ธนาคารกลางญี่ปุ่นปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูงสุดในรอบ 30 ปี ทว่าเงินเยนกลับอ่อนค่าลง
简体中文 繁體中文 English 한국어 日本語 Español Bahasa Indonesia Tiếng Việt Português Монгол العربية हिन्दी Русский ئۇيغۇر تىلى

ธนาคารกลางญี่ปุ่นปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูงสุดในรอบ 30 ปี ทว่าเงินเยนกลับอ่อนค่าลง

ผู้เขียน: Rylan Chase

เผยแพร่เมื่อ: 2025-12-19

ธนาคารกลางของญี่ปุ่นได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายมาสู่ระดับที่เมื่อไม่กี่ปีก่อนอาจฟังดูแทบเป็นไปไม่ได้ โดยธนาคารกลางญี่ปุ่นปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ราว 0.75% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 1995


ตามหลักทฤษฎีแล้ว อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นควรช่วยหนุนค่าเงินให้แข็งค่าขึ้น อย่างไรก็ตาม การเคลื่อนไหวของเงินเยนหลังการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งนี้กลับไม่เป็นไปตามที่หลายฝ่ายคาดหวัง แทนที่เงินเยนจะแข็งค่า เงินเยนกลับอ่อนค่าลง โดยอ่อนค่ามากกว่า 0.3% มาอยู่ที่บริเวณประมาณ 156.08 เยนต่อดอลลาร์สหรัฐ


การตอบสนองของตลาดในทันทีสะท้อนให้เห็นว่า นักลงทุนมองการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งนี้ว่าเป็นสิ่งที่ตลาดรับรู้และคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้ว อีกทั้งน้ำเสียงและทิศทางนโยบายของธนาคารกลางญี่ปุ่นยังไม่เข้มงวดมากพอที่จะลดช่องว่างอัตราดอกเบี้ยระหว่างญี่ปุ่นกับประเทศเศรษฐกิจหลักอื่น ๆ ได้อย่างชัดเจน


ธนาคารกลางญี่ปุ่นประกาศอะไรในการประชุมวันนี้?

การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางญี่ปุ่น

การตัดสินใจด้านอัตราดอกเบี้ย

  • อัตราดอกเบี้ยนโยบายปรับขึ้น : 0.75% จากเดิม 0.5%

  • มติการประชุม : เป็นเอกฉันท์ ซึ่งมีความสำคัญอย่างมาก เพราะสะท้อนถึงความเป็นเอกภาพภายในคณะกรรมการ ในช่วงจุดเปลี่ยนนโยบายที่สำคัญ

  • เหตุใดจึงถือเป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ : ระดับอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวเป็นระดับสูงสุดในรอบเกือบ 30 ปี นับตั้งแต่ปี 1995


บริบทโดยรอบ

  • อัตราเงินเฟ้อ : อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานของญี่ปุ่นอยู่เหนือเป้าหมาย 2% มาเป็นระยะเวลาหนึ่ง โดยดัชนี CPI พื้นฐานรายงานล่าสุดอยู่ที่ราว 3% ในเดือนพฤศจิกายน

  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตร : อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นอายุ 10 ปี ปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยอยู่แถวระดับ 2% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 18 ปี


ปัจจัยเหล่านี้คือเหตุผลว่าทำไมการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งนี้จึงมีความสำคัญ แม้ว่าระดับอัตราดอกเบี้ยยังดูต่ำเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ เพราะธนาคารกลางญี่ปุ่นไม่ได้คงนโยบายการเงินในภาวะฉุกเฉินอีกต่อไป และนั่นหมายถึง “ต้นทุนของเงิน” ในระบบเศรษฐกิจญี่ปุ่นกำลังเปลี่ยนแปลงไป


สารนโยบายที่นักเทรดรับรู้จากการประชุม

ธนาคารกลางญี่ปุ่นยังคงแสดงจุดยืนอย่างมั่นใจว่าเงินเฟ้อสามารถทรงตัวใกล้เป้าหมายได้อย่างยั่งยืน โดยได้รับแรงสนับสนุนจากการปรับขึ้นของค่าจ้าง พร้อมกันนั้นก็ส่งสัญญาณว่า อาจมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม หากเงื่อนไขทางเศรษฐกิจยังเอื้ออำนวย


การผสมผสานของสัญญาณเหล่านี้เองที่ทำให้ตลาดหันไปให้ความสำคัญกับน้ำเสียง (tone) และแนวโน้มล่วงหน้า (forward guidance) ของผู้ว่าการอุเอดะ มากกว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียงอย่างเดียว


