เผยแพร่เมื่อ: 2025-11-05
ผู้ดูแลสภาพคล่อง (Market Maker) หรือที่เรียกว่า Dealing Desks ทำหน้าที่เสนอราคาซื้อและขายอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การดำเนินการซื้อขายเป็นไปอย่างรวดเร็ว
ผู้ดูแลสภาพคล่อง (Market Maker) คือสถาบันการเงินหรือโบรกเกอร์ที่คอยเสนอราคาสองด้านของสินทรัพย์อยู่ตลอดเวลา ได้แก่:
ราคาเสนอซื้อ (Bid): ราคาที่พวกเขายินดีจะซื้อ
ราคาเสนอขาย (Ask): ราคาที่พวกเขายินดีจะขาย
การทำเช่นนี้ช่วยสร้างสภาพคล่องให้กับตลาด หมายความว่า ไม่ว่าคุณจะต้องการซื้อหรือขาย ก็จะมีคนพร้อมทำธุรกรรมกับคุณเสมอ
พูดง่าย ๆ ก็คือ ผู้ดูแลสภาพคล่องเปรียบเสมือนคนกลางในโลกการเทรด คอยพร้อมซื้อเมื่อมีคนขาย และพร้อมขายเมื่อมีคนซื้อ
ระบบนี้มักถูกเรียกว่า โมเดล B-Book ซึ่งหมายถึงโบรกเกอร์จะยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับออเดอร์ของเทรดเดอร์ เพื่อให้การซื้อขายเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
หากไม่มีผู้ดูแลสภาพคล่อง ตลาดการเงินอาจ “หยุดนิ่ง” ได้ง่าย ราคาอาจกระโดดแรง หรือใช้เวลานานในการจับคู่คำสั่งซื้อขาย เพราะอาจไม่มีฝ่ายใดที่พร้อมจะทำธุรกรรมในขณะนั้น

ผู้ดูแลสภาพคล่อง (Market Maker) คือบริษัทหรือบุคคลที่คอยเสนอทั้งราคา ซื้อ (Bid) และราคา ขาย (Ask) ของสินทรัพย์ใดสินทรัพย์หนึ่งอยู่ตลอดเวลา
ความแตกต่างระหว่างสองราคานี้ เรียกว่า Bid-Ask Spread ซึ่งถือเป็นกำไรของผู้ดูแลสภาพคล่อง และเป็นค่าตอบแทนสำหรับความเสี่ยงที่พวกเขารับไว้
ผู้ดูแลสภาพคล่องเป็นผู้เข้าร่วมตลาดที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลจากตลาดหลักทรัพย์ เช่น London Stock Exchange (LSE) หรือ NASDAQ โดยมีหน้าที่คอยรักษาสภาพคล่องและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของตลาดการซื้อขาย
ในตลาดฟอเร็กซ์ ธนาคารใหญ่และโบรกเกอร์ชื่อดัง เช่น HSBC, Barclays Capital, หรือ Citigroup มักทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลสภาพคล่องแบบอิเล็กทรอนิกส์ คอยให้ราคาซื้อขายแบบเรียลไทม์สำหรับคู่เงินหลักต่าง ๆ
ผู้ดูแลสภาพคล่องจะช่วยให้ตลาดมีสภาพคล่องอยู่เสมอ ด้วยการซื้อขายสินทรัพย์จากคลังของตนเองอย่างต่อเนื่อง พวกเขาจะลงทุนทุนของตนเองเพื่อให้แน่ใจว่ามีผู้ซื้อและผู้ขายพร้อมทำธุรกรรมตลอดเวลา หมายความว่า พวกเขาจะยืนอยู่ในตำแหน่งตรงข้ามกับการซื้อขายของคุณเสมอ
ตัวอย่างวิธีการทำงาน:
สมมติว่าคุณต้องการซื้อหุ้น Apple (AAPL) ทันที โบรกเกอร์ของคุณจะส่งคำสั่งไปยังผู้ดูแลสภาพคล่อง
ผู้ดูแลสภาพคล่องจะขายหุ้นให้คุณที่ราคา Ask เช่น $180.10 พร้อมกันนั้น พวกเขาก็พร้อมจะซื้อหุ้น Apple ที่ราคา Bid เช่น $180.00
ส่วนต่างระหว่างราคา Bid และ Ask (ในตัวอย่างนี้คือ $0.10) คือ สเปรด (Spread) ซึ่งเป็นกำไรของผู้ดูแลสภาพคล่องจากการให้บริการสภาพคล่องทันที
กระบวนการเหล่านี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในระดับเสี้ยววินาที และแม้สเปรดจะน้อยมาก แต่เมื่อรวมกันในจำนวนธุรกรรมนับล้านครั้ง ก็กลายเป็นรายได้มหาศาลสำหรับผู้ดูแลสภาพคล่อง
