简体中文 繁體中文 English 한국어 日本語 Español Bahasa Indonesia Tiếng Việt Português Монгол العربية हिन्दी Русский ئۇيغۇر تىلى

สกุลเงินที่นิยมเทรด Forex 10 อันดับสุดฮิต ที่ห้ามพลาด!

เผยแพร่เมื่อ: 2025-08-11    อัปเดตเมื่อ: 2025-10-20

ตลาด Forex ถือเป็นตลาดการเงินที่ใหญ่ที่สุดและมีสภาพคล่องสูงที่สุดในโลก โดยมีปริมาณการซื้อขายสกุลเงินจำนวนมหาศาลในแต่ละวัน 


การเข้าใจถึงสกุลเงินที่ได้รับความนิยมมากที่สุดจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการใช้ประโยชน์จากความผันผวนของตลาดและสร้างกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพ 


ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปรู้จักกับ 10 สกุลเงินที่นิยมเทรด Forexมากที่สุด ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อมูลค่า รวมถึงคำแนะนำที่เป็นประโยชน์สำหรับการเทรดสกุลเงินเหล่านี้


10 สกุลเงินที่นิยมเทรด Forex มากที่สุดในโลก

ณ เดือนตุลาคมปี 2025 ตลาด Forex ทั่วโลกยังคงเป็นตลาดการเงินที่ใหญ่และมีสภาพคล่องมากที่สุด โดยมีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันประมาณ 9.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ


ดอลลาร์สหรัฐยังคงครองความเป็นผู้นำ โดยมีส่วนเกี่ยวข้องในธุรกรรมทั้งหมดประมาณ 89.2% ขณะที่ธุรกรรมหลักในตลาด ได้แก่ สัญญาแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ (FX Swaps), การซื้อขายแบบ Spot, การซื้อขายล่วงหน้า (Forwards) และ ออปชัน (Options)


ศูนย์กลางการซื้อขายหลักอย่างลอนดอน นิวยอร์ก สิงคโปร์ และฮ่องกง รวมกันมีสัดส่วนการซื้อขายประมาณ 75% ของปริมาณธุรกรรมทั้งหมดทั่วโลก สะท้อนถึงบทบาทสำคัญของเมืองเหล่านี้ในการเคลื่อนไหวของสกุลเงินทั่วโลก


อันดับ สกุลเงิน มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน (USD) มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อสัปดาห์ (USD) สรุปปัจจัยสำคัญที่มีอิทธิพล
1 USD 6.6 ล้านล้าน 33 ล้านล้าน สกุลเงินสำรองของโลก, สินทรัพย์ปลอดภัย, การกำหนดราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์, นโยบายของเฟด
2 EUR 2.8 ล้านล้าน 14 ล้านล้าน เศรษฐกิจยูโรโซน, นโยบาย ECB, พัฒนาการทางการเมือง, การค้า
3 JPY 1.6 ล้านล้าน 8 ล้านล้าน สินทรัพย์ปลอดภัย, อัตราดอกเบี้ยต่ำ, ข้อมูลเศรษฐกิจญี่ปุ่น, ความเชื่อมั่นความเสี่ยงในตลาด
4 GBP 0.9 ล้านล้าน 4.5 ล้านล้าน ตัวชี้วัดเศรษฐกิจสหราชอาณาจักร, นโยบาย BoE, ประเด็น Brexit และข้อมูลเงินเฟ้อ
5 AUD 0.6 ล้านล้าน 3 ล้านล้าน การส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์, ความต้องการจากจีน, ราคาวัตถุดิบโลก
6 CAD 0.5 ล้านล้าน 2.5 ล้านล้าน การส่งออกน้ำมัน, ความสัมพันธ์ทางการค้ากับสหรัฐฯ, นโยบาย BoC, การเปลี่ยนแปลงราคาสินค้าโภคภัณฑ์
7 CHF 0.4 ล้านล้าน 2 ล้านล้าน สินทรัพย์ปลอดภัย, ความเป็นกลางทางการเมือง, ระบบธนาคาร, การแทรกแซงของ SNB
8 CNY 0.3 ล้านล้าน 1.5 ล้านล้าน นโยบายของจีน, กระแสการค้า, การควบคุมเงินทุน, กฎระเบียบของรัฐบาล
9 HKD 0.2 ล้านล้าน 1 ล้านล้าน สถานะศูนย์กลางการเงิน, การตรึงค่าเงินกับดอลลาร์สหรัฐ, การค้าระหว่างประเทศ
10 NZD 0.1 ล้านล้าน 0.5 ล้านล้าน การส่งออกสินค้าเกษตร, ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์, ความสัมพันธ์ทางการค้ากับจีนและออสเตรเลีย

