เผยแพร่เมื่อ: 2025-10-27
ในการเทรด ราคามักเคลื่อนไหวราวกับเกลียวคลื่นในทะเล แต่ละคลื่นจะค่อยๆ ก่อตัว ลุกขึ้น และแตกสลายลงในที่สุด เทรดเดอร์ที่เข้าใจจังหวะนี้ย่อมสามารถ “โต้คลื่น” แห่งโมเมนตัมได้ก่อนที่แนวโน้มจะพลิกกลับ โดยมี Parabolic SAR ทำหน้าที่เสมือน “กระดานโต้คลื่น” ที่ช่วยให้เห็นภาพชัดเจนและอยู่ในเทรนด์ได้จนกว่าพลังของมันจะเริ่มอ่อนแรง
คำว่า SAR ย่อมาจาก “Stop and Reverse” ซึ่งเป็นอินดิเคเตอร์ทางเทคนิคสุดคลาสสิกที่ออกแบบมาเพื่อช่วยเทรดเดอร์ระบุทิศทางของแนวโน้ม และคาดการณ์จุดที่อาจเกิดการกลับตัวของราคาได้อย่างแม่นยำ ในปี 2025 ที่ตลาดทั่วโลกเผชิญความผันผวนจากข้อมูลเศรษฐกิจและการเทรดด้วยอัลกอริทึม การเชี่ยวชาญการใช้ Parabolic SAR จึงเปรียบเสมือนอาวุธสำคัญ ที่ช่วยให้เทรดเดอร์ลดความลังเล และตัดสินใจได้อย่างมั่นใจและเฉียบคม

Parabolic SAR (Stop and Reverse) คืออินดิเคเตอร์ติดตามแนวโน้ม (Trend-following indicator) ที่ถูกพัฒนาโดย J. Welles Wilder Jr. ในปี 1978 ผู้คิดค้น RSI และ Average True Range (ATR) ด้วยเช่นกัน จุดประสงค์ของ Wilder คือการสร้างเครื่องมือที่ช่วยให้เทรดเดอร์วิเคราะห์ตลาดได้ง่ายขึ้นแต่ยังคงความแม่นยำสูง
Parabolic SAR จะแสดงผลเป็นจุดเล็กๆ (dots) บนกราฟราคา
เมื่อจุดอยู่ใต้แท่งเทียน หมายถึงแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend)
เมื่อจุดอยู่เหนือแท่งเทียน หมายถึงแนวโน้มขาลง (Downtrend)
เมื่อจุดของ SAR “สลับด้าน” จากบนลงล่างหรือจากล่างขึ้นบน นั่นคือสัญญาณว่าแนวโน้มเริ่มอ่อนแรงและอาจเกิดการกลับตัว จุดที่เคลื่อนไหวในลักษณะโค้งแบบพาราโบลาคือที่มาของชื่อ Parabolic SAR ซึ่งสะท้อนพฤติกรรมของราคาในช่วงที่เร่งตัวใกล้จุดสิ้นสุดของเทรนด์ ทำให้เทรดเดอร์ใช้จับจุดกลับตัวได้ดี
แม้ว่าแพลตฟอร์มเทรดส่วนใหญ่จะคำนวณค่า SAR ให้อัตโนมัติ แต่การเข้าใจหลักการเบื้องหลังก็ช่วยให้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
อินดิเคเตอร์นี้ประกอบด้วยองค์ประกอบหลัก 3 ส่วน:
SAR (Stop and Reverse Value): ค่าจุดก่อนหน้าในกราฟ
EP (Extreme Price): ราคาสูงสุดหรือต่ำสุดของแนวโน้มปัจจุบัน
AF (Acceleration Factor): ค่าตัวคูณที่กำหนดความเร็วในการเคลื่อนของจุด SAR
สูตรคือ:
SARₙ₊₁ = SARₙ + AF × (EP - SARₙ)
โดยทั่วไปค่า AF จะเริ่มต้นที่ 0.02 และเพิ่มขึ้นทีละ 0.02 ทุกครั้งที่ราคาทำจุดสูงสุดใหม่ (ในเทรนด์ขาขึ้น) หรือจุดต่ำสุดใหม่ (ในเทรนด์ขาลง) แต่จะถูกจำกัดไว้สูงสุดที่ 0.20 เพื่อไม่ให้จุดเคลื่อนเร็วเกินไป
ตัวแปรนี้ช่วยให้ SAR ปรับตัวตามความเร็วของตลาด เมื่อโมเมนตัมเพิ่มขึ้น จุด SAR จะขยับเข้าใกล้ราคา และเมื่อราคาตัดผ่านจุดเหล่านั้น อินดิเคเตอร์จะ “กลับด้าน” ทันที ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ “Stop and Reverse”
อินดิเคเตอร์นี้มี 3 หน้าที่หลัก:
การระบุแนวโน้ม: เมื่อจุดอยู่ใต้ราคาอย่างต่อเนื่อง แสดงถึงแรงซื้อเด่นชัด (ขาขึ้น) แต่หากอยู่เหนือราคา แสดงถึงแรงขายครอบงำ (ขาลง)