หากเทรดเดอร์ส่งคำสั่ง Market Order เพื่อซื้อหุ้นของ Barclays PLC (BARC) เมื่อมีการเสนอราคาอยู่ที่ £1.52 / £1.521 (Bid/Ask) ผู้ดูแลสภาพคล่องจะขายหุ้นทันทีในราคา £1.521 ทำให้คำสั่งซื้อของเทรดเดอร์ถูกดำเนินการอย่างรวดเร็วทันที
จากนั้น ผู้ดูแลสภาพคล่องอาจซื้อหุ้นกลับในราคา £1.52 หรือปรับราคาที่เสนอตามการเปลี่ยนแปลงของตลาดเพื่อรักษาสภาพคล่องต่อไป
ในตลาดฟอเร็กซ์ของสหราชอาณาจักร สถาบันชั้นนำอย่าง HSBC และ Barclays Capital ก็ทำหน้าที่คล้ายกัน โดยคอยเสนอราคาซื้อขายสำหรับคู่สกุลเงิน เช่น GBP/USD อยู่ตลอดเวลา เพื่อให้มั่นใจว่านักเทรดจะมีคู่ค้าสำหรับทำธุรกรรม แม้ในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง
ผู้ดูแลสภาพคล่องช่วยป้องกัน “ภาวะขาดสภาพคล่อง” หรือสถานการณ์ที่ไม่มีผู้ซื้อหรือผู้ขายพร้อมทำธุรกรรมในราคาที่ต้องการ
การเสนอราคาซื้อและขายอย่างต่อเนื่องช่วยทำให้ตลาดมีความเสถียร ลดความผันผวน และส่งเสริมให้ระบบการซื้อขายของทั้งนักลงทุนทั่วไปและสถาบันมีประสิทธิภาพมากขึ้น
พวกเขายังมีบทบาทสำคัญใน “การค้นหาราคาที่เหมาะสม” (Price Discovery) ซึ่งเป็นกระบวนการกำหนดมูลค่าที่แท้จริงของสินทรัพย์ตามอุปสงค์และอุปทานในตลาด
ราคาซื้อ (Bid Price): ราคาสูงสุดที่ผู้ซื้อยินดีจ่ายเพื่อซื้อสินทรัพย์
ราคาขาย (Ask Price): ราคาต่ำสุดที่ผู้ขายยินดีรับเพื่อขายสินทรัพย์
สเปรด: ส่วนต่างระหว่างราคา Bid และ Ask มักแสดงถึงผลกำไรของผู้ดูแลสภาพคล่อง
สภาพคล่อง: ความง่ายในการซื้อหรือขายสินทรัพย์โดยไม่ทำให้เกิดความผันผวนของราคา
Dealer Market: ระบบที่ธุรกรรมถูกดำเนินการผ่านผู้ดูแลสภาพคล่อง (Market Makers) แทนที่จะซื้อขายกันโดยตรงระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย
ไม่จำเป็นต้องเป็นเช่นนั้น บทบาทของพวกเขาคือการเสนอราคาที่เป็นธรรมและต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ตลาดมีสภาพคล่องต่ำ ผู้ดูแลสภาพคล่องอาจขยายสเปรด (ส่วนต่างระหว่างราคาซื้อและขาย) เพื่อบริหารความเสี่ยง
ไม่เหมือนกัน โบรกเกอร์ทำหน้าที่เชื่อมโยงเทรดเดอร์กับตลาด ในขณะที่ผู้ดูแลสภาพคล่องเป็นผู้สร้างตลาดเอง โดยเสนอซื้อและขายสินทรัพย์ตลอดเวลา อย่างไรก็ตาม โบรกเกอร์บางรายก็สามารถทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลสภาพคล่องได้เช่นกัน
กำไรหลักมาจากสเปรด (ส่วนต่างระหว่างราคา Bid และ Ask) และในบางกรณี อาจได้รับค่าตอบแทนเพิ่มเติมจากข้อตกลงกับตลาดหรือโบรกเกอร์ที่ส่งคำสั่งเทรดเข้ามา
ผู้ดูแลสภาพคล่องและโบรกเกอร์ประเภท Dealing Desk มักทำงานตามหลักการเดียวกัน นั่นคือ ยืนในฝั่งตรงข้ามของคำสั่งเทรดของลูกค้า เพื่อให้มั่นใจว่าการซื้อขายดำเนินไปได้อย่างรวดเร็ว
ระบบนี้เรียกว่า โมเดล B-Book ซึ่งหมายถึงคำสั่งซื้อขายไม่ได้ถูกส่งออกไปยังตลาดภายนอก แต่ถูกดำเนินการภายในบริษัทของโบรกเกอร์เอง
สำหรับผู้เริ่มต้น การเข้าใจการทำงานของผู้ดูแลสภาพคล่องจะช่วยให้คุณรู้ว่าเหตุใดคำสั่งซื้อขายจึงสามารถดำเนินการได้ทันที และทำไมแม้แต่สเปรดเล็ก ๆ ก็มีความสำคัญในการเทรดทุกครั้ง
ข้อสงวนสิทธิ์: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนา (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ได้เป็นคำแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