ปฏิกิริยาของตลาดในทันทีหลังธนาคารกลางญี่ปุ่นปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

1) USD/JPY

USD/JPY

เงินเยนไม่ได้แข็งค่าขึ้นตามพาดหัวข่าวการปรับขึ้นดอกเบี้ย แต่กลับอ่อนค่าลงหลังการประกาศ โดยอ่อนค่ามากกว่า 0.3% มาอยู่ที่ระดับประมาณ 156.08 เยนต่อดอลลาร์สหรัฐ


นี่ถือเป็นปฏิกิริยาคลาสสิกของตลาดในกรณีที่

  • การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นสิ่งที่ตลาดคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้ว

  • ถ้อยแถลงนโยบายไม่ได้สะท้อนความเร่งด่วนหรือเข้มงวดมากนัก

  • ตลาดยังคงเชื่อว่า ช่องว่างอัตราดอกเบี้ยระหว่างญี่ปุ่นกับสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในระดับสูง


นอกจากนี้ ตลาดอาจตีความการตัดสินใจครั้งนี้ว่าเป็นลักษณะผ่อนคลาย (Dovish) ส่งผลให้เกิดความผันผวนในระยะสั้น และอาจกดดันให้เงินเยนอ่อนค่าลงในช่วงแรก


2) อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่น (JGB Yields)

การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางญี่ปุ่น

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นอายุ 10 ปี กำลังขยับเข้าใกล้ระดับ 2% ซึ่งเป็นระดับที่นักลงทุนให้ความสำคัญอย่างมาก เนื่องจากมีผลต่อต้นทุนการป้องกันความเสี่ยง (hedging costs) มุมมองด้านวินัยการคลัง และความเชื่อมั่นต่อความเสี่ยงภายในประเทศ


ในความเป็นจริง หลังการประกาศนโยบาย อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นอายุ 10 ปี ได้ปรับขึ้นทะลุระดับสูงสุดในรอบ 18 ปี ที่ราว 1.98% อย่างชัดเจน


ทำไมเงินเยนจึงอ่อนค่า แม้ธนาคารกลางญี่ปุ่นจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย?

การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางญี่ปุ่น

1) การปรับขึ้นดอกเบี้ยถูก “สะท้อนในราคา” ไปแล้ว

ตลาดไม่ได้เคลื่อนไหวตามพาดหัวข่าว แต่เคลื่อนไหวจากช่องว่างระหว่างสิ่งที่คาดหวัง กับสิ่งที่เกิดขึ้นจริง โดยก่อนการประชุม ตลาดได้คาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.75% ไว้แล้วอย่างกว้างขวาง


เมื่อการตัดสินใจถูกประกาศออกมา นักลงทุนจึงมองว่าการขยับขึ้นสู่ระดับดังกล่าวเป็นสิ่งที่แน่นอนอยู่ก่อนแล้ว ทำให้ตลาดไม่ตอบสนองในเชิงบวกเพิ่มเติม


2) “ขึ้นดอกเบี้ยแบบผ่อนคลาย” ก็ยังถือว่าผ่อนคลาย

หลังการตัดสินใจ เงินเยนยังคงอ่อนค่าต่อเมื่อเทียบกับดอลลาร์ สะท้อนว่าตลาดมองการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งนี้เป็นการดำเนินนโยบายอย่างระมัดระวัง มากกว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของวัฏจักรการเข้มงวดทางการเงินอย่างจริงจัง


ความเห็นจากตลาดจำนวนมากสะท้อนในทิศทางเดียวกันว่า หากเจ้าหน้าที่ส่งสัญญาณว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งถัดไปยังอยู่ “อีกไกล” ตลาดก็สามารถตีความการปรับขึ้นครั้งนี้ในเชิงผ่อนคลายได้


นักกลยุทธ์ของ J.P. Morgan ระบุว่า พวกเขาไม่ได้คาดหวังว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งนี้จะกระตุ้นให้เงินเยนแข็งค่า เนื่องจากสารนโยบายมีแนวโน้มจะชี้ว่าการขยับครั้งต่อไปยังไม่เกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้


3) ความเสี่ยงด้านการคลังยังคงเป็นปัญหาของเงินเยน

แม้อัตราดอกเบี้ยจะปรับสูงขึ้น นักลงทุนยังคงให้ความสำคัญกับสถานะทางการคลังของญี่ปุ่น โดยหนี้สาธารณะของญี่ปุ่นอยู่ที่ประมาณ 250% ของ GDP และงบประมาณเสริมขนาดใหญ่จำนวนมากยังต้องพึ่งพาการออกหนี้ใหม่เป็นหลัก