จังหวะเข้าและออกเทรด: เทรดเดอร์จำนวนมากใช้จังหวะที่จุด SAR สลับด้านเป็นสัญญาณเข้าออเดอร์หรือล็อกกำไร เพราะมักบ่งชี้ถึงการกลับตัวระยะต้น
การกำหนดจุดหยุดขาดทุนแบบไดนามิก: ค่าของ SAR สามารถใช้เป็น “Stop-Loss ที่ขยับตามราคา” เพื่อปกป้องกำไรขณะราคาเคลื่อนไหวในทิศทางที่ได้เปรียบ
คู่เงิน EUR/USD ปรับขึ้นจาก 1.0650 เป็น 1.0930 โดยจุด SAR อยู่ใต้ราคาเกือบตลอดการขึ้น สะท้อนแรงซื้อที่แข็งแกร่ง จนกระทั่งจุดกลับด้านเหนือราคาแถว 1.0915 หลังถ้อยแถลงของธนาคารกลางยุโรป แนวโน้มจึงพลิกลงและราคาถอยกลับมาที่ 1.0800
บิตคอยน์พุ่งจาก 58,000 ดอลลาร์ ไปแตะ 67,000 ดอลลาร์ จุด SAR อยู่ใต้แท่งเทียนรายวันตลอดช่วงขาขึ้น แสดงถึงโมเมนตัมเชิงบวกชัดเจน แต่หลังจากธนาคารกลางสหรัฐออกแถลงการณ์เชิงเข้ม จุด SAR กลับขึ้นเหนือราคา สัญญาณนี้ช่วยให้เทรดเดอร์ออกจากตลาดก่อนที่ราคาจะร่วงลงมากกว่า 5%
แม้ว่า Parabolic SAR จะเป็นเครื่องมือทรงพลัง แต่ประสิทธิภาพสูงสุดจะเกิดขึ้นเมื่อใช้ควบคู่กับอินดิเคเตอร์อื่นที่ช่วยยืนยัน “ความแข็งแรงของแนวโน้ม” หรือ “ระดับความผันผวนของตลาด”
ร่วมกับค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average – MA): ใช้เส้นค่าเฉลี่ย 50 ช่วงเวลา (50-period MA) เป็นตัวกรองสัญญาณ SAR โดยเปิดออเดอร์ ซื้อ (Buy) เมื่อราคาปิดอยู่เหนือเส้น MA และเปิด ขาย (Sell) เมื่อราคาปิดอยู่ใต้เส้น MA
ร่วมกับ RSI (Relative Strength Index): ใช้ RSI เพื่อยืนยันสัญญาณกลับตัวของ SAR เช่น หาก SAR พลิกเป็นขาลงในขณะที่ RSI อยู่ในเขต “ซื้อมากเกินไป (Overbought)” จะเพิ่มความน่าเชื่อถือของสัญญาณขาลงนั้น
ร่วมกับ ADX (Average Directional Index): ใช้ ADX เพื่อประเมินว่าแนวโน้มแข็งแรงพอหรือไม่ หากค่า ADX ต่ำกว่า 20 หมายถึงโมเมนตัมอ่อน สัญญาณจาก SAR ในช่วงนั้นอาจไม่น่าเชื่อถือ
แสดงทิศทางของแนวโน้มได้ชัดเจนในรูปแบบภาพ
ปรับตัวอัตโนมัติตามความเร็วของตลาด
เหมาะสำหรับใช้กำหนดจุด “Trailing Stop” ในตลาดที่มีเทรนด์ชัดเจน
อาจให้สัญญาณหลอกในช่วงตลาด “แกว่งตัวแคบ (Sideways)”
อ่อนไหวต่อความผันผวน หากตั้งค่า Acceleration Factor แคบเกินไปอาจกลับด้านก่อนเวลา
ควรใช้ร่วมกับอินดิเคเตอร์ยืนยันอื่นเพื่อหลีกเลี่ยงสัญญาณผิดพลาด (Whipsaw)
ระหว่างเดือนมกราคมถึงพฤษภาคม ปี 2025 ดัชนี NASDAQ 100 ปรับตัวขึ้นเกือบ 18% จากแรงหนุนของผลประกอบการแข็งแกร่งในกลุ่มบริษัทเทคโนโลยี AI จุด Parabolic SAR อยู่ใต้ราคาตลอดช่วงขาขึ้น สะท้อนโมเมนตัมบวกที่ต่อเนื่อง แต่เมื่อข้อมูลเงินเฟ้อในเดือนพฤษภาคมส่งสัญญาณว่าอาจมีการ “คุมเข้มนโยบายการเงิน” จุด SAR พลิกขึ้นเหนือราคา เป็นสัญญาณเตือนว่าขาขึ้นใกล้สิ้นสุด และภายในหนึ่งสัปดาห์ต่อมา ดัชนีปรับฐานลงประมาณ 6%
กรณีนี้สะท้อนให้เห็นว่า Parabolic SAR สามารถช่วยเทรดเดอร์ “ล็อกกำไรในเทรนด์ยาว” และ “ออกจากตลาดได้ทันเวลา” ก่อนที่โมเมนตัมจะอ่อนแรงลง

เลือกตลาดที่มีแนวโน้ม: Parabolic SAR ทำงานได้ดีที่สุดในสินทรัพย์ที่เคลื่อนไหวเป็นทิศทางเดียวอย่างแข็งแรง เช่น คู่เงินหลักในตลาดฟอเร็กซ์ หรือสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodities)
