简体中文 繁體中文 English 한국어 日本語 Español Bahasa Indonesia Tiếng Việt Português Монгол العربية हिन्दी Русский ئۇيغۇر تىلى

ทำไมสกุลเงินเวียดนามถึงอ่อนค่า? เผยปัจจัยสำคัญที่ควรรู้

เผยแพร่เมื่อ: 2025-10-14    อัปเดตเมื่อ: 2025-10-15

ค่าเงินดองของเวียดนาม (VND) อ่อนค่าลงในปี 2025 จากการผสมผสานของปัจจัยภายนอกและภายในประเทศ


ตัวอย่างเช่น การแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐและอัตราผลตอบแทนที่แท้จริงของพันธบัตรสหรัฐที่สูงขึ้น ภาวะเงินเฟ้อในเวียดนามที่แม้ไม่รุนแรงแต่ยังคงมีต่อเนื่อง ความคาดหวังต่อการผ่อนคลายนโยบายการเงิน การขยายตัวของการนำเข้าและความต้องการเงินตราต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น กระแสเงินลงทุนระยะสั้นที่ผันผวน ความต้องการใช้เงินตราต่างประเทศของภาคธุรกิจ และระบบอัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัวภายใต้การบริหาร (managed float) ซึ่งธนาคารกลางเวียดนาม (SBV) จะปรับกรอบอัตราแลกเปลี่ยนเพื่อรักษาเสถียรภาพของตลาด


แม้เวียดนามจะยังคงมีดุลการค้าเกินดุลและการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ที่เพิ่มขึ้น แต่จุดแข็งเหล่านี้กลับถูกชดเชยด้วยการนำเข้าที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก ความไม่สอดคล้องกันของสกุลเงินเวียดนามในงบดุลของภาคธุรกิจ และช่องว่างของอัตราดอกเบี้ยระหว่างประเทศ ส่งผลให้ค่าเงินดองอ่อนค่าลงหลายเปอร์เซ็นต์ตั้งแต่ต้นปี และอยู่ในระดับใกล้จุดต่ำสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ


สกุลเงินเวียดนามในปัจจุบันอ่อนค่ามากเพียงใด?

USD/VND แตะระดับต่ำสุดในประวัติการณ์ปี 2025

ณ เดือนตุลาคม 2025 ค่าเงินดองของเวียดนามเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ (USD/VND) อยู่ในช่วงประมาณ 26,340–26,430 ดองต่อดอลลาร์ ซึ่งอยู่ใกล้ระดับต่ำสุดในประวัติการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในเดือนสิงหาคมและกันยายน 2025


ข้อมูลจากผู้ให้บริการด้านข้อมูลระบุว่า ในเดือนสิงหาคมมีอัตราสูงสุดระหว่างวันเกินกว่า 26,400 ดองต่อดอลลาร์ โดยค่าเงินดองอ่อนค่าลงประมาณ 3–4% ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน


ข้อมูลสำคัญที่ควรรู้:

1) อัตราเงินเฟ้อ:

ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของเวียดนามในเดือนกันยายน 2025 เพิ่มขึ้นราว 3.3% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ในระดับต่ำกว่าเล็กน้อย แม้จะถือว่าค่อนข้างคงที่ แต่ก็ยังมีอิทธิพลต่อการถกเถียงด้านนโยบายการเงิน


2) ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ:

ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของเวียดนามยังคงอยู่ในระดับสูง แต่ต่ำกว่าจุดสูงสุดในปี 2022 โดยข้อมูลสาธารณะระบุว่า ณ กลางปี 2025 มีทุนสำรองประมาณ 70–80 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ซึ่งยังไม่ถึงระดับสูงสุดในปี 2022 ที่ประมาณ 109 พันล้านดอลลาร์) ซึ่งแม้จะเพียงพอให้ธนาคารกลางเวียดนาม (SBV) เข้าดำเนินการแทรกแซงในตลาดได้ แต่ก็มีข้อจำกัดอยู่


3) การค้าและการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ:

มูลค่าการค้ารวมของเวียดนามยังคงอยู่ในระดับสูง โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2025 มูลค่าการค้าสินค้ารวมอยู่ที่ประมาณ 680 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และมียอดเกินดุลการค้าสินค้าประมาณ 16.8 พันล้านดอลลาร์ ในช่วงเดียวกัน


การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยในช่วงเดือนมกราคมถึงกันยายน 2025 มีมูลค่าประมาณ 28.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แม้ข้อมูลเหล่านี้จะสะท้อนถึงพื้นฐานที่แข็งแกร่ง แต่การนำเข้าที่เพิ่มขึ้นมากกว่าส่งออกในบางเดือนยังคงสร้างแรงกดดันต่อความต้องการเงินตราต่างประเทศ


ประเด็นสำคัญ : แม้เวียดนามยังคงมีดุลการค้าและ FDI ที่แข็งแกร่ง แต่การอ่อนค่าของค่าเงินดองสะท้อนให้เห็นถึงปัจจัยที่ซับซ้อนมากขึ้น ทั้งแรงกดดันจากเศรษฐกิจโลก นโยบายภายในประเทศ และโครงสร้างทางการเงินของภาคธุรกิจ


ทำไมสกุลเงินเวียดนามถึงอ่อนค่า? ปัจจัยภายนอกและภายใน

ทำไมสกุลเงินเวียดนามถึงอ่อนค่า?

3 ปัจจัยภายนอกที่กดดันให้ค่าเงินดองอ่อนตัวลง

1. การแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่แท้จริงสูงขึ้น

เมื่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าและอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงของพันธบัตรสหรัฐเพิ่มขึ้น ค่าเงินของตลาดเกิดใหม่ (Emerging Markets) มักจะอ่อนค่าลง โดยในปี 2025 ดอลลาร์สหรัฐมีช่วงเวลาที่แข็งค่าขึ้นอย่างชัดเจน เนื่องจากความคาดหวังที่เปลี่ยนไปเกี่ยวกับทิศทางนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) และการไหลเข้าของเงินทุนที่มองหาความปลอดภัย


อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรสหรัฐที่สูงขึ้น ทำให้ต้นทุนของการถือครองสินทรัพย์ในตลาดเกิดใหม่เพิ่มขึ้น ขณะที่นักลงทุนหันไปถือสินทรัพย์ที่มีสกุลเงินดอลลาร์มากขึ้น ส่งผลให้เกิดแรงกดดันต่อค่าเงินดอง


2. ความเสี่ยงระดับโลกและความผันผวนของสินค้าโภคภัณฑ์

เหตุการณ์ช็อกระดับโลก ข้อพิพาททางการค้า ความผันผวนของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ หรือความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ มักส่งผลต่อระดับความเสี่ยงของนักลงทุน ทำให้เกิดการไหลเข้าของเงินทุนสู่สินทรัพย์ปลอดภัย เช่น ดอลลาร์สหรัฐ


เวียดนามมีเศรษฐกิจที่พึ่งพาการส่งออกและต้องนำเข้าวัตถุดิบและพลังงานเป็นจำนวนมาก ดังนั้น เมื่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวสูงขึ้นหรือเกิดปัญหาในห่วงโซ่อุปทาน ต้นทุนการนำเข้าก็เพิ่มขึ้นตาม และความต้องการใช้เงินตราต่างประเทศสูงขึ้น ซึ่งยิ่งทำให้ค่าเงินดองอ่อนค่าลง


3. กระแสเงินลงทุนและการปรับพอร์ตของกองทุนต่างประเทศ

กระแสเงินทุนที่ไหลเข้าสู่ตลาดเกิดใหม่มีความผันผวนสูง การปรับสมดุลพอร์ตแบบอัตโนมัติ (Passive Rebalancing) การไหลออกอย่างรวดเร็วของเงินทุนจากกองทุนหุ้นหรือกองทุนตราสารหนี้ในตลาดเกิดใหม่ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของความต้องการรับความเสี่ยงทั่วโลก ล้วนสามารถพลิกทิศทางกระแสเงินตราต่างประเทศได้อย่างรวดเร็ว


แม้ว่าดัชนี FTSE จะส่งสัญญาณบวกในระยะยาวด้วยการพิจารณาปรับสถานะของตลาดเวียดนามให้ดีขึ้น แต่ในระยะสั้น การปรับพอร์ตของนักลงทุนและความผันผวนของเงินทุนสามารถสร้างแรงกดดันต่อค่าเงินดองได้เช่นกัน


5 ปัจจัยภายในประเทศที่ทำให้ค่าเงินดองอ่อนค่า

นโยบายการเงินของธนาคารกลางเวียดนาม (SBV)

1. ทิศทางนโยบายการเงินและส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย

ธนาคารกลางเวียดนาม (SBV) เป็นผู้กำหนดสภาพคล่องในประเทศและอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งส่งผลต่ออัตราผลตอบแทนของเงินดอง (VND)