ณ เดือนตุลาคม 2025 ตลาด Forex ทั่วโลกยังคงมีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันประมาณ 9.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยดอลลาร์สหรัฐครองส่วนแบ่งธุรกรรมทั้งหมดราว 89.2% และธุรกรรมหลักยังคงเป็น FX Swaps, Spot, Forwards และ Options


เมืองหลักอย่างลอนดอน นิวยอร์ก สิงคโปร์ และฮ่องกง ยังคงเป็นหัวใจสำคัญของการไหลเวียนของสกุลเงินทั่วโลก โดยมีส่วนแบ่งการซื้อขายรวมกันราว 75% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด



สกุลเงินหลักและสกุลเงินรอง: ความแตกต่างคืออะไร?

สกุลเงินหลักและสกุลเงินรอง

ก่อนที่จะเข้าสู่รายชื่อสกุลเงินที่นิยมเทรด การเข้าใจการแบ่งประเภทของสกุลเงินถือว่าเป็นสิ่งสำคัญมาก โดยสามารถแบ่งได้ 2 ประเภท ดังนี้


  • สกุลเงินหลัก (Major Currencies) คือสกุลเงินที่มีการเทรดมากที่สุดในโลก มีสภาพคล่องสูงและมักจับคู่กับดอลลาร์สหรัฐ (USD) ตัวอย่างเช่น EUR/USD, USD/JPY, GBP/USD และ USD/CHF คู่เงินหลักมักมีสเปรดแคบ การดำเนินการรวดเร็ว และรูปแบบการเคลื่อนไหวที่สามารถคาดการณ์ได้มากขึ้นสำหรับนักเทรดที่คุ้นเคย

  • สกุลเงินรอง (Minor Currencies) หรือที่เรียกกันว่า Crosses คือคู่เงินที่ไม่รวมดอลลาร์สหรัฐ ตัวอย่างเช่น EUR/GBP, EUR/JPY และ GBP/JPY คู่เงินเหล่านี้มักมีโอกาสพิเศษแต่ก็มาพร้อมกับสเปรดที่สูงกว่าและความผันผวนที่มากขึ้น


สำหรับเทรดเดอร์ การรู้ว่าสกุลเงินใดเป็นสกุลเงินหลักหรือสกุลเงินรองนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการกำหนดระดับความเสี่ยง เลือกกลยุทธ์ และการบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งสกุลเงินส่วนใหญ่ที่กล่าวถึงในบทความนี้จะจัดอยู่ในกลุ่มสกุลเงินหลัก


1. ดอลลาร์สหรัฐ (USD)


ดอลลาร์สหรัฐเป็นสกุลเงินที่มีการเทรดมากที่สุดในโลก โดยมีสัดส่วนประมาณ 88.5% ของการเทรด Forex ทั้งหมด เป็นสกุลเงินสำรองหลักของโลกและเป็นมาตรฐานในการกำหนดราคาสินค้าโภคภัณฑ์สำคัญ เช่น น้ำมันและทองคำ


ด้วยสถานะเป็น “สินทรัพย์ปลอดภัย” นักลงทุนมักหันมาถือครองดอลลาร์ในช่วงที่มีความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ วิกฤตโลก หรือความไม่แน่นอนในตลาด ส่งผลให้ความต้องการและมูลค่าของดอลลาร์แข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก นโยบายการเงินของเฟด โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยหรือมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ มีผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อประสิทธิภาพและความผันผวนของดอลลาร์ การติดตามประกาศของเฟดจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเทรดเดอร์


2. ยูโร (EUR)


ยูโรใช้ใน 20 ประเทศในยุโรปและเป็นสกุลเงินที่มีการเทรดมากเป็นอันดับสอง คิดเป็นประมาณ 30.5% ของปริมาณการเทรด Forex รายวัน คู่เงิน EUR/USD เป็นหนึ่งในคู่ที่ได้รับความนิยมและติดตามมากที่สุดทั่วโลก


