ซื้อสุทธิ แม้ว่าตัวเลขอย่างเป็นทางการอาจต่ำกว่าความเป็นจริง เนื่องจากมีการรายงานต่ำกว่าความจริงและการซื้อขายนอกตลาด


  • สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจมหภาค: เงินเฟ้อยังคงสูง การเติบโตทางเศรษฐกิจชะลอตัว และความไม่แน่นอนทางนโยบาย ยังคงเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ทองคำได้รับความนิยมในฐานะเครื่องมือกระจายความเสี่ยงในพอร์ตโฟลิโอและป้องกันเงินเฟ้อ


คาดการณ์ราคาทองคำ: แนวโน้มที่จะเกิดขึ้นต่อไป


นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังคงมุมมองเชิงบวกต่อราคาทองคำสำหรับช่วงที่เหลือของปี 2025 และถึงปี 2026 แต่หลายรายเตือนว่าการเพิ่มขึ้นของราคาจะมาพร้อมกับความผันผวนและการปรับฐานอย่างรุนแรงในบางช่วง


  • Goldman Sachs คาดว่าราคาทองคำอาจแตะ 3,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ภายในสิ้นปีนี้ โดยอ้างอิงจากความต้องการทองคำที่แข็งแกร่งจากธนาคารกลางและเงินทุนไหลเข้ากองทุน ETF ที่เพิ่มขึ้นท่ามกลางความกลัวภาวะถดถอยหากเกิดภาวะถดถอย ราคาทองคำอาจพุ่งขึ้นสูงถึง 3,880 ดอลลาร์


  • JP Morgan คาดการณ์ว่าราคาทองคำอาจพุ่งไปถึง 4,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ภายในไตรมาสที่ 2 ปี 2026 หากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจยังคงมีอยู่และอัตราดอกเบี้ยลดลง


  • UBS และ ANZ Bank คาดการณ์ราคาทองคำโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ 3,500–3,600 ดอลลาร์ในปี 2025 โดยได้รับแรงหนุนจากความต้องการเชิงโครงสร้างและอัตราเงินเฟ้อที่ต่อเนื่อง


  • Citi คาดว่าทองคำจะซื้อขายในช่วง 3,100–3,500 ดอลลาร์ตลอดช่วงที่เหลือของปี 2025 โดยยังมีโอกาสในการทำกำไรเชิงกลยุทธ์ในตลาดที่ผันผวน


สำหรับการคาดการณ์จาก LBMA ราคาทองคำในปี 2025 อยู่ที่ประมาณ 2,736 ดอลลาร์ โดยคาดว่าจะมีช่วงการซื้อขายกว้างตั้งแต่ 2,250 ถึง 3,290 ดอลลาร์ ซึ่งสะท้อนถึงความเป็นไปได้ของความผันผวนอย่างมากในตลาด


ความเสี่ยงที่ควรระวัง

ซื้อทองดีไหม
แม้ว่าแนวโน้มจะเป็นไปในทางบวก แต่ยังมีความเสี่ยงหลายประการที่อาจชะลอหรือย้อนกลับการพุ่งขึ้นของราคาทองคำ ได้แก่

  • การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่รวดเร็วเกินคาด อาจทำให้เงินทุนไหลกลับเข้าสู่หุ้น ลดความต้องการทองคำ

  • ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่แข็งค่าขึ้น หรือการขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างไม่คาดคิด อาจกดดันราคาทองคำให้ลดลง

  • ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ลดลง หรือการแก้ไขข้อขัดแย้งสำคัญ อาจทำให้การซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยลดลง


สรุป


ราคาทองคำที่พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ในปี 2025 นั้นได้รับแรงหนุนจากการซื้อของธนาคารกลาง ความไม่แน่นอนทั่วโลก และแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง แม้ว่าแนวโน้มในระยะยาวจะยังคงเป็นบวก แต่นักลงทุนควรเตรียมพร้อมรับมือกับความผันผวนและการปรับฐานอย่างรุนแรงที่อาจเกิดขึ้น


หากคุณกำลังพิจารณาจะซื้อทองคำ ควรติดตามแนวโน้มเศรษฐกิจมหภาคนโยบายของธนาคารกลาง และสถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์อย่างใกล้ชิด เช่นเดียวกับการลงทุนอื่น ๆ ทองคำควรถูกมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของพอร์ตการลงทุนที่หลากหลาย ไม่ใช่การรับประกันผลกำไรที่รวดเร็ว


คำเตือน: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อเป็นคำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็นคำแนะนำ) ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำของ EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ

บทความแนะนำ
เปิดคู่มือ แพทเทิร์น Forex ชี้จังหวะทองในการเทรดค่าเงินที่คุณต้องรู้
ซื้อทองตอนนี้ดีไหม? วิเคราะห์เชิงกลยุทธ์มหภาค
ลงทุนทองคำยุคเศรษฐกิจผันผวน ยังน่าจับตามองอยู่ไหม?
XAGUSD คืออะไร คู่เทรดสินทรัพย์ปลอดภัยที่โดดเด่นไม่แพ้ทอง
รู้จัก ดัชนีดอลลาร์สหรัฐ คืออะไร เกี่ยวข้องกับตลาด Forex ยังไง