สถานการณ์ดังกล่าวยังคงกดดันทั้งตลาดพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่น (JGB) และค่าเงินเยนอย่างต่อเนื่อง


ประเด็นนี้มีความสำคัญ เพราะตลาดค่าเงินไม่ได้ซื้อขายเฉพาะ “อัตราดอกเบี้ย” เพียงอย่างเดียว แต่พิจารณาทั้งแพ็กเกจ ได้แก่ ความน่าเชื่อถือนโยบาย ความเสี่ยงเงินเฟ้อ และความสามารถของรัฐบาลในการจัดหาเงินทุนโดยไม่สร้างความปั่นป่วนให้กับตลาดพันธบัตร


สิ่งที่การตัดสินใจของธนาคารกลางญี่ปุ่นในวันนี้เปลี่ยนไป สำหรับนักเทรดในปี 2026

1) กลยุทธ์ Carry Trade สบายตัวน้อยลง แต่ยังไม่จบ

แม้อัตราดอกเบี้ยของญี่ปุ่นจะปรับสูงขึ้น แต่เงินเยนยังสามารถอ่อนค่าได้ หากช่องว่างอัตราดอกเบี้ยเมื่อเทียบกับสหรัฐฯ ยังคงกว้าง และบรรยากาศการรับความเสี่ยงของตลาดยังแข็งแกร่ง


ในอดีต อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำของญี่ปุ่นเป็นแรงสนับสนุนสำคัญต่อกลยุทธ์ Carry Trade และการปรับขึ้นดอกเบี้ยของญี่ปุ่นอาจค่อย ๆ ลดแรงจูงใจดังกล่าวลงในระยะยาว


คำสำคัญคือ “ระยะยาว” เพราะการปรับขึ้นดอกเบี้ยเพียง 25 จุดพื้นฐาน ไม่สามารถลบล้างสถานะการลงทุนที่สะสมมาหลายปีได้ในทันที


2) อัตราผลตอบแทนญี่ปุ่นปรับขึ้น แต่ธนาคารกลางต้องหลีกเลี่ยงแรงกระแทกในตลาดพันธบัตร

เหตุผลหนึ่งที่ธนาคารกลางญี่ปุ่นไม่สามารถส่งสัญญาณเข้มงวดเกินไปได้ คืออัตราผลตอบแทนที่สูงขึ้นจะส่งผลโดยตรงต่อต้นทุนการกู้ยืมของรัฐบาล


ตลาดพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นยังคงเปราะบาง โดยอัตราผลตอบแทนระยะยาวเคลื่อนไหวใกล้ระดับสูงสุด ขณะที่ผู้กำหนดนโยบายต้องเผชิญแรงกดดันพร้อมกันจากการเมือง ตลาดพันธบัตร และค่าเงิน


ภาวะการทรงดุลนี้เองที่ทำให้เงินเยนเผชิญแรงกดดันต่อเนื่อง เพราะแม้ธนาคารกลางญี่ปุ่นต้องการเงินเยนที่แข็งค่าขึ้นเพื่อลดเงินเฟ้อนำเข้า แต่ก็ไม่สามารถกระตุ้นให้เกิดการเทขายพันธบัตร JGB อย่างไร้ระเบียบได้


3) เงินเฟ้ออยู่เหนือเป้าหมาย แต่ดอกเบี้ยที่แท้จริงยังอาจติดลบ

เงินเฟ้อของญี่ปุ่นยังคงอยู่เหนือเป้าหมาย 2% ของธนาคารกลางญี่ปุ่นมาเป็นระยะเวลานาน โดยเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 3.0% ในเดือนพฤศจิกายน


แม้จะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยแล้ว หากอัตราเงินเฟ้อยังคงสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบาย อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง (Real Rate) ก็ยังคงติดลบอยู่ ซึ่งทำให้ภาวะการเงินยังผ่อนคลายมากกว่าที่ตัวเลขดอกเบี้ยพาดหัวข่าวสะท้อนออกมา และจำกัดแรงสนับสนุนต่อค่าเงินเยน


การวิเคราะห์ทางเทคนิค USD/JPY

หลังการประกาศอัตราดอกเบี้ย USD/JPY เคลื่อนไหวอยู่บริเวณประมาณ 155–156 เยนต่อดอลลาร์สหรัฐ