ณ เดือนตุลาคม 2025 อัตราดอกเบี้ยในตลาดของ SBV อยู่ในช่วงประมาณ 4.8–5.1% ตามข้อมูลที่เผยแพร่ ซึ่งสะท้อนถึงท่าทีทางการเงินที่ผ่อนคลายมากกว่าประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก


เมื่อเวียดนามใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย ขณะที่สหรัฐฯ เสนออัตราผลตอบแทนที่สูงกว่า ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (Interest Rate Differentials) ระหว่างสองประเทศจะกว้างขึ้น และส่งผลให้ค่าเงินดองอ่อนค่าลง


2. ระบบการบริหารอัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัวภายใต้การควบคุม

เวียดนามใช้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัวภายใต้การบริหาร โดยมีอัตราอ้างอิงกลาง (Central Reference Rate) และกรอบการเคลื่อนไหวรายวันที่ธนาคารกลางกำหนด ธนาคารกลางเวียดนามมักปรับจุดอ้างอิงกลางเป็นระยะ และบางครั้งก็แทรกแซงตลาดโดยตรง เพื่อควบคุมความผันผวนของค่าเงินไม่ให้รุนแรงเกินไป


แนวทางดังกล่าวทำให้ค่าเงินดองเคลื่อนไหวอย่างมีการควบคุม แต่ในบางช่วงอาจอ่อนค่าทีละขั้น เพื่อให้ดูดซับแรงกดดันจากตลาดได้ตามธรรมชาติ


3. การเติบโตของการนำเข้าและโครงสร้างห่วงโซ่อุปทาน

ในปี 2025 มูลค่าการนำเข้าของเวียดนามเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะสินค้าประเภทเครื่องจักร วัตถุดิบกึ่งสำเร็จรูป พลังงาน และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์


ในบางช่วง การเติบโตของการนำเข้ามีอัตราที่สูงกว่าการส่งออก ทำให้เกิดความตึงตัวในด้านอุปสงค์และอุปทานของเงินตราต่างประเทศ ภาคการผลิตที่พึ่งพาวัตถุดิบนำเข้าจำนวนมาก โดยเฉพาะบริษัทต่างชาติในเวียดนาม จำเป็นต้องใช้ดอลลาร์เพื่อชำระค่าสินค้าและบริการ ซึ่งส่งผลให้ USD/VND ปรับตัวสูงขึ้น


4. ความไม่สอดคล้องกันของสกุลเงินในภาคธุรกิจและหนี้ต่างประเทศ

บริษัทเวียดนามจำนวนมาก โดยเฉพาะในภาคการผลิตเพื่อส่งออกและภาคอสังหาริมทรัพย์ มักมีภาระผูกพันในสกุลเงินต่างประเทศ เช่น เงินกู้หรือการชำระเงินแก่ซัพพลายเออร์ต่างชาติ


เมื่อค่าเงินดองอ่อนค่าลง ต้นทุนในการแปลงสกุลเงิน (FX conversion costs) จะเพิ่มสูงขึ้น บริษัทเหล่านี้จึงจำเป็นต้องซื้อดอลลาร์เพื่อป้องกันความเสี่ยงหรือชำระหนี้ต่างประเทศ ซึ่งยิ่งเพิ่มแรงกดดันต่อค่าเงินดองในตลาด ความกังวลเกี่ยวกับหนี้ต่างประเทศของภาคเอกชนและการชำระคืนในช่วงตลาดผันผวน ยังอาจซ้ำเติมแรงขายค่าเงินในระยะสั้นได้


5. แรงกดดันจากเงินเฟ้อและค่าจ้าง

แม้อัตราเงินเฟ้อทั่วไป (CPI) ของเวียดนามในเดือนกันยายน 2025 จะอยู่ในระดับปานกลางที่ประมาณ 3.3% แต่บางภาคส่วนของเศรษฐกิจยังคงเผชิญแรงกดดันด้านราคา หากอัตราเงินเฟ้อกลับมาสูงขึ้นอีกครั้ง ธนาคารกลางเวียดนามจะต้องเผชิญกับภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกระหว่างการสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจและการป้องกันการอ่อนค่าของค่าเงิน


ด้วยเหตุนี้ ทางการเวียดนามจึงเลือกใช้แนวทางการแทรกแซงอย่างระมัดระวังมากกว่าการขึ้นดอกเบี้ยอย่างรวดเร็ว ซึ่งแม้จะช่วยรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ แต่ก็ทำให้ค่าเงินดองมีความเสี่ยงต่อแรงกดดันจากภายนอกมากขึ้น


