ICT Trading คืออะไร? เทคนิค กลยุทธ์ และการใช้งาน

ความหมายเต็มของ ICT Trading คือ "Inner Circle Trader" คำนี้เกิดจากโปรแกรมการสอนเทรดออนไลน์ที่ก่อตั้งโดย Michael J.Huddleston ผู้สอนวิธีการเทรดในระดับสถาบันให้กับเทรดเดอร์นับพันทั่วโลก

ในวงการเทรดคำว่า ICT มักสร้างความสนใจ โดยเฉพาะกับมือใหม่และระดับกลางที่ต้องการพัฒนากลยุทธ์การเข้าตลาดให้แม่นยำยิ่งขึ้น

ในบทความนี้ เราจะมาทำความเข้าใจว่า ICT หมายถึงอะไรในโลกการเทรด บทบาทของมันต่อการพัฒนาฝีมือ กลยุทธ์หลัก และวิธีการนำไปใช้จริงในสถานการณ์ตลาดจริง

ICT Trading คืออะไร?

อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น ICT ย่อมาจาก "Inner Circle Trader" ซึ่งหมายถึงทั้งแบรนด์การสอนเทรดที่ก่อตั้งโดย Michael J.Huddleston และรูปแบบการวิเคราะห์ตลาดเฉพาะตัวที่เน้นแนวคิดการเทรดของสถาบัน

วิธีการเทรดของ ICT อิงแนวคิดที่ว่านักลงทุนสถาบัน เช่น ธนาคาร กองทุนเฮดจ์ฟันด์ และผู้สร้างตลาด มีบทบาทในการจัดการตลาดการเงิน และการเข้าใจกลยุทธ์เหล่านี้จะช่วยให้นักเทรดรายย่อยได้เปรียบเชิงกลยุทธ์

องค์ประกอบหลักของแนวคิด ICT :

• การทำความเข้าใจการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างตลาด

• การระบุกลุ่มสภาพคล่อง

• รู้จักแนวคิด Smart Money เช่น displacement, order blocks และ fair value gaps

• ใช้กรอบเวลาในการเทรด (time-based trading windows)

บทบาทของ ICT ในการเทรดยุคใหม่

ICT มีบทบาทสองด้าน ทั้งเป็นกรอบการศึกษาและแนวทางปฏิบัติการเทรด เราสามารถแบ่งบทบาทของ ICT ในการเทรดยุคใหม่ออกเป็น 3 ประเด็นหลัก:

1) ความชัดเจนของตลาด :

ICT ช่วยให้นักเทรดวิเคราะห์กราฟได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ระบุโอกาสการเทรดที่มีความน่าจะเป็นสูง แทนการพึ่งพาเครื่องมืออินดิเคเตอร์แบบสุ่ม

2) วินัยการบริหารความเสี่ยง :

กลยุทธ์ของ ICT รวมถึงการตั้ง stop-loss อย่างเข้มงวด และกำหนดโซนเข้าซื้อขายเฉพาะซึ่งช่วยควบคุมความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

3) การสร้างความมั่นใจ :

การเรียนรู้วิธีการทำงานของสถาบันช่วยให้เทรดเดอร์มั่นใจในการติดตาม price action แทนที่จะหวั่นไหวกับความเคลื่อนไหวเท็จของราคา

การประยุกต์ใช้ ICT ในตลาดต่าง ๆ

Forex

กลยุทธ์ ICT ได้รับความนิยมอย่างมากในตลาด Forex เนื่องจากมีสภาพคล่องสูงและการมีส่วนร่วมของสถาบันที่แข็งแกร่ง โดยทั่วไปแล้ว การประยุกต์ใช้ Forex มีดังนี้:

• ระบุ liquidity sweeps ก่อนข่าวเศรษฐกิจสำคัญ

• เทรด order blocks ในช่วงเวลาที่ตลาดลอนดอนและนิวยอร์กเปิดพร้อมกัน

• ใช้ fair value gaps สำหรับจุดเข้าซื้อขายแบบ retracement

หุ้นและดัชนี

เทรดเดอร์หุ้นและดัชนียังได้รับประโยชน์จากหลักการ ICT โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องจัดการกับดัชนีหลัก เช่น S&P 500 หรือ DAX

รูปแบบอย่าง order blocks และ liquidity grabs มักปรากฏในช่วงเปิดและปิดตลาด

คริปโต

ความผันผวนของคริปโตทำให้ ICT มีประโยชน์มาก เนื่องจาก liquidity grabs และ fair value gaps ปรากฏบ่อยเพราะสภาพคล่องต่ำเมื่อเทียบกับ Forex และหุ้น

กลยุทธ์หลักของ ICT Trading

แม้ว่า ICT จะครอบคลุมแนวคิดที่หลากหลาย แต่ก็มีกลยุทธ์บางอย่างที่โดดเด่นในเรื่องประสิทธิผลและความชัดเจน

1. การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างตลาด (Market Structure Shifts: MSS)

