อินดิเคเตอร์เทรดออปชั่นที่ดีที่สุดในปี 2025

2025-05-22
สรุป

สำรวจอินดิเคเตอร์เทรดออปชั่นในปี 2025 ว่ามีอะไรบ้าง และเทรดเดอร์จะนำไปใช้ในการวิเคราะห์ความผันผวน แนวโน้ม และโมเมนตัมของตลาดได้อย่างไร?

การเทรด Option สามารถดึงดูดนักลงทุนที่ต้องการใช้เลเวอเรจ ป้องกันความเสี่ยง และทำกำไรระยะสั้น ในสถานการณ์การเงินปัจจุบัน การรู้จักอินดิเคเตอร์เทรดออปชั่นจะช่วยให้เทรดเดอร์ได้เปรียบในตลาดการลงทุน


บทความนี้จะสำรวจอินดิเคเตอร์เทรดออปชั่นที่ดีที่สุดในปี 2025 รวมถึงอินดิเคเตอร์อื่นๆ ที่มีผลกระทบต่อตลาดการเงินในสมัยใหม่ พร้อมทั้งชี้แนะวิธีใช้ให้กับเทรดเดอร์ เพื่อให้ตัดสินเทรดได้อย่างมั่นใจมากยิ่งขึ้น


ทำไมอินดิเคเตอร์เทรดออปชั่น จึงมีความสำคัญ

Options Trading

ออปชัน คือเครื่องมือทางการเงินที่ซับซ้อน แตกต่างจากการเทรดหุ้นทั่วไป เพราะออปชันเกี่ยวข้องกับหลายมิติ เช่น ราคา ความผันผวน การเสื่อมค่าตามเวลา (time decay) และความผันผวนที่แฝงอยู่ จึงจำเป็นต้องใช้อินดิเคเตอร์ที่ให้ข้อมูลมากกว่าทิศทางราคา อินดิเคเตอร์ที่ดีจะช่วย:

  • ระบุจุดเข้าและจุดออก

  • ประเมินโมเมนตัมของหุ้นพื้นฐาน

  • วัดความผันผวนและความเสี่ยง

  • สอดคล้องกับไดนามิกเฉพาะของออปชัน เช่น delta, theta, และ vega


ในปี 2025 อินดิเคเตอร์เทรดออปชันที่มีประสิทธิภาพจะเน้นที่ความผันผวน ความไวต่อเวลา และการเปลี่ยนแปลงเทรนด์แบบเรียลไทม์


อินดิเคเตอร์เทรดออปชั่นที่ดีที่สุดในปี 2025

Implied Volatility Rank

ในปี 2025 เทรดเดอร์ออปชันมืออาชีพหลายคน ให้ Implied Volatility Rank (IV Rank) เป็นอินดิเคเตอร์เทรดที่ดีที่สุดสำหรับการจับจังหวะการเทรดและมูลค่าพรีเมียมของออปชัน เพราะ IV Rank แสดงให้เห็นว่าออปชันนั้นแพงหรือถูกเมื่อเทียบกับความผันผวนในอดีต


IV Rank คืออะไร?

IV Rank เป็นการเปรียบเทียบความผันผวนที่แฝงอยู่ของออปชันในปัจจุบัน กับช่วงความผันผวนในช่วงเวลาหนึ่ง (โดยปกติจะดูย้อนหลัง 12 เดือน) เป็นเปอร์เซ็นต์ที่บอกว่าค่า IV ปัจจุบันสูงหรือต่ำเมื่อเทียบกับค่าปกติในอดีต

  • IV Rank ที่ 80% หมายความว่า IV ปัจจุบันอยู่ใกล้จุดสูงสุดของช่วงความผันผวน — ออปชันมีราคาค่อนข้างแพง

  • IV Rank ที่ 20% หมายความว่า IV ปัจจุบันอยู่ในระดับต่ำ — ออปชันมีราคาถูก


ทำไม IV Rank ถึงยังใช้ได้ผลดีในปี 2025

ในสภาพแวดล้อมปัจจุบันที่เต็มไปด้วยความผันผวนจากปัจจัยมหภาคที่ไม่แน่นอน ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ และความผันผวนที่เกิดจากอัลกอริธึม IV Rank ช่วยให้นักเทรดสามารถ:

  • ขายออปชันเมื่อ IV สูง (เก็บพรีเมียมได้สูงขึ้น)

  • ซื้อออปชันเมื่อ IV ต่ำ (จ่ายพรีเมียมน้อยลง


สิ่งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในตลาดที่มีการซื้อขายกำไร กลยุทธ์ตามเหตุการณ์ และออปชั่นรายสัปดาห์ครอบงำ


อินดิเคเตอร์เสริม เพื่อความแม่นยำ

Best Indicator for Option Trading

แม้ว่า IV Rank จะเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญที่สุดในการเทรดออปชันในปัจจุบัน แต่เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จมักไม่พึ่งพาแค่เครื่องมือเดียว การผสมผสานกับตัวชี้วัดราคาและโมเมนตัมจะช่วยสร้างภาพรวมที่ครบถ้วนมากขึ้น


