เผยแพร่เมื่อ: 2025-11-20
เมื่อคืนนี้ ผู้ผลิตชิปยักษ์ใหญ่จากสหรัฐฯ รายงานผลประกอบการเติบโตแข็งแกร่งต่อเนื่อง พร้อมแนวโน้มธุรกิจที่ยังสดใส ช่วยคลายความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงการชะลอตัวของวัฏจักรลงทุนด้าน AI ทั่วโลกในระยะสั้น
ฝั่งเอเชียตอบรับอย่างรวดเร็วและชัดเจน
ตลาดหุ้นเอเชียเปิดบวก หลังการประกาศงบที่เน้นธุรกิจ AI ของ Nvidia ทำให้นักลงทุนหันกลับมาประเมินความเสี่ยงในกลุ่มเทคโนโลยีและเซมิคอนดักเตอร์ของภูมิภาคอีกครั้ง
ตลาดที่มีความเชื่อมโยงโดยตรงกับห่วงโซ่อุปทานของ Nvidia ปรับตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จากการไหลกลับของเงินทุนสู่หุ้นเทคโนโลยีคุณภาพสูง ขณะที่นักลงทุนยังคงระมัดระวังต่อประเทศที่ยังเผชิญแรงกดดันด้านเศรษฐกิจภายในและนโยบายการคลัง

Nvidia รายงานรายได้ไตรมาสสามปีงบประมาณล่าสุดทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ประมาณ 57,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นกว่า 60% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยมีรายได้จากธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์เพียงอย่างเดียวราว 51,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
บริษัทคาดการณ์รายได้ในไตรมาสถัดไปอยู่ที่ราว 65,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดประเมินไว้ก่อนหน้าอย่างสบาย ๆ[1]
ผู้บริหารยังระบุว่าความต้องการแพลตฟอร์ม AI รุ่น Blackwell นั้น “พุ่งแรงเกินคาด” พร้อมชี้ว่าซัพพลาย GPU ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการจากผู้ให้บริการคลาวด์และบริษัท AI รายใหญ่
แนวโน้มดังกล่าวสวนทางกับความกังวลก่อนหน้าเกี่ยวกับการชะลอตัวของเม็ดเงินลงทุน AI และสะท้อนว่าตลาดยังอยู่ในช่วงเร่งขยายกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง
หลังการประกาศผลประกอบการ ราคาหุ้น Nvidia ในการซื้อขายนอกเวลาพุ่งขึ้นราว 5% เพิ่มมูลค่าบริษัทขึ้นหลายแสนล้านดอลลาร์ภายในคืนเดียว
แรงซื้อดังกล่าวยังช่วยหนุนความเชื่อมั่นในสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก ดันดัชนีฟิวเจอร์สและหุ้นกลุ่ม AI ให้ฟื้นตัวตั้งแต่ก่อนตลาดเอเชียเปิดทำการ
Nvidia เผยผลประกอบการในช่วงบ่ายวันพุธตามเวลาสหรัฐฯ พร้อมบทวิเคราะห์ตัวเลขเผยแพร่ก่อนการประชุมสรุปผลประกอบการในวันเดียวกัน
เมื่อถึงเวลาเปิดตลาดเช้าวันพฤหัสบดีในโตเกียวและโซล นักลงทุนก็ได้ประเมินตัวเลข ผลประกอบการ และประเด็นสำคัญเกี่ยวกับ AI จนครบถ้วนแล้ว
ดัชนีฟิวเจอร์สสะท้อนแรงส่งดังกล่าวอย่างชัดเจน สัญญาฟิวเจอร์สที่อ้างอิงดัชนีหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นราว 1–2% ขณะที่ดัชนีอ้างอิงเอเชียแปซิฟิก (ไม่รวมญี่ปุ่น) ดีดขึ้นประมาณ 0.6–1.2% ตั้งแต่ช่วงเปิดตลาด หลังหลุดจากระดับต่ำสุดในรอบไม่กี่วัน
สารที่ตลาดส่งออกมานั้นชัดเจน: ตราบใดที่เครื่องยนต์ AI ของ Nvidia ยังเดินหน้าเต็มกำลัง เทรดหุ้นเทคทั่วโลกก็ยังมีพื้นที่ให้ไปต่อ

ญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในตลาดที่ตอบสนองอย่างชัดเจนที่สุด โดยดัชนี Nikkei 225 กระโดดขึ้นระหว่างวันสูงสุดราว 4.2% ทวงคืนระดับ 50,000 จุด หลังจากถูกแรงขายในหุ้นเทคโนโลยีกดดันอย่างหนักก่อนหน้านี้
หุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์และบริษัทที่เกี่ยวข้องกับ AI เป็นแรงขับเคลื่อนหลัก ผู้ผลิตอุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่และกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทานของ Nvidia ปรับตัวขึ้นราว 4%–9% สะท้อนบทบาทสำคัญของญี่ปุ่นในโครงสร้างพื้นฐาน AI ระดับโลก
สำหรับญี่ปุ่น การดีดตัวครั้งนี้ยังมีมิติด้านจิตวิทยาตลาด ตลาดที่เคยเป็นศูนย์กลางความกังวลต่อต้นทุนประเมินมูลค่าหุ้น AI ได้รับหลักฐานใหม่ที่ตอกย้ำว่าผลประกอบการยังคงรองรับธีมการเติบโต ช่วยฟื้นความเชื่อมั่นในแนวโน้มกระทิงที่ขับเคลื่อนด้วยหุ้นเทคโนโลยี

ดัชนี Kospi ของเกาหลีใต้ปรับตัวเพิ่มขึ้นราว 3.3% หลังนักลงทุนหมุนเงินกลับเข้าสู่หุ้นเซมิคอนดักเตอร์ขนาดใหญ่
หุ้นผู้ผลิตชิปเมมโมรีและโรงหล่อชิปรายสำคัญดีดขึ้นประมาณ 4%–5% พลิกฟื้นจากแรงขายช่วงต้นสัปดาห์ ที่นักลงทุนกังวลความเสี่ยงการชะลอตัวของการใช้จ่ายด้าน AI
และเนื่องจากผลการดำเนินงานของตลาดหุ้นเกาหลีใต้ผูกกับวัฏจักรชิปโลกอย่างใกล้ชิด ผลประกอบการที่แข็งแกร่งของ Nvidia ไม่เพียงดันราคาหุ้นขึ้นในวันเดียว แต่ยังช่วยพยุงความคาดหวังเกี่ยวกับคำสั่งซื้อและอำนาจการตั้งราคาของชิปความเร็วสูงและเทคโนโลยีการผลิตขั้นสูง
ในไต้หวัน ดัชนีหุ้นอ้างอิงหลักปรับตัวขึ้นประมาณ 3%–3.5% โดยแรงซื้อเน้นไปที่กลุ่มเซมิคอนดักเตอร์
TSMC ผู้ผลิตชิปรายสำคัญให้กับชิป AI รุ่นล่าสุดของ Nvidia พุ่งขึ้นกว่า 4% ขณะที่ผู้ผลิตชิปแบบไร้โรงงาน (fabless) และบริษัทอุปกรณ์การผลิตชิปอื่น ๆ ก็ขยับขึ้นอย่างแข็งแกร่งเช่นกัน
สำหรับนักลงทุน ความเคลื่อนไหวนี้ตอกย้ำว่าตลาดไต้หวันเชื่อมโยงกับวัฏจักรการลงทุนด้าน AI ของโลกอย่างแยกไม่ออก
การดีดตัวครั้งนี้ยังเกิดขึ้นหลังจากหลายวันที่นักลงทุนลดความเสี่ยงเพื่อรับมือกับความเป็นไปได้ที่ผลประกอบการ Nvidia อาจไม่สดใส และเมื่อสถานการณ์ดังกล่าวไม่เกิดขึ้น การเก็งกำไรระยะสั้นจึงกลับมาหนุนหุ้นชิปที่มีความผันผวนสูง และอ่อนไหวต่อตัวเลขแนวโน้มธุรกิจของ Nvidia
การตอบสนองของตลาดในฝั่งจีนแผ่นดินใหญ่ค่อนข้างซับซ้อน ดัชนีสำคัญ รวมถึงดัชนีบลูชิปรายใหญ่ ปรับขึ้นเพียงประมาณ 0.1% ได้แรงช่วยเล็กน้อยจากหุ้นเทคโนโลยีและกลุ่มอ่อนไหวต่อนโยบายรัฐ
ดัชนีหลักของฮ่องกงเคลื่อนไหวทรงตัวถึงติดลบเล็กน้อยระหว่างวัน แม้ว่าหุ้นเทคและหุ้นเซมิคอนดักเตอร์บางตัวจะฟื้นตัวขึ้นก็ตาม เนื่องจากความกังวลต่อเศรษฐกิจในประเทศ ภาวะกดดันภาคอสังหาริมทรัพย์ และความไม่แน่นอนด้านกฎระเบียบ ยังคงเป็นตัวฉุดแรงซื้อ
กล่าวอีกนัยหนึ่ง แม้เรื่องราวความต้องการ AI ของ Nvidia จะช่วยหนุนบรรยากาศลงทุน แต่ยังไม่มากพอที่จะเอาชนะแรงต้านเชิงโครงสร้างที่สินทรัพย์จีนยังเผชิญอยู่ ทำให้ตลาดในฝั่งนี้ยังต้องพึ่งพาสัญญาณนโยบายในประเทศมากกว่าปัจจัยบวกจากเทคโนโลยีโลกเพียงอย่างเดียว