เหตุการณ์ทางการเมืองในเขตยูโรโซน เช่น ผลกระทบระยะยาวของ Brexit การเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินของสหภาพยุโรป หรือการเลือกตั้งต่าง ๆ มีผลอย่างมากต่อทิศทางของยูโรธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีบทบาทสำคัญผ่านการตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ย การควบคุมเงินเฟ้อ และโครงการซื้อสินทรัพย์ เทรดเดอร์จึงเฝ้าติดตามการแถลงข่าวของ ECB อย่างใกล้ชิด เพื่อหาเบาะแสในการประเมินมูลค่าของยูโรในอนาคต


3. เยนญี่ปุ่น (JPY)


เยนเป็นสกุลเงินที่มีการเทรดมากที่สุดในเอเชีย มีชื่อเสียงในด้านความมั่นคง และมักถูกใช้ในกลยุทธ์ “carry trade” คือการยืมเยนในอัตราดอกเบี้ยต่ำของญี่ปุ่นเพื่อนำไปลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า


มูลค่าของเยนได้รับอิทธิพลอย่างมากจากข้อมูลเศรษฐกิจของญี่ปุ่น เช่น การเติบโตของ GDP อัตราเงินเฟ้อ และดุลการค้า คู่เงิน USD/JPY มักถูกใช้เป็นดัชนีวัดความเสี่ยงในตลาด เนื่องจากเยนมักแข็งค่าขึ้นในช่วงที่ตลาดมีความไม่แน่นอน


4. ปอนด์สเตอร์ลิงอังกฤษ (GBP)


ปอนด์อังกฤษเป็นหนึ่งในสกุลเงินที่เก่าแก่ที่สุดที่ยังใช้อยู่ และยังคงมีอิทธิพลสูงพร้อมสภาพคล่องมาก ปอนด์มีชื่อเสียงในด้านความผันผวนสูง โดยมักจะมีการเคลื่อนไหวอย่างรุนแรงเมื่อมีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจหรือเหตุการณ์ทางการเมือง


Brexit ยังคงส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในตลาด สร้างความไม่แน่นอนเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางการค้าของสหราชอาณาจักรและแนวโน้มเศรษฐกิจ การตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยของธนาคารแห่งอังกฤษ รวมถึงข้อมูลเงินเฟ้อและการจ้างงาน ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อคู่ GBP/USD หรือที่เรียกกันว่า "Cable" และคู่เงินปอนด์อื่น ๆ


5. ดอลลาร์ออสเตรเลีย (AUD)


ดอลลาร์ออสเตรเลียถือเป็นสกุลเงินสินค้าโภคภัณฑ์ เนื่องจากออสเตรเลียพึ่งพาการส่งออกทรัพยากร เช่น เหล็กและทองคำ ราคาของสินค้าเหล่านี้และความต้องการวัตถุดิบทั่วโลกส่งผลโดยตรงต่อความแข็งแกร่งของ AUD


เนื่องจากจีนเป็นคู่ค้ารายใหญ่ การเปลี่ยนแปลงในเศรษฐกิจหรือความต้องการของจีนจึงมีผลกระทบอย่างรวดเร็วต่อสกุลเงินนี้ การเคลื่อนไหวของคู่ AUD/USD มักสะท้อนแนวโน้มในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์โดยรวม


6. ดอลลาร์แคนาดา (CAD)


เช่นเดียวกับ AUD มีความไวต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะราคาน้ำมัน เนื่องจากแคนาดาเป็นผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ ราคาน้ำมันที่สูงจะสนับสนุนความแข็งแกร่งของ CAD ขณะที่ราคาน้ำมันที่ลดลงจะทำให้ CAD อ่อนค่าลง


ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับสหรัฐฯ ทำให้คู่ USD/CAD เป็นคู่ที่เทรดเดอร์ให้ความสำคัญ โดยทั้งข้อมูลการค้าระหว่างประเทศและการตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยของธนาคารแห่งแคนาดาจะส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของราคา


7. ฟรังก์สวิส (CHF)


ฟรังก์สวิสเป็นสกุลเงินที่ได้รับการยอมรับในฐานะสกุลเงินปลอดภัยที่นักลงทุนแสวงหาในช่วงความไม่แน่นอนระดับโลก ด้วยความเป็นกลางทางการเมือง ระบบธนาคารที่มั่นคง และนโยบายเศรษฐกิจที่สม่ำเสมอของประเทศสวิตเซอร์แลนด์


ธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ (SNB) บางครั้งจะเข้ามาแทรกแซงตลาดเพื่อควบคุมความแข็งแกร่งของสกุลเงิน เนื่องจากฟรังก์ที่แข็งเกินไปอาจส่งผลกระทบต่อการส่งออก ดังนั้นเทรดเดอร์ในคู่ CHF ควรเฝ้าระวังประกาศจาก SNB อย่างใกล้ชิด


