เผยแพร่เมื่อ: 2025-11-21

ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือที่มักเรียกสั้นๆ ว่า "เฟด" คือธนาคารกลางของสหรัฐอเมริกา และเป็นหนึ่งในสถาบันการเงินที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก
เฟดไม่ได้ทำหน้าที่เหมือนธนาคารพาณิชย์ทั่วไป หรือเป็นเพียงหน่วยงานภาครัฐ แต่ทำงานในฐานะสถาบันสาธารณะที่มีความเป็นอิสระ มีพันธกิจสำคัญในการรักษาเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจ ดูแลให้ระบบการเงินทำงานได้อย่างราบรื่น และปกป้องประชาชนจากความปั่นป่วนทางเศรษฐกิจรุนแรง
แก่นหลักของเฟดคือการบริหารจัดการ “เงิน สินเชื่อ และความเชื่อมั่น”
เงิน (Money) คือสกุลเงินที่หมุนเวียนในเศรษฐกิจ สิสินเชื่อ (Credit) คือความสามารถในการกู้ยืมและลงทุนของประชาชน ภาคธุรกิจ และภาครัฐ และความเชื่อมั่น (Confidence) คือความไว้วางใจของสาธารณชนว่าระบบการเงินจะยังคงมั่นคงและปลอดภัย
เมื่อเฟดบริหารทั้งสามองค์ประกอบนี้อย่างสมดุล ก็จะช่วยให้เศรษฐกิจเดินหน้าต่อไปได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน
ระบบธนาคารกลางสหรัฐฯ ประกอบด้วย 3 ส่วนสำคัญ ได้แก่
1. คณะกรรมการผู้ว่าการ (Board of Governors): ตั้งอยู่ที่กรุงวอชิงตัน ดีซี มีสมาชิก 7 คน ได้รับการแต่งตั้งจากประธานาธิบดีและให้วุฒิสภารับรอง ทำหน้าที่กำหนดนโยบายการเงินและกำกับดูแลระบบเฟดทั้งหมด
2. ธนาคารกลางเขต 12 แห่ง (12 Regional Federal Reserve Banks): ตั้งอยู่ในเมืองสำคัญทั่วสหรัฐฯ รับหน้าที่ดำเนินนโยบายในระดับภูมิภาค ตรวจสอบสถาบันการเงินในพื้นที่ และเป็นสะพานเชื่อมโยงระหว่างนโยบายระดับชาติและสภาพเศรษฐกิจจริงในท้องถิ่น
3. คณะกรรมการนโยบายการเงิน (Federal Open Market Committee: FOMC): ทำหน้าที่กำกับการดำเนินนโยบายผ่านการซื้อขายพันธบัตรในตลาดเปิด ซึ่งเป็นเครื่องมือหลักในการควบคุมดอกเบี้ยและปริมาณเงิน ประกอบด้วยคณะกรรมการผู้ว่าการทั้งหมด และประธานเฟดเขต 5 แห่งที่หมุนเวียนกันร่วมประชุม
เฟดสามารถทำให้การกู้ยืมถูกลงหรือแพงขึ้นได้ผ่านการปรับอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น เมื่อเศรษฐกิจชะลอตัว ธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจลดอัตราดอกเบี้ยลงเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายและการลงทุน ในทางกลับกัน ธนาคารกลางอาจขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อเมื่อเศรษฐกิจร้อนแรงเกินไป
ติดตามความเสี่ยงในระบบสถาบันการเงิน เพื่อป้องกันการล้มละลายลุกลาม เฟดมีอำนาจปล่อยกู้ฉุกเฉินในภาวะวิกฤต เช่น ปี 2008 และ 2020 เพื่อหยุดความตื่นตระหนกในตลาด
เฟดเป็นผู้จัดพิมพ์ธนบัตรดอลลาร์สหรัฐ (Federal Reserve Notes) เพื่อให้มีปริมาณเงินเพียงพอกับการทำธุรกรรมในเศรษฐกิจ
ตรวจสอบและควบคุมสถาบันการเงินให้ดำเนินงานอย่างปลอดภัย และปฏิบัติตามกฎหมาย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในระบบธนาคาร
ในช่วงที่ตลาดขาดสภาพคล่อง เฟดสามารถอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเพื่อหยุดการล้มต่อเนื่อง บทบาทนี้เห็นได้เด่นชัดช่วงวิกฤตการเงินโลก 2008 และการระบาดของโควิด-19
การดำเนินนโยบายของเฟดส่งผลต่อแทบทุกมิติของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็นอัตราดอกเบี้ย ค่าผ่อนบ้าน สินเชื่อธุรกิจ เงินเฟ้อ การจ้างงาน ไปจนถึงความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตร ล้วนได้รับอิทธิพลจากการตัดสินใจของเฟด
เมื่อราคาสินค้าและบริการปรับตัวขึ้นเร็วเกินไป เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยเพื่อลดการกู้ยืมและการใช้จ่าย ซึ่งช่วยชะลอเงินเฟ้อและรักษาอำนาจซื้อของเงิน ในทางกลับกัน เมื่อเงินเฟ้อผ่อนคลาย เฟดจะสามารถผ่อนนโยบายเพื่อพยุงการเติบโตและป้องกันเศรษฐกิจชะลอตัวเกินไป
อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นทำให้ต้นทุนการกู้ยืมของธุรกิจแพงขึ้น ส่งผลให้การจ้างงานและการขยายธุรกิจช้าลง แต่เมื่อดอกเบี้ยลดลง การกู้ยืมจะง่ายขึ้น กระตุ้นให้ภาคธุรกิจลงทุนมากขึ้นและจ้างพนักงานเพิ่ม ส่งผลดีต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ
แม้คุณจะไม่ได้ติดตามการประชุมเฟดโดยตรง แต่การตัดสินใจของเฟดมีผลกับการเงินของคุณทุกวัน ทั้งอัตราดอกเบี้ยบ้าน บัตรเครดิต สินเชื่อรถยนต์ ผลตอบแทนเงินฝาก และการลงทุน ล้วนตอบสนองต่อนโยบายเฟด และกำหนดว่าคุณต้องจ่ายเท่าไร ได้ผลตอบแทนเท่าไร และเงินของคุณเติบโตอย่างไร
เฟดอาจไม่ได้กำหนดนโยบายการคลังโดยตรง เช่น ภาษีหรือการใช้จ่ายของรัฐบาล (เป็นหน้าที่ของสภาคองเกรสและกระทรวงการคลัง) แต่การบริหารสภาพคล่องและสินเชื่อของเฟดมีบทบาทสำคัญในการกำหนดภาพรวมของเศรษฐกิจในวงกว้าง
ไม่ใช่ เฟดเป็นสถาบันสาธารณะที่มีความเป็นอิสระ ดำเนินงานแยกจากกระทรวงการคลัง แต่ทำงานประสานกับรัฐบาลเพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ
เฟดใช้นโยบายการเงินในการปรับอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น และดำเนินการซื้อขายพันธบัตรในตลาดเปิด เพื่อทำให้การกู้ยืมถูกลงหรือแพงขึ้นตามความจำเป็น ในการกระตุ้นหรือควบคุมเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ
เฟดกำกับดูแลสถาบันการเงินและสามารถปล่อยกู้ฉุกเฉินในช่วงวิกฤต เพื่อลดโอกาสเกิดการล้มละลายต่อเนื่อง แต่ไม่สามารถกำจัดความเสี่ยงทางการเงินได้ทั้งหมด
กล่าวง่าย ๆ เฟดคือสถาบันที่ช่วยรักษาสมดุลของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ดูแลให้ระบบสินเชื่อหมุนเวียนได้ ธนาคารมีเสถียรภาพ และประชาชนยังเชื่อมั่นในระบบการเงิน
เมื่อเข้าใจการทำงานของเฟด ทั้งประชาชนและธุรกิจจะมีมุมมองที่ชัดเจนขึ้นเกี่ยวกับกลไกที่กำหนดการเติบโต เงินเฟ้อ และเสถียรภาพของหนึ่งในเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ข้อสงวนสิทธิ์: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนา (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ได้เป็นคำแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