เปิดลิสต์ 10 สกุลเงินของโลก ต้องผ่านเกณฑ์อะไรบ้าง และมีจุดเด่นจุดด้อยพร้อมคู่เงินจับคู่ยอดนิยมในตลาด Forex
ในโลกการเงินระหว่างประเทศ "สกุลเงิน" เป็นเสมือนเครื่องมือแลกเปลี่ยนที่ทรงพลังที่สุด ทั้งในเชิงเศรษฐกิจ การลงทุน รวมไปถึงการค้าระหว่างประเทศ ดังนั้นการรู้จัก 10 สกุลเงินหลักของโลก อาจไม่ใช่แค่เกร็ดความรู้ทั่วไป แต่อาจเป็นการเปิดโลกสู่การลงทุนครั้งใหม่ก็ได้
ดังนั้นในบทความนี้ เราขอพาคุณไปรู้จักกับ 10 สกุลเงินหลักของโลกที่มีบทบาทสำคัญในตลาด Forex รวมถึงลักษณะเฉพาะของแต่ละสกุลเงิน จุดแข็ง-จุดอ่อน สกุลเงินคู่ไหนใดที่ฮิตจับคู่กันมากที่สุด พร้อมไขสงสัยว่าเทรดตอนไหนดีที่สุดด้วย
สกุลเงินหลัก (Major Currencies) คือ กลุ่มเงินตราที่มีการใช้งานแพร่หลายในระบบการเงินโลก ทำให้จะมีบทบาทสำคัญในตลาดการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ ซึ่งโดยทั่วไปสกุลเงินหลักจะเป็นสกุลเงินของประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ มั่นคง มีปริมาณการซื้อขายสูงในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ (Forex) และมีลักษณะอื่น ๆ ที่แตกต่างจากสกุลเงินทั่วไปดังนี้
มีเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการเมือง
ประเทศผู้ออกสกุลเงินต้องมีระบบเศรษฐกิจที่มั่นคง และมีนโยบายการเงินที่เชื่อถือได้ เช่น การควบคุมเงินเฟ้อ การรักษาดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับเหมาะสม รวมถึงต้องมีการบริหารจัดการภาครัฐที่โปร่งใสและมีเสถียรภาพทางการเมือง
มีสภาพคล่องสูง
สกุลเงินหลักจะต้องสามารถซื้อขายได้ง่ายในตลาดโลก โดยมีปริมาณการซื้อขาย (Trading Volume) สูงมาก เช่น USD, EUR, JPY ซึ่งช่วยให้สามารถแลกเปลี่ยนหรือเทรดได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่มีความเสี่ยงเรื่องการขาดคู่ซื้อขาย
ถูกใช้เป็นเงินสำรองระหว่างประเทศ
ธนาคารกลางของหลายประเทศทั่วโลกมักถือครองสกุลเงินหลักไว้เป็น "ทุนสำรองระหว่างประเทศ" (Foreign Reserves) เพื่อรองรับความผันผวนทางเศรษฐกิจหรือการค้าระหว่างประเทศ เช่น ดอลลาร์สหรัฐ (USD) เป็นสกุลเงินสำรองที่ใหญ่ที่สุดของโลก
1. ดอลลาร์สหรัฐ (USD)
ดอลลาร์สหรัฐ (USD) เป็นสกุลเงินที่มีความสำคัญมากที่สุดในโลก เนื่องจากถูกใช้เป็นเงินสำรองระหว่างประเทศของหลายประเทศทั่วโลก และเนื่องจากเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาเองก็เป็นเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก ทำให้ USD มีเสถียรภาพและความน่าเชื่อถือสูง
จุดเด่น : สภาพคล่องสูงที่สุด, เป็นเงินสำรองระหว่างประเทศหลักของโลก, เศรษฐกิจสหรัฐฯ มีอิทธิพลต่อการเงินโลก
จุดด้อย : อ่อนไหวต่อการปรับขึ้น-ลงอัตราดอกเบี้ยของ Fed, ปัญหาการเมืองภายในประเทศที่อาจกระทบต่อความเชื่อมั่น
นิยมจับคู่: EUR/USD, USD/JPY, GBP/USD