8. หยวน (CNY)


ความสำคัญของหยวนเพิ่มขึ้นตามอิทธิพลทางเศรษฐกิจของจีนในระดับโลก การรวมหยวนไว้ในตะกร้าสิทธิพิเศษถอนเงิน (SDR) ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ทำให้หยวนได้รับการยอมรับมากขึ้นในฐานะสกุลเงินสำรอง


อย่างไรก็ตาม จีนยังคงควบคุมการไหลของทุนและอัตราแลกเปลี่ยนอย่างเข้มงวด ทำให้การเทรด CNY ไม่ได้เป็นไปอย่างเสรีเหมือนสกุลเงินหลักอื่น ๆ เหตุการณ์ในภาคการค้า การผลิต และนโยบายรัฐบาลจีนมีผลกระทบอย่างมากต่อหยวน


9. ดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD)


ดอลลาร์นิวซีแลนด์ก็ถือเป็นสกุลเงินสินค้าโภคภัณฑ์เช่นกัน โดยมูลค่ามักได้รับผลกระทบจากราคาสินค้าเกษตรส่งออกหลักของนิวซีแลนด์ เช่น ผลิตภัณฑ์นม เนื้อสัตว์ และไม้


ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับจีนและออสเตรเลีย รวมถึงความเปลี่ยนแปลงในตลาดสินค้าเกษตรโลก ล้วนส่งผลต่อความผันผวนของคู่ NZD/USD อย่างมีนัยสำคัญ


10. โครนาสวีเดน (SEK)


แม้จะไม่ได้เทรดมากเท่าสกุลเงินหลักอื่น ๆ แต่โครนายังคงมีความสำคัญ โดยได้รับการสนับสนุนจากเศรษฐกิจที่เน้นการส่งออกของสวีเดน รวมถึงภาคการผลิตและเทคโนโลยีที่แข็งแกร่ง


ผลการดำเนินงานทางเศรษฐกิจ อัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารกลางสวีเดน (Riksbank) กำหนด รวมถึงความต้องการผลิตภัณฑ์สวีเดนในตลาดโลก ล้วนมีอิทธิพลต่อมูลค่าของโครนา


ทำไมเทรดเดอร์จึงควรรู้จักสกุลเงินเหล่านี้?

สกุลเงินที่มีสภาพคล่องสูง

สกุลเงินที่มีการเทรดสูงสุดมักมีสภาพคล่องสูง สเปรดแคบ และรูปแบบราคาที่ค่อนข้างคาดเดาได้ง่าย ซึ่งช่วยลดต้นทุนการเทรดและเปิดโอกาสในการทำกำไรได้มากขึ้น การเข้าใจถึงปัจจัยที่ขับเคลื่อนแต่ละสกุลเงินจะช่วยให้เทรดเดอร์:


  • เลือกคู่สกุลเงินที่เหมาะกับสไตล์การเทรดของตนเอง

  • คาดการณ์การผันผวนในช่วงเหตุการณ์สำคัญได้อย่างแม่นยำ

  • กระจายความเสี่ยงด้วยการถือครองทั้งสกุลเงินปลอดภัย สกุลเงินสินค้าโภคภัณฑ์ และสกุลเงินหลัก


เคล็ดลับสำหรับการเทรดสกุลเงินที่นิยมที่สุด


  • เริ่มต้นด้วยคู่เงินหลัก เช่น EUR/USD, USD/JPY หรือ GBP/USD เนื่องจากมีสภาพคล่องและสเปรดที่แคบ

  • ติดตามปฏิทินเศรษฐกิจ เพื่อเตรียมพร้อมรับข่าวสารที่จะส่งผลกระทบต่อตัวสกุลเงินสำคัญ

  • ผสมผสานการวิเคราะห์ทางเทคนิคและพื้นฐาน เช่น การยืนยันรูปแบบกราฟขาขึ้นของ AUD/USD หลังจากข้อมูลการส่งออกของออสเตรเลียที่แข็งแกร่ง

  • เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างสกุลเงิน เช่น AUD, NZD และ CAD ที่มักเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกันเนื่องจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์

  • บริหารความเสี่ยง ด้วยการกำหนดขนาดล็อตที่เหมาะสม ตั้งจุดหยุดขาดทุน และควบคุมปริมาณการถือครองให้เหมาะสม


การเข้าใจสกุลเงินที่นิยมเทรด Forex รวมถึงบริบททางเศรษฐกิจและการเมืองที่มีผลต่อมูลค่า จะช่วยเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จในการเทรดอย่างมีนัยสำคัญ


คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

1. สกุลเงินใดมีการซื้อขายมากที่สุดในโลก?