ICT เน้นการอ่าน price action ผ่านแนวโน้มสูงขึ้น-ต่ำขึ้น (higher highs, higher lows) และสูงลง-ต่ำลง (lower highs, lower lows) การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างตลาดเป็นสัญญาณของการกลับตัวหรือการต่อเนื่องของราคา ช่วยให้เห็นเส้นทางที่ชัดเจนสำหรับการเข้าซื้อและออกจากตลาด

2. Order Blocks

Order block คือแท่งเทียนล่าสุดที่เป็นขาขึ้นหรือขาลงก่อนการเคลื่อนไหวของตลาดอย่างรุนแรง โซนเหล่านี้แสดงถึงการซื้อขายของสถาบันและมักเป็นจุดเข้าซื้อขายที่มีโอกาสสำเร็จสูง

3. Fair Value Gaps (FVG)

Fair value gaps เกิดขึ้นเมื่อเกิดความไม่สมดุลในตลาด ทำให้เกิดพื้นที่ที่ราคายังไม่สมบูรณ์ระหว่างแท่งเทียน ราคามักจะกลับมายังโซนเหล่านี้ก่อนที่จะดำเนินการต่อไปตามทิศทางเดิม

4. Liquidity Grabs

สถาบันมักจะบังคับราคาผ่านระดับสำคัญเพื่อกระตุ้น stop loss ก่อนที่จะกลับตัว เทรดเดอร์ที่รู้จักรูปแบบนี้สามารถหลีกเลี่ยงกับดักเหล่านี้ได้

5. เวลาในการเทรด (Time of Day Trading)

กลยุทธ์ ICT มักเน้นช่วงเวลาตลาดเฉพาะ เช่น:

• London Open: ความผันผวนสูงและเกิดแนวโน้มชัดเจน

• New York Open: การต่อเนื่องหรือกลับตัวของราคา

• Asian Session: ช่วงรวมตัวและการสร้าง setup

ข้อดีและความเสี่ยงของการใช้กลยุทธ์ ICT

ข้อผิดพลาดทั่วไปเมื่อใช้กลยุทธ์ ICT

แม้จะมีกลยุทธ์ที่มั่นคง แต่เทรดเดอร์ก็ยังสามารถทำผิดพลาดได้:

1) ความซับซ้อนมากเกินไป :

พยายามใช้ทุกแนวคิด ICT กับทุกกราฟอาจทำให้สับสน

2) การละเลยบริบทของตลาด :

แม้ setup จะถูกต้อง หากเทรดในช่วงสภาพคล่องต่ำ ก็อาจล้มเหลวได้

3) เสี่ยงมากเกินไปต่อการเทรดแต่ละครั้ง :

ICT เน้นการควบคุมความเสี่ยงอย่างเข้มงวด การละเมิดหลักการนี้มักนำไปสู่การขาดทุน

4) การขาดความอดทน :

Setup ของ ICT มักต้องรอให้ราคามาถึงโซนสำคัญ ซึ่งเป็นความท้าทายสำหรับเทรดเดอร์บางคน

เคล็ดลับการชำนาญ ICT Trading

• เน้นการฝึก setup หลัก 1–2 รูปแบบก่อนขยายความรู้

• ใช้ trading journal เพื่อติดตามผลการเทรด

• ผสมผสานแนวคิด ICT กับปฏิทินเศรษฐกิจเพื่อหลีกเลี่ยงความผันผวนจากข่าวสำคัญ

• ใช้กรอบเวลาสูงเพื่อกำหนดแนวโน้ม และกรอบเวลาต่ำเพื่อความแม่นยำในการเข้าเทรด

คำถามที่พบบ่อย

1. ICT Trading เหมาะกับมือใหม่หรือไม่?

เหมาะ มือใหม่สามารถใช้ ICT trading ได้ แต่มีความยากในการเรียนรู้ แนะนำให้เริ่มจากโครงสร้างตลาด, setup พื้นฐาน 1–2 รูปแบบ และการบริหารความเสี่ยง ก่อนจะไปศึกษากลยุทธ์ขั้นสูง

2. เริ่มเรียนรู้กลยุทธ์ ICT อย่างไร?

เริ่มจากศึกษาการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างตลาด, ระบุโซนสภาพคล่อง และฝึก mastery ของ setup เช่น order blocks ใช้บัญชีทดลองฝึกก่อนเข้าสู่บัญชีจริง

3. ข้อดีหลักของวิธี ICT Trading คืออะไร?

ข้อดีหลักคือความแม่นยำ ช่วยให้เทรดเดอร์ระบุ setup ที่มีโอกาสสำเร็จสูง พร้อมควบคุมความเสี่ยงอย่างเข้มงวด

สรุป

สรุปแล้ว ICT Trading คือวิธีการเทรดครบวงจรที่เน้นการติดตามการเคลื่อนไหวของสถาบันทางการเงิน แทนที่จะเทรดสวนทาง

เมื่อชำนาญกลยุทธ์หลักของ ICT เช่น market structure shifts, order blocks, liquidity grabs และ fair value gaps เทรดเดอร์จะสามารถเพิ่มความแม่นยำ บริหารความเสี่ยงได้ดียิ่งขึ้น และสร้างความมั่นใจในการตัดสินใจเทรดในตลาดจริง

ข้อสงวนสิทธิ์: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนา (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ได้เป็นคำแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