การขาดดุลงบประมาณ (Fiscal Deficit) คืออะไร?
简体中文 繁體中文 English 한국어 日本語 Español Bahasa Indonesia Tiếng Việt Português Монгол العربية हिन्दी Русский ئۇيغۇر تىلى

การขาดดุลงบประมาณ (Fiscal Deficit) คืออะไร?

ผู้เขียน: Charon N.

เผยแพร่เมื่อ: 2025-12-09

การขาดดุลงบประมาณ (Fiscal Deficit)  เกิดขึ้นเมื่อค่าใช้จ่ายทั้งหมดของรัฐบาลสูงกว่ารายได้รวมภายในช่วงงบประมาณที่กำหนด ซึ่งมักหมายถึงระยะเวลา 1 ปี


ตัวชี้วัดนี้ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด เพราะสะท้อนให้เห็นไม่เพียงแต่สถานะทางการคลังในระยะสั้นของรัฐบาลเท่านั้น แต่ยังรวมถึงลำดับความสำคัญทางเศรษฐกิจและข้อจำกัดในระยะยาวของประเทศด้วย


เทรดเดอร์ให้ความสนใจกับการขาดดุลงบประมาณไม่ใช่แค่ในฐานะตัวเลขบัญชีเท่านั้น แต่ในฐานะสัญญาณบ่งชี้ถึงความต้องการกู้ยืมในอนาคต แรงกดดันต่ออัตราดอกเบี้ย แนวโน้มของค่าเงิน และเสถียรภาพทางเศรษฐกิจมหภาคโดยรวมอีกด้วย


คำนิยาม

การขาดดุลงบประมาณ

การขาดดุลงบประมาณ คือส่วนต่างระหว่างจำนวนเงินที่รัฐบาลใช้จ่ายกับรายได้ที่รัฐบาลจัดเก็บได้ผ่านภาษี ค่าธรรมเนียม และแหล่งรายได้อื่น ๆ เมื่อรายจ่ายสูงกว่ารายได้ รัฐบาลจำเป็นต้องจัดหาเงินส่วนที่ขาดไปผ่านการกู้ยืม ซึ่งมักทำโดยการออกพันธบัตรรัฐบาล


วิธีคำนวณการขาดดุลงบประมาณ

โดยทั่วไปนิยามได้ว่า:


  • การขาดดุลงบประมาณ = รายจ่ายทั้งหมด – รายได้ทั้งหมด (ไม่รวมเงินกู้ยืม)


การขาดดุลไม่ใช่เรื่อง “ดี” หรือ “ไม่ดี” เสมอไป ในบางสถานการณ์ การขาดดุลสามารถช่วยสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่ในบางครั้งก็อาจเพิ่มความเสี่ยงและบั่นทอนความเชื่อมั่นของตลาด


ปฏิกิริยาของตลาดขึ้นอยู่กับบริบท วัฏจักรเศรษฐกิจ ระดับหนี้ ภาวะอัตราดอกเบี้ย และความน่าเชื่อถือของนโยบายการคลัง


สาเหตุของการขาดดุลงบประมาณ

การขาดดุลงบประมาณเกิดขึ้นเมื่อรายจ่ายที่วางแผนไว้หรือรายจ่ายจริงของรัฐบาลสูงกว่ารายได้ที่จัดเก็บได้ในช่วงปีงบประมาณ


แม้แนวคิดจะดูตรงไปตรงมา แต่เงื่อนไขที่ทำให้เกิดการขาดดุลอาจซับซ้อนและหลากหลาย ในหลายกรณี การขาดดุลเกิดจากนโยบายที่ตั้งใจไว้ เช่น การเพิ่มการลงทุนภาครัฐ การลดภาษี หรือการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อพยุงการจ้างงานและการบริโภคในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว


การขาดดุลยังสามารถเกิดขึ้นจากปัจจัยเชิงวัฏจักรเศรษฐกิจได้เช่นกัน เมื่อเศรษฐกิจชะลอตัว รายได้ภาษีโดยเฉพาะภาษีเงินได้ ภาษีนิติบุคคล และภาษีการบริโภคจะลดลงโดยอัตโนมัติ ในขณะเดียวกันรายจ่ายของรัฐ เช่น สวัสดิการสังคม เงินสนับสนุนผู้ว่างงาน หรือค่าใช้จ่ายด้านสาธารณสุข อาจเพิ่มขึ้น