อินดิเคเตอร์ทางเทคนิค USD/JPY

อินดิเคเตอร์ ค่า สัญญาณ / การตีความ
RSI (14) 68.729 ซื้อ
Stochastic (9,6) 50.487 เป็นกลาง
StochRSI (14) 100 ซื้อมากเกินไป (Overbought)
MACD (12,26) 0.08 ซื้อ
ADX (14) 25.329 ซื้อ
Williams %R −13.75 ซื้อมากเกินไป (Overbought)
CCI (14) 216.8551 ซื้อมากเกินไป (Overbought)
ATR (14) 0.1936 ความผันผวนต่ำ
Highs/Lows (14) 0.3107 ซื้อ
Ultimate Oscillator 65.569 ซื้อ
Rate of Change (ROC) 0.367 ซื้อ
Bull/Bear Power (13) 0.296 ซื้อ


โมเมนตัมโดยรวมยังคงเอียงขึ้น แต่ตลาดเริ่มตึงตัวในระยะสั้น ภาวะซื้อมากเกินไปไม่ได้หมายความว่าราคาจะต้องปรับตัวลงทันที อย่างไรก็ตาม การไล่ราคาขึ้น (chasing strength) จะมีความเสี่ยงมากขึ้น เว้นแต่ราคาจะยังสามารถทำจุดสูงสุดใหม่ (higher highs) ได้อย่างต่อเนื่อง


ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่

ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ ค่า
SMA (5) 155.39 เยน
SMA (10) 155.69 เยน
SMA (21) 155.70 เยน
SMA (50) 154.64 เยน
SMA (200) 148.43 เยน
EMA (12) 155.55 เยน
EMA (26) 155.38 เยน
เส้นฐาน Ichimoku (9/26/52) 156.12 เยน


USD/JPY ซื้อขายอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันอย่างมาก สะท้อนว่าแนวโน้มใหญ่เป็นภาวะเงินเยนอ่อนค่ามาเป็นเวลานาน ขณะที่เส้นค่าเฉลี่ยระยะสั้นกระจุกตัวอยู่แถว 155–156 เยน ซึ่งมักนำไปสู่การแกว่งตัวผันผวนในกรอบ จนกว่าจะมีปัจจัยใหม่เข้ามาทำให้ราคาหลุดกรอบดังกล่าว


ระดับสำคัญของ USD/JPY ที่นักเทรดจับตา

ประเภทระดับ โซน ทำไมเรื่องนี้ถึงสำคัญ
แนวต้าน 156.00-156.20 เยน โซนที่ถูกทดสอบซ้ำ และอยู่ใกล้เส้นฐาน
แนวต้าน 156.50 เยน ระดับจิตวิทยาถัดไป หากทะลุ ¥156 ได้ (ระยะสั้น)
แนวรับ 155.00 เยน ระดับตัวเลขกลมสำคัญที่ตลาดให้ความสนใจ
แนวรับ 154.70 เยน-154.80 เยน โซนที่ราคามักมีแรงตอบสนองก่อนดีดกลับ
แนวรับ 153.00 เยน แนวรับลึกที่ถูกกล่าวถึงเป็นระดับ “หลุดกรอบ”


โดยสรุป หาก USD/JPY ยังคงยืนเหนือ ¥155 และขยับเข้าใกล้ ¥156 ภาพตลาดยังสะท้อนถึงความอ่อนค่าของเงินเยนต่อเนื่อง แต่หากราคาหลุดต่ำกว่าช่วง กลาง ¥154 และไม่สามารถกลับขึ้นมายืนได้ โทนตลาดอาจเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว


นักเทรดและนักลงทุนควรจับตาอะไรต่อจากนี้?

1) จังหวะการดำเนินนโยบายของธนาคารกลางญี่ปุ่นนับจากนี้

การปรับขึ้นดอกเบี้ยเพียงครั้งเดียวเป็นเรื่องหนึ่ง แต่หากเป็นการปรับขึ้นต่อเนื่องเป็นชุด นั่นคืออีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งจะส่งผลต่อการประเมินทิศทางเงินเยนอย่างมีนัยสำคัญ


2) ตลาดพันธบัตรของญี่ปุ่น

การปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวกลายเป็นจุดกดดันสำคัญที่ตลาดต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด


3) ความเสี่ยงด้านการแทรกแซงค่าเงิน

เมื่อเงินเยนอ่อนค่าเร็วและมากเกินไป เจ้าหน้าที่มักเริ่มส่งสัญญาณด้วยถ้อยแถลงที่เข้มงวดขึ้น ซึ่งประเด็นนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากเงินเยนเคลื่อนไหวอยู่ใกล้ระดับที่อ่อนไหวต่อการแทรกแซงของภาครัฐ


4) ทิศทางอัตราดอกเบี้ยทั่วโลก

เส้นทางของเงินเยนยังขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของธนาคารกลางประเทศอื่น ๆ ด้วย เพราะเงินเยนมักเผชิญแรงกดดันเมื่ออัตราผลตอบแทนทั่วโลกยังคงน่าสนใจในตลาดอื่น


คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

1. ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางญี่ปุ่นอยู่ที่เท่าไร?

