Overtrade คือการเทรดมากเกินไปโดยขาดกลยุทธ์ชัดเจน มักเกิดจากอารมณ์ เช่น ความกลัวหรือความโลภ ซึ่งอาจนำไปสู่การขาดทุนและทำลายความได้เปรียบในระยะยาว
ในโลกการเงินที่เต็มไปด้วยความเร็วและการเปลี่ยนแปลง เรามักเข้าใจผิดว่า "Overtrade" คือความทะเยอทะยาน และการที่เราทำการเทรดมากขึ้นนั้นจะทำให้เรามีโอกาสชนะมากขึ้น แต่ความจริงแล้วมันไม่ใช่แบบนั้นเลย Overtrade คือกับดักที่นักเทรดทั้งมือใหม่และมืออาชีพมักหลงเข้าไป และมันสามารถทำลายพอร์ตการลงทุนได้ไม่แพ้การวิเคราะห์ผิดหรือการเลือกเวลาที่ไม่เหมาะสม ซึ่ง Overtrade ไม่ใช่การกระทำที่กล้าหาญ แต่เป็นการกระทำที่ขาดความระมัดระวังในการตัดสินใจ ซึ่งทำให้เกิดความเสี่ยงมากกว่าผลดี
ในบทความนี้ เราจะมาทำความเข้าใจกันว่า Overtrade คืออะไร เกิดขึ้นได้อย่างไร และจะสังเกตได้อย่างไร เพื่อไม่ให้มันมากัดกร่อนทุนและความมั่นใจของคุณ
Overtrade คืออะไร?
Overtrade คือการซื้อขายเครื่องมือทางการเงินมากเกินไปโดยไม่มีพื้นฐานกลยุทธ์ที่ชัดเจน ซึ่งมักเกิดจากการตัดสินใจที่เกิดจากอารมณ์ เช่น กลัวพลาด การเทรดเพื่อแก้แค้นหลังจากการขาดทุน หรือการติดกับความตื่นเต้นจากตลาด ซึ่งยิ่งเทรดมากขึ้นโดยไม่มีเหตุผลที่ชัดเจน ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงที่ไม่จำเป็น
รูปแบบหลัก 2 ประการของ Overtrading:
การเทรดความถี่สูงโดยไม่มีแผนที่ชัดเจน
การใช้เลเวอเรจมากเกินไปในการเปิดหลายตำแหน่ง
ทั้ง 2 รูปแบบนี้สามารถนำไปสู่การขาดทุนที่ไม่จำเป็น อัตราส่วน Risk Reward ที่ไม่ดี และความเหนื่อยล้าทางอารมณ์
จิตวิทยาที่อยู่เบื้องหลัง Overtrade
หนึ่งในแง่มุมที่อันตรายที่สุดของ Overtrade คือมันมักถูกเข้าใจผิดว่าเป็นการเพิ่มความสามารถในการทำงาน นักเทรดบางคนอาจหลอกตัวเองว่ากำลังกระทำด้วยความมุ่งมั่น แต่ความจริงแล้วพวกเขากำลังตอบสนองตามอารมณ์ต่อการเคลื่อนไหวระยะสั้นหรือความผันผวนในตลาด
สาเหตุที่พบบ่อย คือการกลัวการขาดทุน ซึ่งหมายถึงความอยากที่จะทำกำไรกลับจากการขาดทุนด้วยการเทรดเพิ่มขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้ผล และมักนำไปสู่การสูญเสียที่มากขึ้น อีกสาเหตุหนึ่งคือภาพลวงตาของการควบคุม (Illusion of control) นักเทรดบางคนรู้สึกว่าการคลิก "ซื้อ" หรือ "ขาย" บ่อย ๆ จะทำให้พวกเขาควบคุมสถานการณ์ได้มากขึ้น แต่ความจริงแล้ว การเทรดมากขึ้นไม่ได้หมายความว่าจะควบคุมได้ดีขึ้น ซึ่งมักจะหมายถึงการควบคุมที่น้อยลง