นอกจากนี้ ในบางประเทศ การขาดดุลอาจเกิดขึ้นจากปัญหาเชิงโครงสร้าง ภายในกรอบงบประมาณ เช่น ประเทศที่มีระบบจัดเก็บภาษีที่ไม่มีประสิทธิภาพ ภาระดอกเบี้ยหนี้สาธารณะที่สูง หรือมีภาระผูกพันระยะยาวต่อโครงการสวัสดิการขนาดใหญ่ ปัจจัยเหล่านี้สามารถทำให้ประเทศประสบปัญหาขาดดุลอย่างต่อเนื่องแม้ในช่วงเศรษฐกิจดี


สุดท้าย การขาดดุลยังอาจเกิดจากเหตุการณ์ไม่คาดคิด เช่น ภัยพิบัติทางธรรมชาติ เหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ หรือวิกฤตการณ์ทางการเงิน สถานการณ์เหล่านี้ทำให้รายจ่ายฉุกเฉินเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ขณะที่รายได้ลดลง ส่งผลให้การขาดดุลงบประมาณพุ่งสูงอย่างฉับพลัน


เหตุใดการขาดดุลงบประมาณจึงสำคัญสำหรับเทรดเดอร์

เทรดเดอร์ติดตามการขาดดุลงบประมาณอย่างใกล้ชิด เพราะมันส่งผลโดยตรงต่อปัจจัยสำคัญในตลาด 4 ด้าน ได้แก่:


1. อุปทานพันธบัตรรัฐบาล

เมื่อการขาดดุลงบประมาณเพิ่มขึ้น รัฐบาลจำเป็นต้องกู้ยืมมากขึ้น ซึ่งหมายถึงการออกพันธบัตรจำนวนมากขึ้น หากอุปทานเพิ่มขึ้นแต่ความต้องการไม่ได้เพิ่มตาม อัตราผลตอบแทน (yield) มีแนวโน้มปรับสูงขึ้นซึ่งส่งผลกระทบต่อมูลค่าพันธบัตร เส้นอัตราผลตอบแทน ระดับความเสี่ยง และต้นทุนการระดมทุนทั่วทั้งระบบเศรษฐกิจ


เทรดเดอร์ในตลาดตราสารหนี้จึงติดตามการคาดการณ์ขาดดุลเพื่อประเมินปริมาณการออกพันธบัตรและทิศทางของผลตอบแทนล่วงหน้า


2. ความคาดหวังอัตราดอกเบี้ย

การขาดดุลงบประมาณขนาดใหญ่หรือการขาดดุลที่เหนือความคาดหมาย อาจทำให้ตลาดคาดว่าแบงก์ชาติจะต้องปรับนโยบายการเงิน เช่น ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อจัดการความเสี่ยงเงินเฟ้อในงบประมาณที่เน้นกระตุ้นเศรษฐกิจมากเกินไป


ในทางกลับกัน ในช่วงเศรษฐกิจอ่อนแอ การขาดดุลอาจช่วยเสริมทิศทางนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย (accommodative policy) ดังนั้น เทรดเดอร์จึงมองว่านโยบายการคลังและนโยบายการเงินเป็นสองแรงที่เชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิด


3. ตลาดสกุลเงิน

การขาดดุลงบประมาณที่เพิ่มขึ้นอาจทำให้ค่าเงินอ่อนลง หากนักลงทุนกังวลว่าความยั่งยืนของหนี้สาธารณะเริ่มแย่ลง  ความเสี่ยงเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น แต่หากการขาดดุลนั้นสะท้อนการลงทุนที่ช่วยเพิ่มการเติบโตในระยะยาว ก็อาจดึงดูดเงินทุนจากต่างชาติ ส่งผลให้ค่าเงินแข็งขึ้นได้


เทรดเดอร์ในตลาดเงินจึงประเมินการขาดดุลร่วมกับดุลบัญชีเดินสะพัด เสถียรภาพทางการเมือง และความเชื่อมั่นของนักลงทุน


4. ความรู้สึกของตลาดหุ้น

ตลาดหุ้นมักตอบรับในเชิงบวกต่อการขาดดุลที่มาจากรายจ่ายเพื่อการเติบโต เช่น การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน หรือโครงการที่ช่วยเพิ่มผลิตภาพ อย่างไรก็ตาม ภาวะขาดดุลอย่างต่อเนื่องหรือการบริหารจัดการที่ไม่ดีอาจสร้างความตึงเครียดให้กับเศรษฐกิจ เพิ่มอัตราผลตอบแทนพันธบัตร และกดดันมูลค่าหุ้น


ทำความเข้าใจกับบทบาทของการขาดดุลงบประมาณในวัฏจักรเศรษฐกิจ

การขาดดุลงบประมาณสามารถขยายตัวหรือหดตัวได้ตามวัฏจักรเศรษฐกิจและการตัดสินใจด้านนโยบายการคลังของรัฐบาล


