ดอลลาร์สหรัฐฯ วันนี้: ยุโรปและเอเชียเป็นผู้นำการไหลออกของเงินทุน

2025-06-24
สรุป

ดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลง เนื่องจากนักลงทุนจากยุโรปและเอเชียโยกย้ายสินทรัพย์ ซึ่งเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในการไหลเวียนของเงินทุนทั่วโลก

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ในวันนี้อยู่ในจุดเปลี่ยนสำคัญ ท่ามกลางการเผชิญกับผลงานครึ่งปีแรกที่ย่ำแย่ที่สุดในรอบเกือบ 40 ปี แม้จะมีแรงซื้อในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยเป็นระยะ ๆ และข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่ยังแข็งแกร่ง แต่กระแสเงินทุนโลกที่เปลี่ยนแปลงในเชิงโครงสร้างกลับกดดันค่าเงินดอลลาร์อย่างมีนัยสำคัญ


แนวโน้มนี้ไม่ได้เกิดจากความแตกต่างของนโยบายการเงินเพียงอย่างเดียว แต่เป็นผลจากการปรับพอร์ตลงทุนในระดับภูมิภาค สถาบัน และภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะนักลงทุนจากยุโรปและเอเชียที่เป็นผู้นำในการถอนเงินทุนอย่างเป็นระบบ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่อยู่เบื้องหลังการร่วงลงอย่างรุนแรงของดอลลาร์ในปี 2025


การถอนเงินทุนในวงกว้าง: ทำไมดอลลาร์จึงอ่อนค่า

มูลค่าปัจจุบันของดัชนีดอลลาร์สหรัฐฯ

การอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐฯ ในวันนี้ไม่ใช่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว แต่เป็นส่วนหนึ่งของการจัดสรรเงินทุนใหม่ทั่วโลกที่ซับซ้อน นักยุทธศาสตร์ด้านอัตราแลกเปลี่ยนของ Bank of America ชี้ให้เห็นว่า กองทุนบำเหน็จบำนาญและบริษัทประกันภัยของยุโรปกลายมาเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงในไตรมาสที่ 2 ปี 2025 โดยสถาบันเหล่านี้ลดสัดส่วนการถือครองดอลลาร์ลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2022


ในขณะเดียวกัน นักลงทุนชาวเอเชียซึ่งถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ เป็นจำนวนมากมาโดยตลอด ก็เริ่มลดสัดส่วนลงอย่างเงียบ ๆ เช่นกัน ข้อมูลการซื้อขายระหว่างวันชี้ให้เห็นว่าแรงขายดอลลาร์จำนวนมากเกิดขึ้นในช่วงเวลาซื้อขายของเอเชีย ซึ่งเป็นสัญญาณที่สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ในตลาดพันธบัตรของภูมิภาค


ดังนั้น การอ่อนค่าของดอลลาร์จึงไม่ใช่แค่การเก็งกำไรระยะสั้น แต่เป็นส่วนหนึ่งของการปรับสมดุลเงินทุนโลกในเชิงกลยุทธ์


สถาบันยุโรปถอนตัวจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ 


ปัจจัยสำคัญอีกประการที่เร่งให้ดอลลาร์อ่อนค่า คือการที่นักลงทุนยุโรปเทขายหุ้นสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่องนักวิเคราะห์จาก UBS คาดการณ์ว่านักลงทุนในยูโรโซนถือครองหุ้นสหรัฐฯ ถึงหนึ่งในสี่ของการถือครองโดยต่างชาติทั้งหมด ซึ่งหมายความว่าการเปลี่ยนแปลงความเชื่อมั่นของยุโรปส่งผลกระทบต่อทั้งตลาดหุ้นและค่าเงินดอลลาร์อย่างมีนัยสำคัญ


ขณะที่ตลาดหุ้นในยุโรปและเอเชียให้ผลตอบแทนแซงหน้า Wall Street กองทุนยุโรปก็เริ่มกระจายการลงทุนกลับไปยังภูมิภาคของตนเอง การขายหุ้นที่กำหนดราคาเป็นดอลลาร์จึงกระตุ้นแรงขายดอลลาร์และเสริมแรงขาลง