ปรับค่า Acceleration Factor ให้เหมาะสม: ค่าเริ่มต้น 0.02 ใช้ได้กับสินทรัพย์ส่วนใหญ่ แต่สำหรับตลาดที่ผันผวนสูง เช่น คริปโท เทรดเดอร์บางรายอาจลดลงเหลือ 0.01 เพื่อให้จุด SAR เคลื่อนไหวเรียบและแม่นยำขึ้น
ใช้เป็น Trailing Stop: เลื่อนจุด Stop-Loss ตามตำแหน่งจุด SAR ใหม่ทุกครั้ง เพื่อปกป้องกำไรที่ได้ โดยไม่ต้องออกจากเทรดเร็วเกินไป
ยืนยันสัญญาณก่อนเข้าเทรด: ตรวจสอบความสอดคล้องของสัญญาณกับปริมาณการซื้อขาย (Volume), ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (MA) หรือโครงสร้างราคาก่อนตัดสินใจ
เหมาะมาก เพราะเป็นหนึ่งในอินดิเคเตอร์ที่อ่านและตีความได้ง่ายที่สุด สัญญาณแสดงผลในรูปแบบภาพที่เข้าใจได้ทันที จึงเหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นศึกษาการวิเคราะห์ทางเทคนิค
สามารถใช้ได้กับทุกตลาด ไม่ว่าจะเป็นฟอเร็กซ์ สินค้าโภคภัณฑ์ ดัชนีหุ้น หรือสกุลเงินดิจิทัล แต่จะให้ผลดีที่สุดในตลาดที่มีแนวโน้มชัดเจน มากกว่าตลาดที่เคลื่อนไหวในกรอบแคบ
ขึ้นอยู่กับสไตล์การเทรดของแต่ละคน เทรดเดอร์แบบรายวันมักใช้กรอบเวลา 15 นาที หรือ 1 ชั่วโมง ส่วนสาย สวิงเทรดนิยมใช้กรอบเวลา 4 ชั่วโมง หรือรายวัน (Daily) เพื่อให้เห็นสัญญาณที่ชัดและเสถียรกว่า
การเชี่ยวชาญการใช้ Parabolic SAR ไม่ใช่เรื่องของ “การทำนายตลาด” แต่คือ “การตามจังหวะของโมเมนตัม” ตลาดการเงินมักเคลื่อนไหวเป็นรอบของ “เร่งตัว” และ “อ่อนแรง” และอินดิเคเตอร์นี้ช่วยให้เทรดเดอร์มองเห็นช่วงเปลี่ยนผ่านเหล่านั้นได้ชัดเจน เมื่อใช้อย่างถูกต้อง มันจะช่วยสร้าง “กรอบวินัย” และ “โครงสร้างการตัดสินใจ” ที่บอกได้ว่าควรอยู่ต่อในเทรนด์ หรือควรถอยออกมารอดูจังหวะใหม่
ไม่มีอินดิเคเตอร์ใดที่สมบูรณ์แบบ 100% แต่ Parabolic SAR ยังคงเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ได้รับความนิยมยาวนานที่สุด เพราะสะท้อน “จิตวิทยาการเคลื่อนไหวของราคา” ได้อย่างแท้จริง มันแสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมของเทรดเดอร์ที่มักจะ “ไล่ตามโมเมนตัม” จนกระทั่งแรงเริ่มหมด และเตรียมพร้อมเข้าสู่เฟสใหม่ของตลาดได้ทันท่วงที
Parabolic SAR: อินดิเคเตอร์ทางเทคนิคที่แสดงจุดเหนือหรือต่ำกว่าราคา เพื่อระบุทิศทางแนวโน้มและสัญญาณกลับตัว
Acceleration Factor (AF): ค่าตัวแปรที่กำหนดระยะห่างระหว่างจุด SAR กับราคา โดยจะเพิ่มขึ้นตามความแข็งแกร่งของแนวโน้ม
Extreme Price (EP): ราคาสูงสุดหรือต่ำสุดที่เกิดขึ้นในระหว่างแนวโน้ม
Trailing Stop: จุดหยุดขาดทุนแบบเคลื่อนไหวตามราคา เพื่อรักษากำไรในขณะที่ยังเปิดออเดอร์อยู่
การกลับตัวของแนวโน้ม (Trend Reversal): จุดที่ราคากลับทิศทางหลังจากเคลื่อนไหวไปในแนวโน้มเดิมเป็นระยะเวลานาน
ข้อสงวนสิทธิ์: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนา (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ได้เป็นคำแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