ในช่วงภาวะเศรษฐกิจถดถอย

รัฐบาลมักตั้งใจเพิ่มการขาดดุลเพื่อกระตุ้นอุปสงค์ในระบบเศรษฐกิจ ผ่านมาตรการต่าง ๆ เช่น เพิ่มการใช้จ่ายภาครัฐ การลดหย่อนภาษี หรือการช่วยเหลือฉุกเฉิน นี่คือตัวอย่างของนโยบายการคลังแบบสวนวัฏจักร (counter-cyclical fiscal policy) ซึ่งใช้เพื่อลดความรุนแรงของภาวะเศรษฐกิจตกต่ำและช่วยรักษาเสถียรภาพ


ช่วงเศรษฐกิจขยายตัว

การขาดดุลงบประมาณมักลดลง เนื่องจากรายได้ภาษีเพิ่มขึ้นและการใช้จ่ายในโครงการสนับสนุนลดลง ในบางกรณี รัฐบาลอาจตั้งเป้าให้เกิดงบเกินดุล (surplus) เพื่อสะสมความสามารถในการรับมือภาวะเศรษฐกิจถดถอยในอนาคต


ตัวปรับอัตโนมัติทางการคลัง

ส่วนหนึ่งของการขาดดุลสามารถเปลี่ยนแปลงตามสภาพเศรษฐกิจโดยอัตโนมัติ เช่น สวัสดิการผู้ว่างงานเพิ่มขึ้นเมื่อเศรษฐกิจถดถอย รายได้ภาษีเพิ่มขึ้นในช่วงเศรษฐกิจเติบโต กลไกเหล่านี้ช่วยลดความผันผวนของเศรษฐกิจโดยไม่จำเป็นต้องมีการออกนโยบายใหม่ทุกครั้ง


การขาดดุลงบประมาณ vs. หนี้สาธารณะ

ประเทศหนึ่งอาจสามารถมีระดับการขาดดุลปานกลางได้โดยไม่ทำให้ภาระหนี้ต่อ GDP แย่ลง หากเศรษฐกิจเติบโตแข็งแกร่ง ในทางกลับกัน แม้การขาดดุลเพียงเล็กน้อยก็อาจเป็นปัญหาได้ในสภาวะเศรษฐกิจเติบโตต่ำและมีภาระดอกเบี้ยสูง

แนวคิด ประเภท คำอธิบาย ความเกี่ยวข้องของตลาด
การขาดดุลงบประมาณ กระแส (Flow) ช่องว่างระหว่างรายจ่ายรัฐกับรายได้ที่จัดเก็บได้ภายในหนึ่งปี บ่งชี้ความต้องการกู้ยืมรายปี และมีผลต่ออุปทานพันธบัตรและอัตราผลตอบแทน
หนี้สาธารณะ สต็อกสะสม (Stock) หนี้รวมทั้งหมดที่รัฐบาลกู้มาตลอดช่วงเวลา มีผลต่อการประเมินความสามารถในการชำระหนี้ระยะยาวและความเสี่ยงของประเทศ


วิธีที่เทรดเดอร์ตีความ “ขนาด” ของการขาดดุลงบประมาณ

1. การขาดดุลระดับปานกลางและบริหารจัดการได้ดี

  • สะท้อนการดำเนินงานของรัฐบาลตามปกติ

  • ตลาดมักตอบรับในเชิงบวกหรือเป็นกลาง

  • ส่งผลต่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตรหรือค่าเงินเพียงเล็กน้อย


2. การขาดดุลขนาดใหญ่ที่มีแผนการเติบโตชัดเจน

  • อาจหนุนตลาดหุ้น หากการใช้จ่ายช่วยกระตุ้นกิจกรรมเศรษฐกิจ

  • มีแนวโน้มดันผลตอบแทนพันธบัตรให้สูงขึ้นจากความต้องการกู้ยืมที่เพิ่มขึ้น

  • ผลต่อค่าเงินอาจผสมผสาน ขึ้นกับว่าตลาดมองการเติบโตหรือเงินเฟ้อเป็นประเด็นหลัก


3. การขาดดุลขนาดใหญ่ที่ขาดความน่าเชื่อถือหรือไม่มีแผนการเติบโต

  • มักส่งผลลบต่อเสถียรภาพของค่าเงิน

  • เพิ่มเบี้ยความเสี่ยงของประเทศ (sovereign risk premium)