ดัชนี Straits Times ของสิงคโปร์ขยับขึ้นประมาณ 0.3% ซึ่งถือเป็นการตอบสนองที่ไม่ร้อนแรงเท่าในตลาดเอเชียเหนือ
โครงสร้างตลาดช่วยอธิบายความแตกต่างนี้ได้ดี เพราะสัดส่วนหุ้นธนาคาร อุตสาหกรรม และ REITs มีน้ำหนักมากกว่า ขณะที่หุ้นเซมิคอนดักเตอร์มีสัดส่วนค่อนข้างน้อย ทำให้ตลาดสิงคโปร์สะท้อนแค่บรรยากาศเสี่ยงทั่วโลก มากกว่าจะได้ประโยชน์ตรงจากห่วงโซ่อุปทาน AI
อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ดาต้าเซ็นเตอร์ และโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลในประเทศยังได้แรงหนุนเล็กน้อยจากการคาดการณ์ว่าความต้องการบริการคลาวด์และงานประมวลผล AI จะยังคงเติบโต โดยมีสิงคโปร์เป็นศูนย์กลางสำคัญ

ในอินเดีย ผลกระทบแรกเห็นได้ชัดในตลาดอนุพันธ์ โดยสัญญา Gift Nifty futures เคลื่อนไหวสูงกว่าราคาปิดก่อนหน้าประมาณ 0.25–0.3% ส่งสัญญาณเปิดตลาดเช้าวันถัดไปในเชิงบวกสำหรับดัชนี Nifty 50 ขานรับการฟื้นตัวของหุ้นเทคทั่วโลก
ดัชนีตลาดหุ้นแบบซื้อขายเงินสด (Cash Market) ปิดบวกแข็งแกร่งมาตั้งแต่วันก่อนหน้าแล้ว จากแรงหนุนของหุ้นไอทีในประเทศและกระแสเงินทุนต่างชาติไหลกลับเข้าตลาด
ดังนั้น ปัจจัยบวกจาก Nvidia ในครั้งนี้จึงทำหน้าที่ “ยืนยันภาพเดิม” มากกว่าจะเป็นตัวเร่งใหม่ โดยช่วยตอกย้ำมุมมองว่าตลาดอินเดียมีความเสี่ยงต่ำกว่าเมื่อเทียบกับตลาดที่พึ่งพา AI สูง เช่น เกาหลีใต้หรือไต้หวัน
ในระยะต่อไป การเชื่อมโยงของอินเดียกับธีม AI จะสะท้อนผ่านความต้องการบริการไอที การย้ายระบบขึ้นคลาวด์ และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล มากกว่าการผลิตชิปขั้นสูงโดยตรง
ทำให้ปฏิกิริยาต่อข่าวนี้ออกมาอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่อย่างไรก็ยังมีความเชื่อมโยงกับทิศทางการลงทุนและแผนขยายกำลังการผลิต AI ของ Nvidia อย่างมีนัยสำคัญ
นอกจากตลาดหลักในเอเชียเหนือ ตลาดหุ้นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และยุโรปบางส่วนก็เคลื่อนไหวในแดนบวกเช่นกัน ทั้งในซิดนีย์ สิงคโปร์ เวลลิงตัน และจาการ์ตา ต่างรายงานการปรับตัวขึ้นตามแรงบวกจาก Nvidia ที่ส่งต่อไปทั่วภูมิภาค
การปรับขึ้นอาจไม่แรงเท่าตลาดชิป เนื่องจากโครงสร้างตลาดที่กระจายตัวมากกว่า และมีการเชื่อมโยงกับวัฏจักรชิป AI โดยตรงน้อยกว่า
ดัชนี ASX 200 ของออสเตรเลียขยับขึ้นราว 1.2% จากบรรยากาศเสี่ยงที่ฟื้นตัวทั่วโลก รวมกับแรงซื้อในกลุ่มเหมืองแร่และธนาคาร สำหรับออสเตรเลีย ผลประกอบการ Nvidia ไม่ได้ส่งผลต่อกำไรบริษัทโดยตรงมากนัก แต่ถือเป็นตัวชี้วัดความคาดหวังต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลก ความต้องการสินค้าโภคภัณฑ์ และความอยากเสี่ยงของนักลงทุนข้ามสินทรัพย์
โดยรวมแล้ว สัญญาณจากตลาดทั่วเอเชียบ่งชี้ว่า ความเสี่ยงในภูมิภาคกลับมามีเสถียรภาพอีกครั้ง หลังนักลงทุนปรับลดความเสี่ยงต่อเนื่องหลายวันก่อน Nvidia เปิดเผยผลประกอบการ
