เผยแพร่เมื่อ: 2025-10-15
ลองจินตนาการว่าตลาดเหมือนห้องฉุกเฉินในโรงพยาบาลที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย หากคุณรีบเข้าไปโดยไม่มีแผน คุณจะสับสนและเสียจังหวะ แต่ถ้าคุณรอให้ถึงช่วงเวลาที่เหมาะสม เมื่อทีมพร้อมและเส้นทางชัดเจน คุณจะสามารถลงมืออย่างแม่นยำได้
ช่วงเวลา ICT Killzone หมายถึงช่วงเวลาหนึ่งในแต่ละวันของการเทรด ที่สภาพคล่อง การเคลื่อนไหวของสถาบัน และทิศทางราคาที่แม่นยำมักเกิดขึ้นพร้อมกัน หากคุณเรียนรู้ที่จะสังเกตมันได้ คุณจะหยุด “ต่อสู้กับตลาด” และเริ่ม “เทรดไปตามจังหวะของมัน”
ด้านล่างนี้คือคู่มือเข้าใจง่ายสำหรับมือใหม่เกี่ยวกับ ICT Killzone ว่าคืออะไร เกิดขึ้นเมื่อใด (รวมเวลามาตรฐานปี 2025 และข้อควรระวังเรื่อง DST) ทำไมมันถึงสำคัญ แต่ละช่วงตลาดมีพฤติกรรมต่างกันอย่างไร และวิธีใช้ช่วงเวลาเหล่านี้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
คำว่า “ICT” ย่อมาจาก Inner Circle Trader ซึ่งเป็นแนวคิดและวิธีการเทรดที่เผยแพร่โดย Michael J. Huddleston คำว่า ICT Killzone หมายถึงช่วงเวลาหนึ่งภายในรอบการเทรด (มักยาวประมาณ 2–3 ชั่วโมง) ที่มีการเคลื่อนไหวของสถาบันการเงินและความผันผวนของตลาดสูงที่สุด
เทรดเดอร์ที่ใช้แนวทางของ ICT จะให้ความสำคัญกับช่วงเวลาเหล่านี้ เพราะพฤติกรรมของราคามัก “ชัดเจนกว่า” เช่น การเคลื่อนตามแนวโน้มที่ต่อเนื่อง การเกิดสัญญาณเบรกจริง (ไม่หลอก) และมีสภาพคล่องเพียงพอ ทำให้โอกาสในการเข้าเทรดที่มีความน่าจะเป็นสูงเกิดขึ้นได้บ่อย
เทรดเดอร์แนว ICT ส่วนใหญ่จะจับตาช่วงเวลา Killzone หลัก 4 ช่วง ซึ่งเชื่อมโยงกับการเปิด–ปิดของตลาดหลักทั่วโลก ได้แก่
Asian (Tokyo) Killzone: ช่วงเวลาที่ตลาดเอเชีย โดยเฉพาะโตเกียว มีกิจกรรมการซื้อขายสูงสุด
London (European) Killzone: ช่วงเปิดตลาดลอนดอน ซึ่งมักมีสภาพคล่องสูงและความผันผวนมาก
New York (US) Killzone: ช่วงเปิดตลาดนิวยอร์ก ซึ่งทับซ้อนกับลอนดอน ทำให้เกิดการเคลื่อนไหวขนาดใหญ่
London Close Killzone: ช่วงท้ายของตลาดยุโรป เมื่อดีลเลอร์และสถาบันต่าง ๆ ปิดสถานะก่อนสิ้นวัน
ช่วงเวลาเหล่านี้คือช่วงที่ “Smart Money” หรือเม็ดเงินสถาบันมักจะเคลื่อนไหวมากที่สุด และมักเป็นจุดเริ่มต้นของแนวโน้มราคาที่สำคัญในแต่ละวัน
Killzone | ช่วงเวลา (นิวยอร์ก/ET) | เวลาเทียบ UTC (มาตรฐาน) | หมายเหตุ |
---|---|---|---|
Asian (Tokyo) Killzone | 19:00–21:00 น. ET | 00:00–02:00 UTC (วันถัดไป) | คู่เงินที่เคลื่อนไหวมาก: JPY, AUD, NZD; สภาพคล่องน้อยกว่ารอบลอนดอนและนิวยอร์ก |
London (Open) Killzone | 02:00–05:00 น. ET | 07:00–10:00 น. UTC | รอบเปิดตลาดลอนดอน ปริมาณการเทรดเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน |
New York (Open) Killzone | 08:00–11:00 น. ET | 12:00–15:00 น. UTC | ทับซ้อนบางส่วนกับลอนดอน — มักมีการเคลื่อนไหวรุนแรงในคู่เงิน USD |
London Close Killzone | 11:00 น.–13:00 น. ET | 15:00–17:00 น. UTC | ช่วงปิดตลาดยุโรป มักเกิดการกลับตัวหรือสัญญาณเก็งกำไรระยะสั้น |
เวลาทั้งหมดอ้างอิงตามเขตเวลาเมืองนิวยอร์ก (Eastern Time) และ UTC โปรดตรวจสอบว่าเป็นช่วง EST หรือ EDT (Daylight Saving Time) ก่อนแปลงเป็นเวลาท้องถิ่นของคุณ
โดยทั่วไปแล้ว รอบเอเชียมักมีความผันผวนต่ำกว่ารอบยุโรปและสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม เป็นช่วงเวลาที่เหมาะกับกลยุทธ์เทรดในกรอบ (Range Strategies), การเทรดแบบ Carry Trade หรือคู่เงินอย่าง AUD/JPY, NZD/USD รวมถึงการต่อเนื่องของแนวโน้มจากคืนก่อนหน้า แม้สภาพคล่องจะบางกว่า แต่ยังสามารถหาจังหวะทำกำไรเล็ก ๆ ได้
ช่วงเปิดตลาดลอนดอนคือช่วงที่ “ตลาดเริ่มมีพลังจริง” เพราะธนาคารและกองทุนยุโรปเริ่มเข้าตลาด ในช่วงเวลา 02:00–05:00 ET มักเกิดการเคลื่อนไหวที่มีสภาพคล่องสูง โดยเฉพาะในคู่ EUR, GBP และ Cross สำคัญต่าง ๆ
เทรดเดอร์ ICT มักใช้ช่วงนี้หาจังหวะจากโครงสร้างอย่าง Order Block, Breaker Block และ OTE Entries
ช่วงเช้าของตลาดนิวยอร์ก (08:00–11:00 ET) มักเป็นเวลาที่เกิดการเคลื่อนไหวทิศทางชัดเจนที่สุดของวัน
โดยเฉพาะเมื่อทับซ้อนกับตลาดลอนดอน คู่เงินที่เกี่ยวกับ USD, ฟิวเจอร์ส และดัชนีหลักมักตอบสนองต่อข่าวเศรษฐกิจสหรัฐฯ เช่น ข้อมูลการจ้างงาน หรือการปรับพอร์ตของสถาบัน แนวโน้มใหญ่ของวันมักเริ่มต้นในช่วงนี้
เมื่อใกล้สิ้นวันของยุโรป ดีลเลอร์และสถาบันมักปิดสถานะ ส่งผลให้ตลาดเกิดการกลับตัวเร็วหรือมีโอกาส Scalping
เทรดเดอร์บางคนใช้ช่วงนี้เพื่อ “เก็บของท้ายวัน” หรือบริหารความเสี่ยงก่อนตลาดสหรัฐฯ ปิดทำการ
ICT Killzone มุ่งเน้นไปที่สภาพคล่อง (Liquidity) การเคลื่อนไหวของสถาบัน (Institutional Activity) และ ปฏิกิริยาตลาดต่อข่าว (News Response) ซึ่งส่งผลให้เกิดข้อดีดังนี้:
การเคลื่อนไหวของราคาชัดเจนและมีทิศทาง
สเปรดแคบขึ้น เข้าออกออเดอร์ได้แม่นยำ
มีโครงสร้างตลาดให้สังเกตและวางแผนเข้าเทรดได้ง่าย
โดยสรุป หากใช้ ICT Killzone อย่างถูกวิธีและไม่ใช้เลเวอเรจเกินตัว คุณจะได้จุดเข้าเทรดที่มี “ความน่าจะเป็นสูง” พร้อมระบบบริหารความเสี่ยงที่ชัดเจนมากขึ้น
ต่อไปนี้คือแนวทางการเทรดที่เทรดเดอร์ใช้เพื่อจัดโครงสร้างการเข้าเทรดรอบช่วงเวลา ICT Killzone อย่างมีระบบ:
การทะลุกรอบเวลาเปิด : ทำเครื่องหมายช่วงเวลา 15–60 นาทีแรกหลังจาก Killzone เริ่มต้น แล้วเทรดเมื่อราคา “ทะลุกรอบ” พร้อมการยืนยันจากปริมาณการซื้อขาย (Volume Confirmation)