2. ยูโร (EUR)
ยูโรเป็นสกุลเงินร่วมของกลุ่มประเทศในเขตยูโรโซน ซึ่งประกอบด้วยประเทศเศรษฐกิจสำคัญในยุโรป เช่น เยอรมนี ฝรั่งเศส อิตาลี และสเปน แม้จะเป็นสกุลเงินที่เกิดใหม่ (เปิดตัวในปี 1999) แต่ก็กลายเป็นสกุลเงินอันดับสองของโลกในแง่การถือครองและการใช้ในธุรกรรมระหว่างประเทศ ยูโรได้รับความเชื่อมั่นจากการบริหารของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ซึ่งมุ่งรักษาเสถียรภาพของราคาและเงินเฟ้อ
จุดเด่น :เป็นสกุลเงินของกลุ่มเศรษฐกิจขนาดใหญ่, มีบทบาทสูงในการค้าระหว่างประเทศ, ธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีแนวโน้มใช้นโยบายการเงินแบบเสถียร
จุดด้อย : เสี่ยงจากความไม่เป็นเอกภาพระหว่างประเทศสมาชิก, อ่อนไหวต่อวิกฤตหนี้ของประเทศในยูโรโซน เช่น กรีซ อิตาลี
นิยมจับคู่: EUR/USD, EUR/GBP, EUR/JPY
3. เยนญี่ปุ่น (JPY)
เยนญี่ปุ่นเป็นสกุลเงินที่มีความสำคัญมากในภูมิภาคเอเชีย และเป็นหนึ่งในสกุลเงินที่ถูกมองว่าเป็น สินทรัพย์ปลอดภัย (safe haven) ที่นักลงทุนทั่วโลกนิยมถือครองในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจหรือความไม่แน่นอนทางการเมือง ด้วยฐานเศรษฐกิจของญี่ปุ่นที่แข็งแรงโดยเฉพาะด้านการส่งออก เทคโนโลยี และภาคการผลิต ทำให้เยนมีความเสถียรสูง
จุดเด่น : เป็นสกุลเงินปลอดภัย, เศรษฐกิจญี่ปุ่นใหญ่และมีภาคส่งออกแข็งแกร่ง, ใช้บ่อยในกลยุทธ์ Carry Trade
จุดด้อย : ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) มักใช้นโยบายดอกเบี้ยต่ำมาก, ค่าของเยนมักเคลื่อนไหวในกรอบแคบ
นิยมจับคู่: USD/JPY, EUR/JPY, GBP/JPY
4. ปอนด์สเตอร์ลิง (GBP)
ปอนด์สเตอร์ลิงเป็นสกุลเงินที่เก่าแก่ที่สุดในโลกที่ยังคงใช้อยู่และยังคงเป็นหนึ่งในสกุลเงินที่มีความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ ด้วยเศรษฐกิจอังกฤษที่มีภาคการเงินและบริการเป็นฐานหลัก รวมถึงลอนดอนที่เป็นศูนย์กลางทางการเงินระดับโลก GBP จึงมีบทบาทสำคัญในตลาดโลก
จุดเด่น : มีความผันผวนสูง (เหมาะกับการเทรดสั้น), เศรษฐกิจอังกฤษมั่นคง มีภาคการเงินแข็งแรง
จุดด้อย : อ่อนไหวต่อประเด็นการเมือง เช่น Brexit, อาจผันผวนมากเกินไปในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจหรือดอกเบี้ย
นิยมจับคู่: GBP/USD, EUR/GBP, GBP/JPY
5. ฟรังก์สวิส (CHF)
ฟรังก์สวิสเป็นอีกหนึ่งสกุลเงินที่มีสถานะเป็น "เงินปลอดภัย" หรือ Safe Haven โดยธรรมชาติ เนื่องจากสวิตเซอร์แลนด์เป็นประเทศที่มีเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการเมืองสูง ระบบธนาคารมีความเป็นกลาง และได้รับความเชื่อมั่นระดับโลก ทำให้นักลงทุนมักถือครอง CHF ในช่วงที่ตลาดโลกมีความไม่แน่นอน
จุดเด่น : เสถียรสูง, ประเทศมีเสถียรภาพทางการเมืองและเศรษฐกิจ