ดอลลาร์สหรัฐ (USD) เป็นสกุลเงินที่มีการซื้อขายมากที่สุด โดยมีส่วนเกี่ยวข้องในธุรกรรม Forex ประมาณ 89.2% ทั่วโลก ณ เดือนตุลาคม 2025 เนื่องจากมีบทบาทเป็นสกุลเงินสำรองของโลกและเป็นเกณฑ์อ้างอิงในการกำหนดราคาสินค้าโภคภัณฑ์ต่าง ๆ


2. ทำไมเทรดเดอร์จึงมุ่งเน้นไปที่สกุลเงินหลัก (Major Currencies)?

สกุลเงินหลัก เช่น USD, EUR, JPY และ GBP มีสภาพคล่องสูง ส่วนต่างราคาซื้อขาย (Spread) แคบ และมีการเคลื่อนไหวของราคาที่คาดการณ์ได้มากกว่า จึงเหมาะสำหรับกลยุทธ์การเทรดทั้งระยะสั้นและระยะยาว


3. สกุลเงินสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity Currencies) แตกต่างจากสกุลเงินหลักอย่างไร?

สกุลเงินสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น AUD, CAD และ NZD ได้รับอิทธิพลอย่างมากจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ระดับโลก และความสัมพันธ์ทางการค้ากับประเทศคู่ค้ารายใหญ่ เช่น จีนและสหรัฐฯ จึงมีความอ่อนไหวต่อวัฏจักรเศรษฐกิจและแนวโน้มตลาดสินค้าโภคภัณฑ์มากกว่า


4. ปัจจัยใดเป็นตัวขับเคลื่อนมูลค่าสกุลเงินในตลาด Forex?

ปัจจัยสำคัญได้แก่ นโยบายของธนาคารกลาง อัตราดอกเบี้ย ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจ (GDP, เงินเฟ้อ, การจ้างงาน) พัฒนาการทางภูมิรัฐศาสตร์ ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ และภาวะความเสี่ยงของตลาด (Market Sentiment)


สรุป

การทำความเข้าใจสกุลเงินที่มีการซื้อขายมากที่สุด จำเป็นต้องพิจารณาทั้งในระดับมหภาค เช่น นโยบายการเงินของธนาคารกลาง แนวโน้มสินค้าโภคภัณฑ์ และความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ รวมถึงในระดับจุลภาคของตลาด เช่น สภาพคล่อง ส่วนต่างราคา และความผันผวนของตลาด


ดอลลาร์สหรัฐยังคงเป็นศูนย์กลางของตลาด Forex โลก ขณะที่สกุลเงินหลักและสกุลเงินสินค้าโภคภัณฑ์ก็เปิดโอกาสเชิงกลยุทธ์สำหรับการเทรดในรูปแบบต่าง ๆ


สำหรับเทรดเดอร์ การติดตามปฏิทินเศรษฐกิจ การผสานการวิเคราะห์ทั้งเชิงเทคนิคและเชิงปัจจัยพื้นฐาน รวมถึงการบริหารความเสี่ยงอย่างรอบคอบ ถือเป็นสิ่งสำคัญเพื่อความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง


ท้ายที่สุด การเข้าใจสกุลเงินเหล่านี้และปัจจัยที่มีผลต่อค่าเงิน จะช่วยให้สามารถตัดสินใจเทรดได้อย่างชาญฉลาดและมีข้อมูลรองรับในตลาดการเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลก


ข้อสงวนสิทธิ์: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็น (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ได้เป็นคำแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ

บทความแนะนำ
ไขรหัส 10 สกุลเงินหลักของโลก เปิดประตูสู่การลงทุน Forex แบบไร้พรมแดน
MT4 vs MT5 ต่างกันยังไง? รู้ก่อนเลือกแพลตฟอร์มเทรด Forex
Turtle Trading หรือกลยุทธ์เต่า: คู่มือสำหรับผู้เริ่มต้น
Bitcoin เล่นยังไง? รวมกลยุทธ์เทรดและแนวทางลงทุน
Fear of Missing Out คืออะไร? อธิบายง่าย เข้าใจไว