สำหรับนักเทรดเชิงรุก บทสรุปสำคัญคือ รายงานผลประกอบการเพียงครั้งเดียวของบริษัท AI มูลค่าสูงระดับโลก สามารถส่งผลเหมือน “เหตุการณ์มหภาค” ต่อตลาดเอเชียได้ทันที รายได้ทำสถิติสูงสุด แนวโน้มธุรกิจที่แข็งแกร่ง และถ้อยแถลงที่สวนกระแส “ฟองสบู่ AI” ได้รีเซ็ตกลยุทธ์การถือครองสินทรัพย์ในหลายตลาดภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง
อย่างไรก็ตาม ปฏิกิริยาของตลาดไม่ได้เคลื่อนไหวไปในทางเดียวกัน ตลาดที่มีความเชื่อมโยงโดยตรงกับห่วงโซ่อุปทานฮาร์ดแวร์ของ Nvidia ปรับตัวขึ้นแรง ขณะที่ตลาดที่ได้รับอิทธิพลจากปัจจัยเศรษฐกิจและนโยบายในประเทศยังคงระมัดระวัง
ความแตกต่างนี้มีแนวโน้มจะยังคงอยู่ในการเคลื่อนไหวครั้งต่อ ๆ ไปของธีม AI ซึ่งสร้างโอกาสทั้งสำหรับการเทรดดัชนีและกลยุทธ์เปรียบเทียบมูลค่า (relative-value)
ขึ้นอยู่กับว่าภาพรวมการลงทุน AI การขยายโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ และสภาวะเศรษฐกิจโลกยังสนับสนุนแนวโน้มนี้ต่อไปหรือไม่ หากผลประกอบการของบริษัท AI รายอื่นยังแข็งแกร่ง อาจช่วยยืดขาขึ้น แต่หากมีสัญญาณชะลอหรือปรับลดคาดการณ์ รายการเหวี่ยงของตลาดอาจกลับมารุนแรงอีกครั้ง
ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และไต้หวัน อยู่ในแนวหน้า เพราะมีระบบนิเวศเซมิคอนดักเตอร์ผูกกับ Nvidia อย่างใกล้ชิด ขณะที่ออสเตรเลีย สิงคโปร์ และอินเดียได้รับผลกระทบทางอ้อมผ่านบรรยากาศความเสี่ยงและความต้องการบริการ IT
ติดตามอัปเดตจาก Nvidia ข้อมูลการจ้างงานและเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ที่กำหนดทิศทางดอกเบี้ย รวมถึงสัญญาณนโยบายจีน ความเคลื่อนไหวค่าเงินเยนและวอน และแรงขายทำกำไรหลังตลาดดีดแรง
ผลประกอบการไตรมาส 3 ของ Nvidia ตอกย้ำว่าอุปสงค์ชิป AI ยังร้อนแรงมาก รายได้ทำสถิติใหม่และแนวโน้มธุรกิจเชิงรุก หักล้างความกลัวเรื่อง “ฟองสบู่ AI แตกก่อนเวลา”
ตลาดเทคหนักในญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และไต้หวันนำตลาดเอเชียขึ้น ดัชนีเพิ่มราว 3–4% ขณะที่ผู้ผลิตชิปรายใหญ่บวก 4–9%
ฮ่องกงและจีนแผ่นดินใหญ่ฟื้นตัวช้ากว่า เนื่องจากความกังวลโครงสร้างเศรษฐกิจ ภาคอสังหาฯ และกฎระเบียบยังกดดัน
สิงคโปร์ ออสเตรเลีย และอินเดียปรับขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป สะท้อนโครงสร้างตลาดที่หลากหลายและเน้นปัจจัยภายในประเทศมากกว่า
สำหรับนักเทรด กำหนดการประกาศงบของ Nvidia และ Big Tech ได้กลายเป็น “อีเวนต์ความเสี่ยงสูง” ที่ต้องจับตา ไม่ต่างจากประชุมธนาคารกลางหรือประกาศตัวเลขเงินเฟ้อ เพราะมีผลโดยตรงต่อตลาดหุ้นเอเชีย ตลาดค่าเงิน และดัชนีฟิวเจอร์ส
ข้อสงวนสิทธิ์: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนา (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ได้เป็นคำแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ
[1] https://investor.nvidia.com/financial-info/financial-reports/