ที่สำคัญกว่านั้น การเคลื่อนไหวนี้ไม่ใช่แค่การปรับกลยุทธ์ระยะสั้นเท่านั้น แต่ยังสะท้อนการลดการป้องกันความเสี่ยง (hedging) และการกระจายสินทรัพย์ในระดับโครงสร้าง ซึ่งสื่อถึงมุมมองเชิงกลยุทธ์ต่อความเสี่ยงด้านมูลค่า อัตราดอกเบี้ยและความผันผวนของสกุลเงิน


เอเชียลดการถือครองพันธบัตรสหรัฐอย่างเงียบ ๆ


ในขณะที่ยุโรปถอนตัวจากหุ้น เอเชียก็กำลังลดการถือครองพันธบัตรสหรัฐฯ ซึ่งแม้จะไม่โดดเด่นเท่า แต่ก็ส่งผลไม่น้อยต่อดอลลาร์


นักลงทุนในเอเชียถือครองพันธบัตรรัฐบาลและพันธบัตรหน่วยงานของสหรัฐฯ เกือบหนึ่งในสามของการถือครองโดยต่างชาติ โดยเฉพาะภาคเอกชนซึ่งเข้ามามีบทบาทมากขึ้นแทนที่ธนาคารกลางในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา นักลงทุนกลุ่มนี้มีความอ่อนไหวสูงต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาพันธบัตรและอัตราผลตอบแทน เมื่ออัตราผลตอบแทนผันผวน และความกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพทางการคลังของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น นักลงทุนเหล่านี้จึงเริ่มปรับพอร์ตอย่างเงียบ ๆ แต่มีผลกระทบอย่างเป็นรูปธรรม


การเปลี่ยนจากการถือครองโดยธนาคารกลางมาเป็นภาคเอกชนยังทำให้ตลาดมีความผันผวนมากขึ้น เพราะแม้จะมีการปรับพอร์ตเพียงเล็กน้อย แต่ด้วยขนาดของการถือครองที่ใหญ่ ก็อาจก่อให้เกิดแรงสะเทือนอย่างมีนัยสำคัญ


ผลกระทบของกระแสเงินทุนที่ทวีความรุนแรง


เมื่อพิจารณาจากขนาดของการถือครองสินทรัพย์ทั่วโลก แม้จะมีการปรับพอร์ตเพียงเล็กน้อย ก็อาจนำไปสู่การไหลออกของเงินทุนในระดับมหาศาล รายงานจาก UBS ชี้ว่าการปรับลดสัดส่วนการถือครองดอลลาร์ของกลุ่มประเทศ G10 เพียง 5% อาจเทียบเท่ากับการไหลออกของเงินทุนถึง 670 พันล้านดอลลาร์


ยุโรปยังคงเป็นจุดศูนย์กลางของความเคลื่อนไหวนี้ เนื่องจากเป็นภูมิภาคที่ถือครองตราสารหนี้ต่างประเทศมากที่สุดในโลก โดยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา นักลงทุนยุโรปได้สะสมสินทรัพย์หนี้ต่างประเทศมูลค่ากว่า 3.4 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสินทรัพย์ที่กำหนดราคาเป็นดอลลาร์


ดังนั้น การหมุนเวียนเงินทุนแม้เพียงเล็กน้อยก็สามารถสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อตลาดเงินและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรได้ โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่เปราะบางและสภาพคล่องต่ำในช่วงนอกเวลาเปิดตลาด


ผลกระทบในระยะยาวต่อแนวโน้มของดอลลาร์


การเทขายดอลลาร์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ก่อให้เกิดคำถามที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับอนาคตของสกุลเงินสหรัฐฯ แม้ว่าปัจจัยวัฏจักรเศรษฐกิจ เช่น ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย ข้อมูลเงินเฟ้อ และถ้อยแถลงของธนาคารกลางสหรัฐฯ จะยังคงมีอิทธิพลต่อความเคลื่อนไหวระยะสั้น แต่ปัจจุบัน กระแสเงินทุนเชิงโครงสร้างกลับกลายเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญไม่แพ้กัน


ประเด็นหลักที่กำลังส่งผลต่อแนวโน้มของดอลลาร์ ได้แก่:

  • การประเมินความเสี่ยงใหม่ในระดับโลก: เมื่อภูมิรัฐศาสตร์เปลี่ยนแปลงและต้นทุนเงินทุนสูงขึ้น นักลงทุนต่างชาติก็เริ่มคัดเลือกการถือครองดอลลาร์มากขึ้น