Overtrade ในรูปแบบที่แอบแฝง: สัญญาณเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ต้องจับตามอง
Overtrade ไม่ได้แสดงออกมาในรูปแบบที่เห็นได้ชัดเจนเสมอไป ต่อไปนี้คือสัญญาณบางอย่างที่อาจมองข้ามไป:
คุณเปิดการเทรดตามอารมณ์หรือความรู้สึกมากกว่าที่จะทำตามกลยุทธ์ที่วางไว้
คุณรู้สึกกังวลหรือไม่สบายใจเมื่อไม่ได้เปิดตำแหน่งการเทรด
บันทึกการเทรดของคุณเต็มไปด้วยการเทรดเล็กๆที่ไม่จำเป็น
คุณมักจะละเลยกฎการจัดการความเสี่ยงที่ตั้งไว้
คุณเช็คกราฟหรือแพลตฟอร์มการเทรดตลอดทั้งวันจนกลายเป็นนิสัย
Overtrade ไม่จำเป็นต้องหมายถึงการเทรดจำนวนมากในวันเดียว บางครั้งมันอาจเป็นรูปแบบของการเปิดตำแหน่งโดยขาดวินัยที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ ในระยะยาว
ต้นทุนที่ซ่อนเร้นของ Overtrade
อันตรายจากการ Overtrade ไม่ได้จำกัดแค่การขาดทุนเท่านั้น แต่มันสามารถค่อย ๆ ทำลายความได้เปรียบในการเทรดของคุณในหลายด้าน ดังนี้:
ต้นทุนการทำธุรกรรมที่เพิ่มขึ้น: เมื่อคุณเทรดบ่อย ๆ ค่าใช้จ่าย เช่น ค่าคอมมิชชั่น สลิปเพจ และสเปรดจะสะสมจนทำให้ต้นทุนสูงขึ้น
ความเหนื่อยล้าทางอารมณ์: การตัดสินใจอย่างต่อเนื่องทำให้เกิดความเครียดและอาจส่งผลให้การตัดสินใจผิดพลาด
การขาดทุนสะสม: การขาดทุนเล็ก ๆ น้อย ๆ สะสมไปเรื่อย ๆ จนกลายเป็นการสูญเสียที่ใหญ่ขึ้น และอาจทำลายทุนของคุณได้
การพลาดโอกาสที่ดี: เมื่อคุณอยู่ในตลาดตลอดเวลา บางครั้งคุณอาจไม่มีเวลาหรือสมาธิในการมองหาโอกาสการเทรดที่มีคุณภาพ
การเทรดที่ประสบความสำเร็จไม่ได้วัดจากจำนวนครั้งที่คุณเทรด แต่เป็นคุณภาพของการตัดสินใจ แม้แต่นักเทรดมืออาชีพก็ยังทำการเทรดที่พิจารณาอย่างรอบคอบเพียงไม่กี่ครั้งในแต่ละเดือน
วิธีหยุด Overtrade ก่อนที่จะเริ่ม
หากคุณรู้สึกว่า Overtrade กำลังเข้ามาครอบงำกิจวัตรการเทรดของคุณ นี่คือวิธีที่จะช่วยให้คุณกลับมาควบคุมได้:
ตั้งขีดจำกัดการเทรดรายวันหรือรายสัปดาห์: วิธีนี้จะช่วยให้คุณมุ่งเน้นไปที่โอกาสที่ดีที่สุดแทนการเทรดบ่อยเกินไป
ใช้แผนการเทรดที่ชัดเจน: เขียนกฎการเข้าออกการเทรดและการบริหารความเสี่ยงให้ชัดเจน เพื่อให้คุณสามารถติดตามได้ง่าย
หยุดพักจากหน้าจอ: ลุกขึ้นไปทำกิจกรรมอื่น ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการกระตุ้นทางอารมณ์
ทำบันทึกการเทรด: การจดบันทึกจะช่วยให้คุณเห็นรูปแบบการเทรดและข้อผิดพลาดที่อาจเกิดจากอารมณ์
มุ่งเน้นที่ความได้เปรียบของตัวเอง: เลือกเทรดเฉพาะโอกาสที่สอดคล้องกับกลยุทธ์และทฤษฎีการตลาดที่คุณตั้งไว้