ธนาคารกลางญี่ปุ่นปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สู่ระดับ 0.75% เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2025 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 1995


2. เหตุใดเงินเยนจึงอ่อนค่าหลังธนาคารกลางญี่ปุ่นปรับขึ้นดอกเบี้ย?

เนื่องจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยเป็นสิ่งที่ตลาดคาดการณ์ไว้แล้ว และตลาดให้ความสำคัญกับแนวทางนโยบายในอนาคตมากกว่าพาดหัวข่าว


3. อัตราเงินเฟ้อของญี่ปุ่นในปัจจุบันอยู่ที่เท่าไร?

เงินเฟ้อผู้บริโภคพื้นฐานของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 3.0% เมื่อเทียบรายปี ในเดือนพฤศจิกายน 2025 ซึ่งยังคงสูงกว่าเป้าหมาย 2% ของธนาคารกลางญี่ปุ่น


4. การขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางญี่ปุ่นจะยุติ Carry Trade หรือไม่?

ยังไม่ทันที การปรับขึ้นดอกเบี้ยจะค่อย ๆ ลดแรงจูงใจของ Carry Trade ในระยะยาว แต่กลยุทธ์นี้ยังขึ้นอยู่กับช่องว่างอัตราผลตอบแทนโดยรวมและระดับการรับความเสี่ยงของตลาด


บทสรุป

โดยสรุป การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางญี่ปุ่นสู่ระดับ 0.75% ในวันนี้ถือเป็นเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ แต่คำตัดสินแรกจากตลาดกลับชัดเจนและตรงไปตรงมา คือ เงินเยนอ่อนค่า ไม่ได้แข็งค่า นั่นสะท้อนว่าตลาดยังมองว่าญี่ปุ่นกำลังเข้มงวดทางการเงินอย่างค่อยเป็นค่อยไปเกินไปที่จะเปลี่ยนโครงสร้างการเก็งกำไรจากช่องว่างอัตราดอกเบี้ยโลกได้อย่างมีนัยสำคัญ อย่างน้อยในระยะสั้น


สำหรับนักเทรด บทเรียนสำคัญคือ อย่าเทรดตามพาดหัวข่าว แต่ให้เทรดตามสารนโยบายและระดับราคา หาก USD/JPY ยังไม่หลุดต่ำกว่า ¥155 ตลาดยังคงสบายใจกับการถือสถานะขายเงินเยน แต่หากราคาหลุดและยืนต่ำกว่าได้อย่างชัดเจน นั่นอาจเป็นสัญญาณว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่นเริ่มเปลี่ยนความคาดหวังของตลาดได้ในแบบที่ “มีความหมายจริง ๆ”


ข้อสงวนสิทธิ์: เนื้อหานี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนาให้เป็น (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรนำไปใช้เป็นหลักในการตัดสินใจ ความเห็นใดๆ ที่ปรากฏในเนื้อหานี้ไม่ได้เป็นการแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่าการลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือกลยุทธ์การลงทุนใดๆ เหมาะสมสำหรับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ

บทความแนะนำ
เงินเยนจะกลับมาแข็งค่าจากจุดต่ำสุดในปี 2025 แล้วหรือยัง? ปัจจัยสำคัญที่ต้องจับตาในคู่เงิน USD/JPY
จับตาเศรษฐกิจญี่ปุ่น: สัญญาณเงินเฟ้อ การบริโภค และตลาดแรงงานล่าสุด
10 คู่เงิน Forex ที่ควรจับตามองในเดือนนี้ และเหตุใดจึงสำคัญ
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรญี่ปุ่น 20 ปีพุ่งแตะระดับสูงสุดรอบปี 1999 นักลงทุนควรอ่านอะไรจากสัญญาณนี้?
ดอลลาร์สหรัฐวันนี้เผชิญแรงขาย หลังเฟดลดดอกเบี้ย ดัน DXY ร่วงต่อเนื่อง