1) Relative Strength Index (RSI): ตรวจจับ overbought และ oversold

RSI ยังคงเป็นอินดิเคเตอร์เทรดยอดนิยมของนักเทรดออปชันสำหรับจับจังหวะการเคลื่อนไหวระยะสั้น RSI วัดความเร็วและการเปลี่ยนแปลงของราคา ช่วยให้เห็นสัญญาณว่าตลาดอยู่ในภาวะซื้อมากหรือขายมาก


ในปี 2025 RSI ได้รับความนิยมมากขึ้น เนื่องจากผู้ซื้อขายใช้กรอบเวลาที่สั้นลงและชอบช่วง RSI 5 วันหรือ 14 วันสำหรับรายการเข้าที่แม่นยำ

  • RSI ที่สูงกว่า 70 แสดงถึงภาวะซื้อมากเกินไป (overbought) ซึ่งอาจเป็นจังหวะที่ดีสำหรับการขายออปชัน call หรือซื้อออปชัน put

  • RSI ที่ต่ำกว่า 30 บ่งชี้ถึงภาวะขายมากเกินไป (oversold) เหมาะกับการขายออปชัน put หรือซื้อออปชัน call


เทรดเดอร์มักใช้ RSI ร่วมกับ IV Rank เพื่อเลือกเทรดที่มีโมเมนตัมราคาและราคาพรีเมียมที่เหมาะสม


2) Moving Averages (MA): ยืนยันแนวโน้มและจังหวะเข้าเทรด

ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ โดยเฉพาะ Exponential Moving Average (EMA) ยังคงเป็นพื้นฐานสำคัญของกลยุทธ์ออปชันในปี 2025


EMA ระยะสั้น เช่น 8 วัน และ 21 วัน นิยมใช้สำหรับ:

  • ระบุจุด breakout

  • ยืนยันทิศทางสำหรับการเทรดออปชันแบบมีทิศทาง (directional trades)

  • กรองสัญญาณเท็จ


ตัวอย่างเช่น การที่เส้น EMA 8 วันตัดขึ้นเหนือ EMA 21 วัน อาจกระตุ้นให้นักเทรดเปิดสถานะ bullish call spread โดยเฉพาะเมื่อ IV Rank อยู่ในระดับต่ำและ RSI ยืนยันโมเมนตัมขาขึ้น


3) Bollinger Bands: จับจุดเบรกเอาต์และการกลับตัวของความผันผวน

Bollinger Bands มีประโยชน์มากสำหรับนักเทรดออปชัน เพราะช่วยบ่งชี้ความผันผวนและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ในปี 2025 นักเทรดมักใช้ Bollinger Bands เพื่อ:

  • ขายออปชันในช่วงตลาดแกว่งตัว (เมื่อราคาชนแถบบนหรือล่าง)

  • เทรดเบรกเอาต์เมื่อราคาปิดนอกแถบ พร้อมยืนยันด้วยปริมาณซื้อขาย

  • ใช้ร่วมกับ IV Rank เพื่อคาดการณ์การเทรดแบบกลับเข้าสู่ค่าเฉลี่ย (mean-reversion)


เมื่อราคาหุ้นชนแถบบนและ IV Rank สูง การขาย call spread หรือเปิดสถานะ bearish อาจเป็นจังหวะที่มีโอกาสสำเร็จสูง


4) MACD (Moving Average Convergence Divergence): ความแข็งแกร่งของแนวโน้มและโมเมนตัม

MACD ช่วยยืนยันทิศทางแนวโน้มและการเปลี่ยนแปลงของโมเมนตัม ขณะที่ RSI มักตอบสนองได้รวดเร็วกว่า MACD จะให้ภาพที่ชัดเจนกว่าในเรื่องแนวโน้มระยะยาว


ในการเทรดออปชัน MACD สามารถช่วย:

  • กรองสัญญาณสำหรับกลยุทธ์ตามแนวโน้ม (trend-following)

  • หลีกเลี่ยงสัญญาณหลอกในสภาวะตลาดแกว่งตัว (whipsaws)

  • ยืนยันการเทรดแบบมีทิศทาง เช่น การซื้อ call หรือ put


ในตลาดที่มีความถี่สูงในปี 2025 สัญญาณความแตกต่าง (divergences) ของ MACD histogram ช่วยตรวจจับจุดกลับตัวได้ตั้งแต่เนิ่นๆ


5) Volume Indicators: ยืนยันปริมาณซื้อขาย

การวิเคราะห์ปริมาณซื้อขาย (Volume) ได้พัฒนาขึ้นมากในปี 2025 ด้วยการเข้าถึงข้อมูลที่ดีขึ้นและเครื่องมือเทรดอัลกอริทึม


ตัวชี้วัดปริมาณ เช่น On-Balance Volume (OBV) หรือ Volume Weighted Average Price (VWAP) ช่วยให้นักเทรด:

  • ยืนยันจุดเบรกเอาต์หรือเบรกดาวน์

  • หลีกเลี่ยงสัญญาณหลอก

  • ตรวจจับการสะสม (accumulation) หรือการกระจาย (distribution) ก่อนที่ราคาจะเคลื่อนไหว


การใช้การยืนยันปริมาณร่วมกับสัญญาณ RSI หรือ Bollinger Bands จะช่วยเพิ่มโอกาสความสำเร็จของการเทรด


การผสมผสานตัวชี้วัดที่ดีที่สุดสำหรับกลยุทธ์ยอดนิยม


สำหรับ Credit Spreads

  • IV Rank สูง

  • RSI อยู่ที่ระดับสุดขีด (overbought หรือ oversold)

  • ราคาชน Bollinger Band


อินดิเคเตอร์นี้ช่วยให้นักเทรดขายพรีเมียมในจุดที่มีโอกาสเกิดการกลับตัวสูง


สำหรับการซื้อ Long Calls หรือ Puts

  • IV Rank ต่ำ

  • สัญญาณ MACD crossover

  • การยืนยันด้วย EMA


การตั้งค่านี้ช่วยให้นักเทรดซื้อออปชันได้ในราคาถูก พร้อมทั้งได้รับการยืนยันทิศทางแนวโน้ม


สำหรับ Iron Condors

  • RSI อยู่ในระดับกลาง (Neutral)

  • ประวัติการเบรกเอาต์ของความผันผวนต่ำ

  • Bollinger Bands แคบ


เทรดเดอร์จะได้กำไรจาก time decay ในช่วงที่ราคาขยับตัวในกรอบจำกัด (range-bound)


วิธีเลือกอินดิเคเตอร์ที่เหมาะกับคุณ


อินดิเคเตอร์เทรดที่ดีที่สุดไม่ได้ขึ้นอยู่กับความแม่นยำทางสถิติเพียงอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับ:

  • สไตล์การเทรดของคุณ (เทรดแบบมีทิศทาง หรือแบบกลางๆ)

  • กรอบเวลา (รายวัน, รายสัปดาห์, รายเดือน)

  • ความเสี่ยงที่ยอมรับได้

  • ระดับประสบการณ์


สำหรับมือใหม่ การใช้ IV Rank และ RSI เป็นพื้นฐานที่ง่ายแต่ทรงพลัง ส่วนเทรดเดอร์ระดับกลางอาจเพิ่ม Bollinger Bands และ Greeks เข้าไป ส่วนเทรดเดอร์มืออาชีพมักใช้การสแกนแบบกำหนดเองที่รวมอินดิเคเตอร์ 4–6 ตัว เพื่อความแม่นยำสูงขึ้น


บทสรุป


ถ้าต้องเลือกอินดิเคเตอร์เทรดออปชั่นในปี 2025 ตัวที่โดดเด่นที่สุดคือ Implied Volatility Rank (IV Rank) เพราะมันสามารถแสดงราคาพรีเมียมที่สัมพันธ์กันได้อย่างเหนือชั้น


อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จที่แท้จริงมาจากการนำ IV Rank มารวมกับอินดิเคเตอร์ทางเทคนิคอื่นๆ เช่น RSI, Bollinger Bands และ moving averages


คำเตือน: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อเป็นคำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็นคำแนะนำ) ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำของ EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ

รู้จัก Fear & Greed Index เครื่องมือเช็กอารมณ์ตลาดหุ้น

รู้จัก Fear & Greed Index เครื่องมือเช็กอารมณ์ตลาดหุ้น

เปิดข้อมูล ดัชนี Fear & Greed Index เครื่องมือเช็กอารมณ์ของนักลงทุนในตลาดหุ้น ทำไมจึงสำคัญในภาวะตลาดผันผวน

2025-07-04
ดัชนี Euro Stoxx 50 คืออะไร และจะซื้อขายได้อย่างไร?

ดัชนี Euro Stoxx 50 คืออะไร และจะซื้อขายได้อย่างไร?

เรียนรู้ว่าดัชนี Euro Stoxx 50 คืออะไร มีบริษัทใดบ้างที่รวมอยู่ในดัชนี และวิธีการซื้อขายอย่างมีประสิทธิภาพในปี 2568 เพื่อเปิดรับความเสี่ยงทั่วโลก

2025-07-04
10 อันดับประเทศในเอเชียที่มีสกุลเงินที่แข็งแกร่งที่สุดในปี 2025

10 อันดับประเทศในเอเชียที่มีสกุลเงินที่แข็งแกร่งที่สุดในปี 2025

ค้นพบ 10 ประเทศในเอเชียที่มีสกุลเงินที่แข็งแกร่งที่สุดในปี 2025 และเรียนรู้ว่าอะไรทำให้อัตราแลกเปลี่ยนของประเทศเหล่านั้นทรงพลังมากในเศรษฐกิจโลกปัจจุบัน

2025-07-04