การเป็นนักเทรดที่ประสบความสำเร็จไม่จำเป็นต้องเทรดทุกวัน หรือตลอดเวลา จริง ๆ แล้วนักเทรดที่เก่งมักใช้เวลาในการรอคอยมากกว่าการเทรดอย่างต่อเนื่อง
Overtrade vs Active Trade: เข้าใจความแตกต่าง
การเทรดแบบ Active มักจะถูกมองในแง่ลบ เพราะบางคนเข้าใจผิดคิดว่ามันคือการ Overtrade แต่ทั้งสองอย่างนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง การเทรดแบบ Active เป็นการเทรดที่มีการวางแผนมีระเบียบ และยึดตามกลยุทธ์ที่กำหนดไว้ ในขณะที่ Overtrade เป็นการเทรดที่ขาดระเบียบ มักเกิดจากอารมณ์ เช่น ความโลภ หรือความกลัว และมักจะไม่มีเหตุผลที่ชัดเจนรองรับ
หากการเทรดของคุณมีการวางแผนที่ดีและอิงตามกลยุทธ์ที่คุณได้ทดสอบแล้ว แม้ว่าคุณจะเทรดหลายครั้งในวันเดียว ก็ยังไม่ถือว่าเป็นการ Overtrade แต่ถ้าคุณเทรดเพียงเพราะรู้สึกเบื่อ หรือกลัวจะพลาดโอกาส จนเกิดการตัดสินใจตามอารมณ์ ก็คงถึงเวลาที่คุณต้องทบทวนการเทรดของตัวเองใหม่แล้ว
สรุป
การเทรดด้วยความมั่นใจและ Overtrade มีเส้นบาง ๆ ที่แยกกัน โดย Overtrade มักเกิดจากความต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็ว แต่ความสำเร็จในเทรดจริง ๆ มาจากความอดทน วินัย และการควบคุมตัวเอง
การเทรดโดยไม่มีแผนที่ชัดเจนไม่ใช่การกระทำที่กล้าหาญ แต่มันคือการเสี่ยงเกินไป และยิ่งคุณเสี่ยงมากเท่าไหร่ความได้เปรียบของคุณก็จะลดลง
หากคุณตระหนักถึง Overtrade ว่าเป็นจุดอ่อนในกลยุทธ์ของคุณ คุณก็จะสามารถแก้ไขและสร้างแนวทางที่มั่นคงเพื่อทำกำไรในระยะยาวได้
คำเตือน: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นคำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็นคำแนะนำ) ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำของ EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ
เหตุใดราคาทองคำจึงเพิ่มขึ้นในวันนี้ สำรวจปัจจัยกระตุ้นแบบเรียลไทม์เบื้องหลังการปรับขึ้นราคา ตั้งแต่ความกลัวต่อเงินเฟ้อไปจนถึงความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย
2025-06-16เรียนรู้ว่า Agg คืออะไร และเหตุใดจึงเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับนักลงทุนที่กำลังมองหาการเปิดรับตลาดพันธบัตรในวงกว้างและการกระจายพอร์ตการลงทุน
2025-06-16เชี่ยวชาญรูปแบบธงขาขึ้นและขาลงด้วยเคล็ดลับสำคัญ 5 ประการสำหรับการระบุ การซื้อขาย และการจัดการความเสี่ยงในตลาดที่มีแนวโน้ม เพิ่มความมั่นใจในการเทรดของคุณ
2025-06-16