การล่าหาสภาพคล่อง : จับตาการเคลื่อนไหวหลอก (False Breakouts) ที่ดึง Stop Loss ของนักเทรดรายย่อย แล้วเลือกเทรดสวนทางหรือไปตามทิศทางที่สภาพคล่องไหลไป กลยุทธ์นี้มักได้ผลดีในช่วงเปิดตลาดลอนดอน
Order Block Entries (ICT OTE) : มองหาพื้นที่เข้าเทรดที่เหมาะสมหลังจากตลาดสร้างความไม่สมดุล (Imbalance) ภายใน Killzone เพื่อหาจุดเข้าในระดับราคาที่สอดคล้องกับโครงสร้าง Order Block ของสถาบัน
Killzone Scalping : ตั้งเป้าหมายกำไรสั้น ๆ ภายใน Killzone โดยใช้ Stop Loss ที่แคบและขนาดสัญญาเล็ก เพื่อเน้นความแม่นยำมากกว่าขนาดของผลตอบแทน
Session Fade / Reversion : หากการเคลื่อนไหวใน Killzone แรงเกินจริงและไม่มีการยืนยันจากฝั่งสถาบัน อาจพิจารณาเทรดสวนกระแส (Fade) เพื่อเก็บกำไรจากการกลับตัวระยะสั้น
การเทรดแบบทับซ้อน : ให้ความสำคัญกับช่วงเวลาที่ตลาดลอนดอนและนิวยอร์กเปิดทับกัน เนื่องจากเป็นช่วงที่มีการเข้าร่วมของสถาบันมากที่สุดและแนวโน้มราคามักเคลื่อนไหวชัดเจนที่สุด
อย่าคิดว่า Killzone คือ “ทางลัดสู่กำไรแน่นอน” มันเป็นเพียงเครื่องมือเพิ่มความน่าจะเป็นในการเทรดเท่านั้น หากคุณใช้การบริหารความเสี่ยงที่ดี มองการเคลื่อนไหวของราคาเป็น “รอยเท้าของสถาบัน” และใช้ขนาดสัญญาอย่างพอดี Killzone จะช่วยให้คุณโฟกัสกับ “ชั่วโมงที่มีประสิทธิภาพสูงสุดของตลาด” ได้ดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม ต้องระวังอคติยืนยัน (Confirmation Bias) การเห็น Killzone ไม่ได้หมายความว่าทุกดีลจะประสบความสำเร็จเสมอไป
แนวคิดนี้เป็นส่วนสำคัญของแนวทาง Inner Circle Trader (ICT) ที่พัฒนาโดย Michael Huddleston และถูกเผยแพร่อย่างกว้างขวางผ่านคอร์สและชุมชนผู้เรียนของเขา
โดยทั่วไป คู่เงินที่ให้การเคลื่อนไหวเด่นชัดในช่วงเปิดตลาดลอนดอน ได้แก่ EUR/USD, GBP/USD, EUR/GBP และคู่ EUR Cross หลัก ๆ อื่น ๆ ซึ่งมักมีสภาพคล่องสูงและแนวโน้มชัดเจน
ได้เช่นกัน แม้ตลาดคริปโตจะเปิดตลอด 24 ชั่วโมงและมีพฤติกรรมแตกต่างจากตลาดฟอเร็กซ์ แต่หลักการจับจังหวะสภาพคล่องยังสามารถนำมาปรับใช้ได้
โดยสรุปแล้ว ICT Killzone ทรงพลังเพราะมันสอนให้คุณ “เทรดตามจังหวะของตลาด” ไม่ใช่ตามอารมณ์ของตัวเอง เหมือนศัลยแพทย์ที่รอเวลาปลอดเชื้อก่อนลงมือผ่าตัด เทรดเดอร์ที่มีวินัยก็รอ “ช่วงเวลาที่ตลาดชัดเจนที่สุด” เช่นกัน
ใช้ Killzone เพื่อโฟกัสพลังของคุณในชั่วโมงที่มีความน่าจะเป็นสูงสุด ผสานเข้ากับการบริหารความเสี่ยงอย่างรอบคอบ และจงจำไว้ว่า ความสม่ำเสมอสำคัญกว่าความเร่งรีบเสมอ
ข้อสงวนสิทธิ์: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนา (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ได้เป็นคำแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