มาตรการที่ธนาคารกลางเวียดนาม (SBV) สามารถทำได้และได้ดำเนินการไปแล้ว

1. การแทรกแซงค่าเงินและการปรับกรอบอ้างอิงอัตราแลกเปลี่ยน

ธนาคารกลางเวียดนาม (SBV) ใช้ทุนสำรองระหว่างประเทศในการแทรกแซงตลาด เพื่อควบคุมความผันผวนของค่าเงิน และมีการปรับอัตราอ้างอิงกลาง (Central Reference Rate) เป็นระยะ ๆ


แนวทางนี้มีจุดประสงค์เพื่อหลีกเลี่ยงความผันผวนอย่างรุนแรงในตลาด ขณะเดียวกันก็ยังคงรักษาความสามารถในการแข่งขันของภาคการส่งออกไว้ได้ อย่างไรก็ตาม การแทรกแซงบ่อยครั้งแม้จะช่วยรักษาเสถียรภาพ แต่ก็มีต้นทุนสูงและทำให้ทุนสำรองลดลง ดังนั้น SBV จึงต้องพยายามสร้างสมดุลระหว่างการเข้าควบคุมค่าเงินกับการปล่อยให้ค่าเงินดองอ่อนค่าลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป


2. การกำหนดอัตราดอกเบี้ยและมาตรการพิเศษ

ในปี 2025 ผู้กำหนดนโยบายของเวียดนามได้ออกมาตรการเฉพาะเพื่อสนับสนุนสภาพคล่องและการปล่อยสินเชื่อ เช่น การอนุญาตให้ปล่อยกู้พิเศษในบางกรณีที่อัตราดอกเบี้ย 0%


การตัดสินใจของ SBV เกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยต้องคำนึงถึงทั้งการควบคุมเงินเฟ้อและการสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่งสมดุลระหว่างสองเป้าหมายนี้ส่งผลโดยตรงต่อค่าเงินดอง เพราะการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยมีผลต่อส่วนต่างของผลตอบแทน (carry differentials) ระหว่างประเทศ


3. มาตรการกำกับดูแลเชิงมหภาคและการควบคุมความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน

หน่วยงานทางการของเวียดนามได้ใช้เครื่องมือหลายอย่าง เช่น การจำกัดการปล่อยสินเชื่อเงินตราต่างประเทศให้แก่ผู้ส่งออก การออกแนวทางเกี่ยวกับการทำธุรกรรมป้องกันความเสี่ยง (hedging) เพื่อยับยั้งการเก็งกำไรในตลาดอัตราแลกเปลี่ยน


มาตรการเหล่านี้ช่วยลดแรงเก็งกำไรในระยะสั้นได้ แต่ในบางกรณีอาจก่อให้เกิดความบิดเบือนในตลาด หากภาคธุรกิจไม่สามารถทำธุรกรรมป้องกันความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพในเชิงพาณิชย์ มาตรการเหล่านี้ช่วยลดแรงเก็งกำไรในระยะสั้นได้ แต่ในบางกรณีอาจก่อให้เกิดความบิดเบือนในตลาด หากภาคธุรกิจไม่สามารถทำธุรกรรมป้องกันความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพในเชิงพาณิชย์


แนวโน้มระยะยาวของค่าเงินดองเวียดนาม

ภาพรวมแนวโน้มของค่าเงินดองเวียดนาม

ดังที่กล่าวไปแล้ว พื้นฐานทางเศรษฐกิจของเวียดนามยังคงแข็งแกร่ง ทั้งการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ที่เพิ่มขึ้น การพัฒนาโครงสร้างภาคการส่งออกที่มีความซับซ้อนมากขึ้น ฐานการผลิตที่มั่นคง และตลาดภายในประเทศที่มีขนาดใหญ่


นอกจากนี้ การปฏิรูปเชิงโครงสร้าง เช่น การเปิดเสรีตลาดทุน และการได้รับการพิจารณาเลื่อนระดับดัชนี FTSE ตลอดจนความสัมพันธ์ทางการค้ากับต่างประเทศที่ยังคงต่อเนื่อง ล้วนเป็นปัจจัยสนับสนุนให้เวียดนามยังคงเป็นจุดหมายของนักลงทุนในระยะกลางถึงระยะยาว ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นแรงสนับสนุนเชิงบวกต่อค่าเงินดอง (VND)


อย่างไรก็ตาม การกลับเข้าสู่ภาวะปกติของค่าเงิน (Currency Normalisation) จำเป็นต้องอาศัยเงื่อนไขสำคัญอย่างน้อยหนึ่งข้อดังต่อไปนี้:

  • สภาพแวดล้อมภายนอกที่มีเสถียรภาพมากขึ้น เช่น ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง หรืออัตราผลตอบแทนที่แท้จริงของสหรัฐลดลง

  • ความน่าเชื่อถือของธนาคารกลางเวียดนาม (SBV) ที่ยังคงแข็งแกร่ง พร้อมด้วยทุนสำรองระหว่างประเทศที่เพียงพอ เพื่อป้องกันความตื่นตระหนกในตลาด

  • การพัฒนาตลาดอัตราแลกเปลี่ยนภายในประเทศ (FX Market) และระบบป้องกันความเสี่ยง (Hedging Infrastructure) ให้มีความลึกและมีประสิทธิภาพ เพื่อดูดซับแรงกระแทกจากภายนอกโดยไม่ต้องให้ค่าเงินผันผวนมากเกินไป


โดยสรุปแล้ว การอ่อนค่าของค่าเงินดองในปี 2025 ถือเป็นผลจากปัจจัยเชิงวัฏจักร (Cyclical) และนโยบาย (Policy-Sensitive) มากกว่าจะเป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง หากปัจจัยมหภาคกลับมาเป็นบวก ค่าเงินดองก็มีโอกาสฟื้นตัวได้ แต่หากแรงกดดันจากภายนอกยังคงอยู่ หรือหากนโยบายภายในประเทศยังคงผ่อนคลายเกินไปเมื่อเทียบกับอัตราดอกเบี้ยทั่วโลก แรงกดดันต่อค่าเงินดองก็อาจดำเนินต่อไป


คำถามที่พบบ่อย

1. ค่าเงินดองของเวียดนามแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2025 หรือไม่?

ใช่ ค่าเงินดองอ่อนค่าลงแตะระดับต่ำสุดในรอบประวัติการณ์ที่ประมาณ 26,400–26,436 ดองต่อดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงเดือนสิงหาคมถึงกันยายน 2025


2. ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของเวียดนามเพียงพอที่จะปกป้องค่าเงินหรือไม่?

ทุนสำรองระหว่างประเทศของเวียดนามอยู่ที่ประมาณ 70–80 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ณ กลางปี 2025 ซึ่งเพียงพอให้ SBV สามารถแทรกแซงตลาดได้ แม้จะต่ำกว่าระดับสูงสุดในปี 2022 และไม่สามารถใช้ได้อย่างไม่จำกัด


3. นักลงทุนควรป้องกันความเสี่ยงจากค่าเงินดองในตอนนี้หรือไม่?

หากคุณมีความเสี่ยงจากการถือครองสินทรัพย์ที่ใช้สกุลเงินดอง (เช่น หุ้นหรือตราสารหนี้ของบริษัทในเวียดนาม) การทำ Hedging ถือเป็นทางเลือกที่เหมาะสมจนกว่าความผันผวนของตลาดจะลดลง


บทสรุป

โดยสรุปแล้ว สกุลเงินเวียดนามที่อ่อนค่าลงในปี 2025 เป็นผลจากการแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐ ความแตกต่างของอัตราดอกเบี้ยระหว่างประเทศ การพึ่งพาการนำเข้าในภาคเศรษฐกิจ ความต้องการเงินตราต่างประเทศของภาคธุรกิจ และระบบอัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัวภายใต้การบริหารของ SBV ที่ยอมให้ค่าเงินอ่อนค่าลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งทั้งหมดนี้ได้กลบผลบวกจากดุลการค้าเกินดุลและการเพิ่มขึ้นของ FDI


สำหรับนักเทรด ควรติดตามสัญญาณจากธนาคารกลางเวียดนาม (SBV) และการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ อย่างใกล้ชิด เพราะสองปัจจัยนี้คือ “ตัวกระตุ้นสำคัญ” ของทิศทางค่าเงินดองในระยะต่อไป


ข้อสงวนสิทธิ์: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนา (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ได้เป็นคำแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ

บทความแนะนำ
เปิด 10 อันดับ ค่าเงินที่ถูกที่สุดในโลก 2025 พร้อมเหตุผลเศรษฐกิจเชิงลึก
20 อันดับสกุลเงินที่ถูกที่สุดในโลก ปี 2025
ปัจจัยที่ทำให้ระบบ Bretton Woods ถดถอย
10 สินค้าโภคภัณฑ์ที่มีการซื้อขายมากที่สุดในโลก
ร่วมสัมผัสกระแสบูมทางรถไฟของเวียดนามกับ EBC Financial Group