  • การลดระดับโลกาภิวัตน์และการหันสู่ภูมิภาค: การให้ความสำคัญกับตลาดในประเทศมากขึ้นทำให้ดอลลาร์ไม่ใช่ตัวเลือกเริ่มต้นอีกต่อไป

  • ความเสี่ยงจากการออกพันธบัตรของรัฐบาลสหรัฐฯ: ความกังวลต่อระดับหนี้และนโยบายการคลังของสหรัฐฯ เริ่มบั่นทอนความสนใจในสินทรัพย์ระยะยาวที่เป็นดอลลาร์

  • การเพิ่มขึ้นของทางเลือกใหม่: แม้ดอลลาร์ยังคงมีบทบาทสำคัญ แต่ความสนใจในทองคำสินทรัพย์ที่เป็นเงินหยวน และแม้แต่สกุลเงินดิจิทัล กำลังเพิ่มขึ้นอย่างเงียบๆในหมู่นักลงทุนสถาบัน


แม้สถานการณ์ในปัจจุบันจะไม่ถึงขั้นคุกคามสถานะของดอลลาร์โดยตรง แต่ก็สะท้อนถึงยุคใหม่ที่ดอลลาร์ต้องเผชิญกับความผันผวนและแรงกดดันทางการเมืองมากขึ้น


สรุป


ดอลลาร์สหรัฐฯในวันนี้ไม่ได้ตอบสนองเพียงแค่สัญญาณจากธนาคารกลางหรือข้อมูลเศรษฐกิจระยะสั้นอีกต่อไป หากแต่กำลังเผชิญกับการประเมินใหม่อย่างเป็นระบบจากนักลงทุนทั่วโลก ทั้งในยุโรปและเอเชีย ทั้งในหุ้นและพันธบัตร


ยุโรปถอนตัวจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ ขณะที่เอเชียลดการถือครองตราสารหนี้สหรัฐฯ การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ไม่ใช่เพียงกลยุทธ์ระยะสั้น แต่เป็นการจัดพอร์ตลงทุนใหม่ที่ท้าทายความเชื่อเดิมเกี่ยวกับอำนาจของดอลลาร์


ในระยะข้างหน้า ทั้งนักเทรดและผู้กำหนดนโยบายจะต้องจับตามองไม่ใช่เพียงแค่แนวโน้มดอกเบี้ย แต่ยังต้องให้ความสำคัญกับกระแสเงินทุนข้ามพรมแดน การจัดสรรของสถาบัน และแนวโน้มภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในระเบียบการเงินโลก


คำเตือน: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นคำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็นคำแนะนำ) ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำของ EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ

ราคาหุ้น SoftBank พุ่ง 13% หลังรายงานกำไรที่น่าทึ่ง

ราคาหุ้น SoftBank พุ่ง 13% หลังรายงานกำไรที่น่าทึ่ง

ราคาหุ้นของ SoftBank พุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากการลงทุนใน AI การฟื้นตัวของ Vision Fund และแผน IPO ขนาดใหญ่ช่วยกระตุ้นความเชื่อมั่นของนักลงทุนในปี 2024

2025-08-08
ปอนด์ไม่เห็นด้วยกับการลดอัตราดอกเบี้ยของ BOE

ปอนด์ไม่เห็นด้วยกับการลดอัตราดอกเบี้ยของ BOE

ค่าเงินปอนด์ทรงตัวในวันศุกร์ หลังจากที่สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า นายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ กำลังกลายเป็นตัวเต็งที่จะได้รับตำแหน่งประธานธนาคารกลางจากทีมของทรัมป์

2025-08-08
สหรัฐฯ ตั้งภาษีทองคำแท่ง 1 กิโลกรัม กระทบตลาดทองคำโลก-สวิตเซอร์แลนด์หนัก

สหรัฐฯ ตั้งภาษีทองคำแท่ง 1 กิโลกรัม กระทบตลาดทองคำโลก-สวิตเซอร์แลนด์หนัก

สหรัฐฯ ตั้งภาษีทองคำแท่ง 1 กิโลกรัม กระทบตลาดทองคำโลกและศูนย์กลั่นทองคำสวิตเซอร์แลนด์ ส่อดันราคาทองคำครึ่งหลังปี 2025 พุ่งแรง

2025-08-08