จุดด้อย : สวิตเซอร์แลนด์มีขนาดเศรษฐกิจเล็ก จึงอ่อนไหวต่อเศรษฐกิจโลก, SNB มักแทรกแซงค่าเงินเพื่อไม่ให้ CHF แข็งค่าจนเกินไป ทำให้อาจสร้างความไม่แน่นอนในการเทรดได้
นิยมจับคู่: USD/CHF, EUR/CHF, GBP/CHF
6. ดอลลาร์แคนาดา (CAD)
ดอลลาร์แคนาดาเป็นที่รู้จักกันว่าเป็น “สกุลเงินเชิงสินค้าโภคภัณฑ์” (Commodity Currency) เพราะมีความสัมพันธ์แนบแน่นกับราคาน้ำมัน เนื่องจากแคนาดาเป็นผู้ผลิตและส่งออกน้ำมันรายใหญ่ของโลก CAD จึงมักเคลื่อนไหวตามราคาน้ำมันในตลาดโลก
จุดเด่น : มีความสัมพันธ์เชิงบวกกับราคาน้ำมัน, เศรษฐกิจแคนาดาแข็งแรงโดยเฉพาะในภาคพลังงาน
จุดด้อย : ราคาน้ำมันตก กระทบค่าเงิน CAD โดยตรง, อ่อนไหวกับนโยบายแทบทุกด้านของสหรัฐฯ เนื่องจากเป็นประเทศคู่ค้าหลัก
นิยมจับคู่: USD/CAD, EUR/CAD, CAD/JPY
7. ดอลลาร์ออสเตรเลีย (AUD)
ดอลลาร์ออสเตรเลียเป็นอีกหนึ่งสกุลเงินเชิงสินค้าโภคภัณฑ์ โดยมีความสัมพันธ์สูงกับราคาสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น แร่เหล็ก ทองแดง ถ่านหิน เนื่องจากออสเตรเลียเป็นประเทศที่มีทรัพยากรธรรมชาติมาก และพึ่งพาการส่งออกอย่างมาก โดยเฉพาะการค้ากับจีน
จุดเด่น : ได้รับอานิสงส์เมื่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์, เป็นตัวแทนของเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก
จุดด้อย : อ่อนไหวต่อเศรษฐกิจจีน, ค่าเงินผันผวนตามสภาพเศรษฐกิจโลก
นิยมจับคู่: AUD/USD, EUR/AUD, AUD/JPY
8. ดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD)
ดอลลาร์นิวซีแลนด์เป็นสกุลเงินที่มีขนาดตลาดเล็กกว่า AUD แต่มีคุณสมบัติคล้ายกัน เช่น พึ่งพาการส่งออกสินค้าเกษตร เช่น นม เนื้อวัว และไม้ อีกทั้งยังได้รับอิทธิพลจากเศรษฐกิจจีนที่เป็นคู่ค้ารายใหญ่เหมือนกัน
จุดเด่น : นโยบายดอกเบี้ยมักสูงกว่าประเทศอื่นในกลุ่ม, นโยบายการเงินชัดเจน, ได้รับผลบวกจากราคาสินค้าเกษตร
จุดด้อย : ขนาดเศรษฐกิจเล็ก อ่อนไหวต่อภายนอก, ขึ้นอยู่กับภาคส่งออกและเศรษฐกิจจีน
นิยมจับคู่: NZD/USD, EUR/NZD, NZD/JPY
9. หยวนจีน (CNY)
หยวนจีนหรือ "Renminbi" กำลังกลายเป็นหนึ่งในสกุลเงินที่มีอิทธิพลมากขึ้นเรื่อย ๆ ตามการเติบโตของเศรษฐกิจจีน โดยปัจจุบัน CNY ถูกนำไปใช้ในธุรกรรมการค้าระหว่างประเทศมากขึ้น และได้รับการรับรองให้เป็นหนึ่งในตะกร้าสกุลเงิน SDR ของ IMF
จุดเด่น : เศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของโลก, ถูกใช้มากขึ้นในการค้าระหว่างประเทศ
จุดด้อย : ค่าเงินยังถูกควบคุมโดยรัฐบาล ไม่ปล่อยลอยตัวเต็มรูปแบบ, ตลาดเงินตราในจีนยังไม่เปิดเสรีเต็มที่
นิยมจับคู่: USD/CNY, EUR/CNY
10. โครนาสวีเดน (SEK) หรือ ดอลลาร์สิงคโปร์ (SGD)