  • กดดันมูลค่าหุ้น โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย


4. การขยายตัวของการขาดดุลที่ไม่คาดคิด

  • มักทำให้ตลาดต้อง “ปรับราคาใหม่ทันที”

  • เปลี่ยนมุมมองต่อนโยบายดอกเบี้ย การประมูลพันธบัตร และกระแสเงินทุน


ตัวอย่าง

สมมติว่ารัฐบาลประกาศตัวเลขขาดดุลที่สูงกว่าคาดมาก โดยมีสาเหตุจากโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่


  • ตลาดพันธบัตร: เทรดเดอร์คาดว่าจะมีการออกพันธบัตรเพิ่มขึ้น จึงปรับผลตอบแทน (yield) สูงขึ้น

  • ตลาดหุ้น: อาจปรับตัวขึ้นในกลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน วัสดุอุตสาหกรรม และอุตสาหกรรมหนัก

  • ตลาดเงิน: เทรดเดอร์พิจารณาว่าการใช้จ่ายนี้จะสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนหรือทำให้ตัวชี้วัดหนี้ของประเทศแย่ลง


ตัวอย่างนี้แสดงให้เห็นว่า การขาดดุลงบประมาณไม่ใช่สัญญาณบ่งชี้ทิศทางตลาดโดยตรง แต่เป็นข้อมูลสำคัญที่เทรดเดอร์นำไปชั่งน้ำหนักร่วมกับปัจจัยอื่น ๆ ในสภาพแวดล้อมตลาดโดยรวม


คำศัพท์ที่เกี่ยวข้อง

  • ดุลงบประมาณ: ช่องว่างระหว่างรายได้ของรัฐบาลกับรายจ่ายรัฐบาล หากเป็นขาดดุล หมายถึงรายจ่ายสูงกว่ารายได้

  • หนี้สาธารณะ: ผลรวมสะสมของการขาดดุลในอดีต ซึ่งสะท้อนภาระหนี้คงค้างทั้งหมดของรัฐบาล

  • นโยบายการคลัง: การตัดสินใจของรัฐบาลเกี่ยวกับภาษีและการใช้จ่าย เพื่อปรับสภาพเศรษฐกิจให้เป็นไปตามเป้าหมาย


คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

1. การขาดดุลงบประมาณเป็นเรื่องไม่ดีสำหรับเศรษฐกิจเสมอไปหรือไม่?

ไม่เสมอไป ผลกระทบขึ้นอยู่กับสาเหตุของการขาดดุล หากการขาดดุลเกิดจากการลงทุนที่ก่อให้เกิดผลผลิต ก็สามารถช่วยสนับสนุนการเติบโตได้ แต่การขาดดุลที่บริหารจัดการไม่ดีอาจเพิ่มความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ


2. การขาดดุลงบประมาณส่งผลต่ออัตราดอกเบี้ยอย่างไร?

การขาดดุลที่ใหญ่ขึ้นมักหมายถึงการออกพันธบัตรเพิ่มขึ้น หากความต้องการซื้อไม่ทันต่ออุปทาน อัตราผลตอบแทน (yield) มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น


3. ทำไมเทรดเดอร์ต้องติดตามประกาศตัวเลขขาดดุลงบประมาณ?

เนื่องจากการขาดดุลมีอิทธิพลต่ออุปทานพันธบัตร มูลค่าสกุลเงิน ความคาดหวังอัตราเงินเฟ้อ และความรู้สึกโดยรวมของตลาด


สรุป

โดยสรุป การขาดดุลงบประมาณ คือสถานการณ์ที่รัฐบาลมีรายจ่ายสูงกว่ารายได้ ทำให้ต้องกู้ยืมเพื่อชดเชยส่วนที่ขาดหายไป เทรดเดอร์ให้ความสำคัญกับตัวเลขนี้เพราะมันมีอิทธิพลโดยตรงต่ออุปทานพันธบัตรและทิศทางของผลตอบแทน กระแสเงินทุนและการเคลื่อนไหวของค่าเงิน และความคาดหวังทางเศรษฐกิจโดยรวม


ความหมายของการขาดดุลขึ้นอยู่กับบริบทเป็นหลัก ทั้งสภาพเศรษฐกิจ นโยบายที่ใช้ ภาระหนี้ และความน่าเชื่อถือของรัฐบาล


สำหรับผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน การเข้าใจกลไกของการขาดดุลถือเป็นกุญแจสำคัญในการวิเคราะห์พฤติกรรมตลาดและแนวโน้มมหภาคที่มีผลต่อการตัดสินใจเทรด


ข้อสงวนสิทธิ์: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนา (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ได้เป็นคำแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