สำหรับอันดับที่ 10 นั้นส่วนมากนักลงทุนมักมักมีการจัดอันดับสลับกันระหว่างโครนาสวีเดน (SEK) และดอลลาร์สิงคโปร์ (SGD) เนื่องจากSEK เป็นตัวแทนของเศรษฐกิจสแกนดิเนเวียที่มั่นคง มีอัตราเงินเฟ้อต่ำ และระบบเศรษฐกิจที่โปร่งใส ขณะที่ SGD เป็นตัวแทนของศูนย์กลางการเงินในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สิงคโปร์มีระบบธนาคารที่มีประสิทธิภาพสูง และนโยบายการเงินของธนาคารกลางสิงคโปร์มุ่งเน้นเสถียรภาพค่าเงิน
จุดเด่น (ทั้งคู่) : มีเศรษฐกิจที่มั่นคงและความน่าเชื่อถือสูง
จุดด้อย : ตลาดเล็กกว่าสกุลเงินหลักอื่น, ไม่ได้รับความนิยมในตลาด Forex เท่าคู่เงินใหญ่ ๆ
นิยมจับคู่: USD, JPY, CNH
อย่างไรก็ดี แม้ตลาด Forex จะเปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมงก็จริง แต่ก็ไม่ได้เปิดพร้อมกันทั่วโลก เนื่องจากตลาด Forex จะมีการหมุนเวียนเปิดทำการตามเขตเวลาของเมืองสำคัญ ๆ ทั่วโลก ทำให้เกิดสภาพคล่องในการซื้อขายอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน ตั้งแต่เช้าวันจันทร์ไปจนถึงเช้าวันเสาร์ตามเวลาประเทศไทย ซึ่งจะมีเวลาเปิดปิดในตลาดหลัก ๆ ดังนี้
1. ตลาดซิดนีย์ (Sydney Session): เปิดทำการประมาณ 05:00 น. - 14:00 น. ตามเวลาประเทศไทย (อาจมีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อยตามฤดูกาล) ตลาดนี้ถือเป็นตลาดแรกที่เปิดทำการในแต่ละสัปดาห์
2. ตลาดโตเกียว (Tokyo Session): เปิดทำการประมาณ 07:00 น. - 16:00 น. ตามเวลาประเทศไทย ตลาดนี้มีความสำคัญเนื่องจากญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่และมีการซื้อขายเงินเยน (JPY) เป็นจำนวนมาก
3. ตลาดลอนดอน (London Session): เปิดทำการประมาณ 15:00 น. - 23:00 น. ตามเวลาประเทศไทย ตลาดลอนดอนถือเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่และมีสภาพคล่องสูงที่สุดในโลก มีการซื้อขายเงินปอนด์สเตอร์ลิง (GBP) และสกุลเงินอื่น ๆ อย่างคึกคัก
4. ตลาดนิวยอร์ก (New York Session): เปิดทำการประมาณ 21:00 น. - 04:00 น. ของวันถัดไป ตามเวลาประเทศไทย ตลาดนิวยอร์กมีความสำคัญเนื่องจากเป็นศูนย์กลางทางการเงินของสหรัฐอเมริกา และมีการซื้อขายเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) ซึ่งเป็นสกุลเงินหลักของโลกเป็นจำนวนมาก
ช่วงตลาดลอนดอนและนิวยอร์กเปิดพร้อมกัน (ประมาณ 19:00 – 23:00 น. ตามเวลาไทย) เป็นช่วงที่มี สภาพคล่องสูงสุด และมี ปริมาณการซื้อขายมากที่สุด เพราะสองตลาดใหญ่ของโลกเปิดพร้อมกัน เหมาะสำหรับสายเก็งกำไรระยะสั้น เพราะราคาขยับเร็ว มีโอกาสทำกำไรได้มาก
ตลาดลอนดอน (ประมาณ 14:00 – 23:00 น.) เป็นตลาดที่เคลื่อนไหวเร็วและมีแนวโน้มชัดเจน เหมาะกับการตั้งค่า Stop Loss/Take Profit → เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่ชอบแนว เทรดตามเทรนด์
หลีกเลี่ยงช่วงตลาดซบเซา (เช่น ระหว่าง 05:00 – 11:00 น.) เพราะเป็นช่วงที่ไม่มีตลาดหลักเปิด ราคามักนิ่ง ไม่มีความผันผวน → เทรดยาก และไม่คุ้มกับความเสี่ยง
Q: ถ้าเพิ่งเริ่มต้นควรเทรดคู่ไหนก่อน?
A: คู่ EUR/USD เหมาะสำหรับมือใหม่ เพราะมีข้อมูลวิเคราะห์มาก สเปรดต่ำ และความผันผวนกำลังดี
Q: ต้องเทรดช่วงเวลาไหนดีที่สุด?
A: ช่วง London – New York Overlap (19:00 - 23:00 น.) ถือว่าเหมาะที่สุด เพราะสภาพคล่องสูงและราคามีแนวโน้มชัดเจน
Q: สกุลเงินไหนมีความเสี่ยงต่ำที่สุด?
A: ไม่มีสกุลเงินที่ “ปลอดภัยที่สุด” แต่ CHF และ JPY มักถูกใช้เป็น Safe Haven ในช่วงตลาดผันผวน
สกุลเงินหลักของโลกทั้ง 10 สกุลที่กล่าวถึงในบทความนี้ ไม่ได้มีบทบาทเพียงแค่เป็นหน่วยแลกเปลี่ยนในประเทศต้นกำเนิด แต่ยังเป็นสกุลเงินที่ใช้ในการค้าระหว่างประเทศ การลงทุน และเป็นสกุลเงินสำรองของธนาคารกลางทั่วโลกอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นดอลลาร์สหรัฐ (USD) ที่เป็นผู้นำของตลาด, ยูโร (EUR) ที่ครอบคลุมเศรษฐกิจยุโรป, หรือเยนญี่ปุ่น (JPY) ที่มีความเคลื่อนไหวสูงในตลาด Forex ล้วนมีอิทธิพลต่อการเคลื่อนไหวของเศรษฐกิจโลกอย่างมีนัยสำคัญ
นอกจากนี้ยังมีเงินปอนด์อังกฤษ (GBP), ฟรังก์สวิส (CHF), ดอลลาร์แคนาดา (CAD), ดอลลาร์ออสเตรเลีย (AUD), ดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD), หยวนจีน (CNY) และโครนาสวีเดน (SEK) ซึ่งต่างก็มีลักษณะเฉพาะของตน เช่น สกุลเงินที่ผูกกับราคาสินค้าโภคภัณฑ์ หรือเป็นตัวแทนของเสถียรภาพในช่วงที่ตลาดผันผวน ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นตัวเลือกสำคัญที่นักลงทุนและเทรดเดอร์ใช้วางกลยุทธ์
การรู้จักลักษณะเฉพาะของแต่ละสกุลเงิน ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยทางเศรษฐกิจ ความสัมพันธ์กับอัตราดอกเบี้ย หรือพฤติกรรมเชิงฤดูกาล ช่วยให้นักลงทุนสามารถเลือกเทรดหรือถือครองได้อย่างเหมาะสมกับสถานการณ์ในตลาด ขณะเดียวกัน การติดตามข่าวสารจากประเทศต้นทางของสกุลเงินเหล่านี้ เช่น การประชุมธนาคารกลาง หรือข้อมูลเงินเฟ้อ จะช่วยในการวิเคราะห์ทิศทางของค่าเงินได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น
คำเตือน: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นคำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็นคำแนะนำ) ความคิดเห็นใด ๆ ในเอกสารนี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำของ EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใด ๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ
ตัดเสียงรบกวนด้วยกลยุทธ์การเทรด Forex ที่พิสูจน์แล้ว ใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิค อินดิเคเตอร์ที่สำคัญ รวมถึงการวิเคราะห์จากผู้เชี่ยวชาญของ EBC คลาสเรียนออนไลน์ และสัญญาณเตือนเทรดที่แม่นยำ
2025-08-07เปิดข้อมูลแนวรับ แนวต้าน คืออะไร เจาะลึกหัวใจของการวิเคราะห์กราฟ พร้อมกลยุทธ์ใช้เทรดจริงที่ช่วยเพิ่มความแม่นยำและลดความเสี่ย ด้วยเทคนิคพื้นฐานที่ต้องรู้ก่อนเริ่มเทรดทุกตลาด
2025-08-07ติดตามราคาน้ำมันดิบเบรนท์และ WTI แบบเรียลไทม์ พร้อมปัจจัยขับเคลื่อนตลาด การคาดการณ์จากผู้เชี่ยวชาญ และความเคลื่อนไหววันนี้มีความหมายอย่างไรต่อผู้บริโภคและเศรษฐกิจโลก
2025-08-07